Quantcast
Channel: Advertorial Archives - รถใหม่ 2025-2026 รีวิวรถ, ราคารถใหม่, ข่าวรถใหม่, รถยนต์
Viewing all 532 articles
Browse latest View live

MINI เปิดตัว NEW MINI CLUBMAN 6 ประตู กว้างกว่าเดิม ราคาเริ่มต้น 2.38 ล้านบาท

$
0
0

MINI เปิดตัว NEW MINI CLUBMAN 6 ประตู กว้างกว่าเดิม ราคาเริ่มต้น 2.38 ล้านบาท

0

123456111314161719202122232629303132

– เจเนอเรชั่นใหม่ที่มาพร้อมขีดสุดของความสามารถตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวัน และศักยภาพของการขับขี่ทางไกล ความอเนกประสงค์ และความสะดวกสบายอย่างไม่เคยมีมาก่อนในรถยนต์มินิ
– รถยนต์มินิขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมี ก้าวแรกสู่เซ็กเมนต์รถยนต์คอมแพคระดับพรีเมี่ยม ที่ยังคงสัญลักษณ์ของตำนานแห่งความเป็นอังกฤษ

กรุงเทพฯ. มินิ ประเทศไทย ได้เผยโฉม มินิ คลับแมน โฉมใหม่ ให้สื่อมวลชนไทยได้ร่วมสัมผัสพร้อมกันเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้เปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์ แฟรงก์เฟิร์ต อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2015 ที่ประเทศเยอรมนีเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มินิ คลับแมน โฉมใหม่นี้ มาพร้อมฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้างอันเป็นเอกลักษณ์ และขนาดที่ใหญ่กว่ารถยนต์ในตระกูลมินิทุกรุ่น นับเป็นก้าวแรกของมินิในการเข้าสู่เซ็กเมนต์รถยนต์คอมแพคระดับพรีเมี่ยม ในขณะที่ยังคงรักษาคุณลักษณะเด่นด้านความรู้สึกในการขับขี่ที่สนุกสนาน การแสดงออกถึงสไตล์และนวัตกรรม ที่ทำให้รถยนต์แบรนด์อังกฤษนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นตำนาน

มินิ คลับแมน โฉมใหม่ กับการเจาะตลาดรถยนต์คอมแพคระดับพรีเมี่ยม
ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น 27 เซนติเมตร กว้างขึ้น 9 เซนติเมตร และฐานล้อที่ยาวขึ้น 10 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับรถยนต์มินิ แฮทช์ 5 ประตู มินิ คลับแมน โฉมใหม่นี้ จึงเป็นรถยนต์มินิที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซี่งไม่เพียงเป็นการตีความใหม่ให้กับการเดินทางในแบบดั้งเดิมตามสไตล์อังกฤษ สำหรับศตวรรษที่ 21 แต่ยังเป็นการผจญภัยครั้งใหม่ของ

แบรนด์มินิในเซ็กเมนต์รถยนต์คอมแพคระดับพรีเมี่ยม ช่องเก็บสัมภาระที่มีความจุมากถึง 360 ลิตร และยังสามารถขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,250 ลิตร เมื่อทำการพับเบาะที่นั่งหลังซึ่งแยกกันที่ 40:20:40
คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า “ด้วยขนาดที่ยาวและกว้างขึ้น รวมถึงบุคลิกที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจนของ มินิ คลับแมน โฉมใหม่ เรากำลังสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับคนรักมินิเจเนอเรชั่นใหม่ในประเทศไทย ช่องเก็บสัมภาระที่ขยายความจุมากขึ้น เป็นการยกระดับความอเนกประสงค์และตอบโจทย์ทุกการใช้งานสำหรับครอบครัวรวมไปถึงกลุ่มผู้ใช้งานแนวสปอร์ตที่หลงใหลในการเดินทางและกิจกรรมที่หลากหลาย นอกจากนี้เรายังได้นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถยนต์ตระกูลมินิ เราจึงมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า มินิ คลับแมน โฉมใหม่ จะประสบความสำเร็จในประเทศไทย”

ฟีเจอร์ใหม่ในมินิ: Air Curtains และ Air Breathers เสริมประสิทธิภาพช่องระบายอากาศ
คุณสมบัติทางด้านแอโรไดนามิกส์ของมินิ คลับแมน โฉมใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยการติดตั้งส่วนประกอบเพิ่มเติมในระบบการระบายอากาศซึ่งถูกนำมาใช้ในรถยนต์มินิเป็นครั้งแรก ได้แก่ ช่องระบายอากาศ (Air Curtains) เป็นช่องลมขนาดเล็กในแนวตั้งที่กันชนหน้า ซึ่งช่วยให้กระแสลมสามารถไหลผ่านไปยังซุ้มล้อหน้า ทำงานร่วมกับช่องระบายอากาศ (Air Breathers) ที่ด้านหลังของซุ้มล้อคู่หน้า ช่วยระบายแรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากแรงดันอากาศ

ฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้าง พร้อมไฟหลัง LED ดีไซน์ใหม่
ฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้างใช้วัสดุโลหะที่โดดเด่นสะดุดตาเป็นอีกจุดเด่นชวนมองในส่วนท้ายของ มินิ คลับแมน โฉมใหม่ เสากลางระหว่างบานกระจกซ้าย-ขวามีขนาดเล็กลงกว่าในรุ่นก่อนหน้า ซึ่งช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองด้านหลังให้ดียิ่งขึ้น การเปิดฝากระโปรงท้ายสามารถทำได้ด้วยการใช้มือเปิดจากปุ่มที่มือจับฝากระโปรงทั้งสองข้างซึ่งทำจากวัสดุชุบโครเมียม หรือสามารถเปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัสตัวรถด้วยการใช้เท้าไปจ่อที่บริเวณใต้กันชนท้าย ฝากระโปรงท้ายก็จะเปิดโดยอัตโนมัติทีละข้าง ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้เมื่อผู้ขับมีกุญแจรถอยู่กับตัว

นวัตกรรมการจัดไฟแบบพิเศษเฉพาะสำหรับ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม โฉมใหม่: LED headlamp ประกอบด้วย LED daytime driving light, LED rear lights และ LED fog light เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

การตกแต่งภายใน: พื้นที่กว้างขวาง, ระบบแสงไฟสร้างบรรยากาศ, เบาะนั่งปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า
หน้าจอแสดงผลส่วนกลางที่เป็นเอกลักษณ์ของมินิได้รับการจัดวางอย่างสอดประสานกลมกลืนใน มินิ คลับแมน โฉมใหม่ โดยที่ มินิ คูเปอร์ คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ ดี คลับแมน โฉมใหม่ มาพร้อมหน้าจอสีขนาด 6.5 นิ้ว และ มินิ

คูเปอร์ เอส คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม โฉมใหม่ มาพร้อมหน้าจอสีขนาด 8.8 นิ้ว ซึ่งทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ จอควบคุมความบันเทิง และโทรศัพท์ อีกทั้งยังเพิ่มลูกเล่นให้การขับขี่ในทุกเส้นทางได้อย่างเพลิดเพลิน เทคโนโลยี LED ใหม่ล่าสุดที่สามารถเปลี่ยนสีไฟรอบวงแหวนหน้าปัดแสดงผลกลางตามสถานะ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนน หรือการทำงานของฟังก์ชั่นต่างๆ ตามความพึงพอใจของผู้ขับขี่

การจัดแสงไฟภายในห้องโดยสาร ซึ่งใช้ LED และแสงไฟสร้างบรรยากาศ มาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษ MINI Excitement Package ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนสีได้ และการเปิดการทำงานของหน้าจอเมื่อเปิดหรือปิดประตูรถ นอกจากนี้ ยังเพิ่มลูกเล่นการฉายไฟลงมาบนพื้นถนนฝั่งคนขับ เป็นโลโก้ MINI เมื่อเราทำการปลดล็อกรถยนต์ และอีกหนึ่งฟีเจอร์มาตรฐานใหม่ สำหรับมินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม คือ การปรับตั้งค่าต่างๆ ของเบาะที่นั่งผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้าด้วยระบบไฟฟ้า โดยระบบจะจดจำองศาของที่นั่งคนขับ และยังเป็นครั้งแรกของรถยนต์มินิที่การปรับระดับต่างๆ ของเบาะ ไม่ว่าจะเป็นที่รองศีรษะ การปรับที่นั่งตามยาว การจัดองศาของพนักพิงหลัง สามารถปรับได้เพียงแค่กดปุ่มเดียว

เครื่องยนต์ชุดใหม่ที่ให้อารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตและสมรรถนะที่โดดเด่น
มินิ คลับแมน โฉมใหม่ ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด 3 รุ่น โดยขุมกำลังของมินิ รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ให้อารมณ์ในการขับขี่แบบโกคาร์ทโดยเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้านต่างๆ ที่ดียิ่งขึ้น เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ในมินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน โฉมใหม่ กำลังขับเคลื่อนสูงสุดอยู่ที่ 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 5.9 ลิตร/100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 141 กรัม/กิโลเมตร) มินิ คูเปอร์ คลับแมน โฉมใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ กำลังขับเคลื่อน 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 5.3 ลิตร/100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 125 กรัม/กิโลเมตร) สำหรับใน มินิ คูเปอร์ ดี คลับแมน โฉมใหม่ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ กำลังขับเคลื่อน 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 ลิตร/100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 130 กรัม/กิโลเมตร)

ครั้งแรกของมินิ กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic
เครื่องยนต์ 4 สูบใน มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน, มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม และ มินิ คูเปอร์ ดี คลับแมน

โฉมใหม่ จะถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptonic ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกียร์อัตโนมัติประเภทนี้ถูกนำมาใช้ในรถยนต์มินิ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเปลี่ยนเกียร์ที่ฉับไว และนุ่มนวลไร้รอยต่อ เนื่องจากจำนวนเกียร์ที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้รอบเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์ใช้กำลังน้อยลง

มิติใหม่ของการอารมณ์ขับขี่แบบโกคาร์ท: ระบบกันสะเทือนอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์มินิ ที่มาพร้อมไดนามิค แดมเปอร์ คอนโทรล (Dynamic Damper Control)

มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม โฉมใหม่ มาพร้อมฟังก์ชั่นไดนามิค แดมเปอร์ คอนโทรล (Dynamic Damper Control) ซึ่งเป็นระบบปรับความนุ่มนวลของโช๊กอัพอัตโนมัติ ซึ่งสามารถปรับแต่งได้โดยเลือกการตั้งค่าที่เหมาะสมตามความชอบและสไตล์การขับขี่ โดยสามารถเลือกได้ทั้งการขับขี่แนวรถแข่งแบบสปอร์ตหรือเลือกการขับขี่ที่นุ่มนวล ระบบควบคุมด้วยไฟฟ้าของวาล์วแดมเปอร์มอบการตอบสนองต่อพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบของท้องถนนที่เป็นเอกลักษณ์และมีความหลากหลาย

ล้ออัลลอย 2 แบบให้เลือก
มินิ คูเปอร์ คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ ดี คลับแมน โฉมใหม่ มาพร้อมกับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ Net Spoke ขนาด 17 นิ้ว สีเงิน ในขณะที่ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม โฉมใหม่ มาพร้อมกับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ Star Spoke ในสีเงินและสีดำสำหรับลุคสปอร์ต

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
มินิ คูเปอร์ คลับแมน : 2,388,000 บาท
มินิ คูเปอร์ ดี คลับแมน : 2,688,000 บาท
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน : 3,088,000 บาท
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม : 3,288,000 บาท

โปรแกรมบำรุงรักษา MINI Service Inclusive
มินิ คลับแมน โฉมใหม่ ทุกรุ่นมอบความสบายใจให้แก่ลูกค้า ด้วยโปรแกรมบำรุงรักษา MINI Service Inclusive หรือ MSI ที่มีระยะเวลาคุ้มครองการบำรุงรักษาพร้อมทั้งการรับประกันภายใต้เงื่อนไขและข้อตกลงเช่นเดียวกัน การรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ตลอดระยะเวลาการคุ้มครอง นานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กม.


ใหม่ Mitsubishi Mirage 2016-2017 ราคา มิตซูบิชิ มิราจ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ Mitsubishi Mirage 2016-2017 ราคา มิตซูบิชิ มิราจ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

MITSUBISHI-MIRAGE-2016

MITSUBISHI MIRAGE (3) MITSUBISHI MIRAGE (4) MITSUBISHI MIRAGE (5) MITSUBISHI MIRAGE (6) MITSUBISHI MIRAGE (7) MITSUBISHI MIRAGE (8) MITSUBISHI MIRAGE (9) MITSUBISHI MIRAGE (11) MITSUBISHI MIRAGE (12) MITSUBISHI MIRAGE (10)

STYLISH ให้มากกว่าความโดดเด่น ด้วยดีไซน์ใหม่สปอร์ตกว่า โฉบเฉี่ยวปราดเปรียวทุกองศา

มิตซูบิชิ มิราจ 2016 ใหม่ “ให้คุณมากกว่าที่คิด” ด้วย 3 จุดเด่นหลัก

– โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกและภายในใหม่ตามแนวคิด “Spicy Small” และเพิ่มสีมาตรฐานใหม่ 3 สี คือ สีแดง (Red Wine) สีส้ม (Sunrise Orange) สีเทาไทเทเนียม (Titanium Grey); “Smart Safety”

– ครบครันด้วยระบบเสริมความปลอดภัยอัจฉริยะที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถอีโค คาร์ ; และ “Saving”

– ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร*1 เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน (ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน) และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำสุดเพียง 98 กรัม ต่อกิโลเมตร*2

NEW Mitsubishi Mirage Be More 2016 ราคา

ราคา มิตซูบิชิ มิราจ Mitsubishi Mirage GL (MT) 383,000 บาท
ราคา มิตซูบิชิ มิราจ Mitsubishi Mirage GLX (MT) 439,000 บาท
ราคา มิตซูบิชิ มิราจ Mitsubishi Mirage GLX CVT (AT) 473,000 บาท
ราคา มิตซูบิชิ มิราจ Mitsubishi Mirage GLS CVT (AT) 539,000 บาท
ราคา มิตซูบิชิ มิราจ Mitsubishi Mirage GLS Ltd (AT) CVT 567,000 บาท

ราคา มิตซูบิชิ มิราจ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
mirage ราคาผ่อน

อุปกรณ์มาตรฐาน NEW Mitsubishi Mirage Be More

NEW Mitsubishi Mirage Be More ความยาว x ความกว้าง x ความสูง = (3,795 x 1,665 x 1,505) มม.

NEW Mitsubishi Mirage GL MT 383,000.
ภายนอก
– ไฟหน้Œามัลติรีเฟล็กซ์เตอร์แบบฮาโลเจน (Multi Reflector Headlamps with Halogen)
– ไฟท้ายแบบ LED พร้อมแผ่นสะท้Œอนบริเวณกันชนท้าย (LED Tail Lights)
– กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ (Body Color Door Mirrors)
– ที่ปัดน้ำฝนหน้Œา-หลัง พร้อมจังหวะหน่‹วงเวลา (Front-Rear Intermittent Wiper) เฉพาะด้านหน้Œา (Front Only)
– ไล่‹ฝ้‡ากระจกหลัง (Rear Defroster)

ภายใน
– จอแสดงผลข้Œอมูลอเนกประสงค์ (Multi Information Display
– พวงมาลัยแบบ 3 ก้Œาน ตกแต‹งวัสดุ Piano Black & Chrome (3 Spokes Steering Wheel with Piano Black & Chrome Decoration) ตกแต่‹งสีเงิน (Silver Decoration)
– พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำ (Tilt Adjustable Steering Wheel)
– กระจกหน้Œาต่‹างไฟฟ้‡า (Power Windows)
– เฉพาะคู่หน้Œา (Front Only)
– กระจกมองข้างปรับ และพับด้Œวยไฟฟ้‡า (Electrically Controlled and Foldable Door Mirrors) เฉพาะปรับไฟฟ้า (Electrically Controlled Only)
– วัสดุหุ้ŒมเบาะผŒาสีดำ (Black Fabric Seat)
– ที่วางแก้Œวน้ำบริเวณคอนโซลกลาง 3 ตำแหน่‹ง (Cup Holders on Floor Console x 3)
– ช่‹องเก็บของบริเวณคอนโซลกลาง (Storage on Floor Console)
– ช่องเก็บของข้Œางประตูคู่‹หน้Œา พร้Œอมช่องใส่‹ขวดน้ำ (Front Doors Pocket with Bottle Holder)
– ช่‹องเก็บของบริเวณคอนโซลหน้Œา และช่‹องเก็บของใต้คอพวงมาลัย (Multi Purpose Open Tray and Storage under Steering Column)
– กล่‹องเก็บของท้ายรถพร้Œอมฝาปิด และไฟส่‹องสว่‹างห้Œองสัมภาระ (Cargo Floor Box and Luggage Room Lamp)
– ราวมือจับเหนือศีรษะ 3 ตำแหน่‹ง (Assist Grip x 3)
– พรมรองพื้นห้องโดยสาร (Carpet Mats)
– ช่‹องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ (DC 12V Accessory Power Sockets)

ระบบความปลอดภัย
– ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC-Active Stability Control)
– ระบบช่‹วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA-Hill Start Assist System)
– ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS-Anti Lock Braking System)
– ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD-Electronic Brake Force Distribution)
– ระบบเสริมแรงเบรก (BA-Brake Assist)
– ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (ESS-Emergency Stop Signal System)
– ระบบล็อกป้องกันการเปิดประตูหลังจากภายใน (Child Protection Rear Doors Lock)
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้Œา (Dual SRS Airbags)
– เข็มขัดนิรภัยคู่‹หน้Œาแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน‹ง (Pretensioner with Force Limiter Front Seatbelts ELR x 2)
– เข็มขัดนิรภัยเบาะหลังแบบ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่‹ง และแบบ 2 จุด 1 ตำแหน‹ง (Rear Seatbelt 3-Points ELR x 2 and 2-Points x 1)

NEW Mitsubishi Mirage GLX MT  439,000.
ภายนอก
– กระจกมองข้Œางสีเดียวกับตัวรถ (Body Color Door Mirrors) พร้Œอมไฟเลี้ยวแบบ LED (with LED Side Turning Lamps)
– ที่ปัดน้ำฝนหน้Œา-หลัง พร้อมจังหวะหน่‹วงเวลา (Front-Rear Intermittent Wiper)

ภายใน
– ภายในตกแต่งวัสดุแบบ Piano Black (Piano Black Decoration)
– มาตรวัดการขับขี่แบบ Semi-High Contrast (Semi-High Contrast Meter)
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย (Steering Wheel Remote Control Switch)
– สวิตช์ควบคุมการสั่งงานดŒวยเสียง และปุ่†มรับสาย-วางสายโทรศัพท์ที่พวงมาลัย (Steering Wheel Voice Command with Hand Free Switch)
– ระบบเครื่องเสียง 2DIN จอภาพระบบสัมผัส, วิทยุ, DVD, MP3, Bluetooth (2 DIN Audio, DVD, MP3, Touch Screen Monitor จอภาพระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว (Touch Screen 6.2″)
– ช่องต่‹ออุปกรณ์ USB (USB Port)
– กระจกหน้Œาต่างไฟฟ้‡า (Power Windows) แบบปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติ (ด้Œานคนขับ) พร้Œอมระบบ Safety (One Touch Operate Power Window with Safety System on Driver Side)
– กระจกมองข้Œางปรับ และพับด้Œวยไฟฟ้‡า (Electrically Controlled and Foldable Door Mirrors)
– เซ็นทรัลล็อก (Central Door Locking System)
– กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Keyless Operation System with One Touch Start System) กุญแจรีโมท (Keyless Entry System)
– เบาะนั่งด้านหลังปรับพับแบบ 60:40 (60:40 Separated Foldable Rear Seat)
– ช่‹องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้Œานหน้Œา (Seat Back Pocket on Front Passenger Seat)
– ตะขอสำหรับแขวนของ ที่เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้Œา (Convenience Hook on Front Passenger Seat)

NEW Mitsubishi Mirage GLX CVT  473,000.

อุปกรณ์เหมือนรุ่น Mitsubishi Mirage GLX MT  แตกต่างคือ เป็นเกียร์อัตโนมัติ

NEW Mitsubishi Mirage GLS CVT 539,000.
ภายนอก
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Bi-XENON HID พร้อมไฟหรี่แบบ Spectrum LED
– ไฟตัดหมอกหน้า (Front Fog Lamps)
– สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED (Rear Spoiler with LED High-Mount Stop Lamp)

ภายใน
– มือจับประตูด้Œานในแบบโครเมียม (Chrome Type Inner Door Handles)
– พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ตกแต่‹งวัสดุ Piano Black & Chrome (3 Spokes Steering Wheel with Piano Black & Chrome Decoration) หุ้มหนัง (Leather Wrapped)
– กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้Œอมปุ่†มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Keyless Operation System with One Touch Start System)
– วัสดุหุ้ŒมเบาะผŒาสีดำ (Black Fabric Seat) ตกแต่‹งด้ายเงิน (Silver Stitch)

ความปลอดภัย
– ระบบเตือนการชนด้Œานหน้Œาตรง พร้Œอมระบบช่‹วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ)
– ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่‹งอย่‹างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า)
– ระบบป้‡องกันการโจรกรรม (Immobilizer System)
– เข็มขัดนิรภัยคู่‹หน้Œาแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่‹ง (Pretensioner with Force Limiter Front Seatbelts ELR x 2) แบบ 2 ทิศทาง (ด้Œานคนขับ) 2-Way Type (Driver’s side only)

NEW Mitsubishi Mirage GLS-LTD CVT 567,000.
ภายใน
– จอแสดงผลข้Œอมูลอเนกประสงค์ (Multi Information Display)
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioner)
– ระบบเครื่องเสียง 2DIN จอภาพระบบสัมผัส, วิทยุ, DVD, MP3, Bluetooth (2 DIN Audio, DVD, MP3, Touch Screen Monitor) จอภาพระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว (Touch Screen 6.5″)
– ระบบนำทางในรถยนต์ (Navigation System)

0
1
00-1

ภายนอก NEW Mitsubishi Mirage Be More GL MT

2
– PROJECTOR Bi-XENON HID HEADLAMPS ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Bi-XENON HID *(เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

gallery6_l
– SPECTRUM LED POSITION LAMPS ไฟหรี่แบบ SPECTRUM LED *(เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

4
– NEW DESIGN FRONT GRILLE กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น

5
– FRONT LOWER GRILLE GARNISH-CHROME ด้านล่างของกระจังหน้า ตกแต่งแบบโครเมียมพร้อมไฟตัดหมอกหน้า *(ไฟตัดหมอกหน้าเฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

6
– REAR SPOILER WITH LED HIGH-MOUNT STOP LAMP สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED *(เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

7
– LED TAIL LIGHTS ไฟท้ายแบบ LED พร้อมแผ่นสะท้อนแสงบริเวณกันชนท้าย

8
– TWO-TONE ALLOY WHEELS 15” ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ดีไซน์ใหม่แบบทูโทน *(เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

ภายใน NEW Mitsubishi Mirage Be More

9

INTERRIOR ให้มากกว่าความลงตัว ด้วยการตกแต่งใหม่แบบ PIANO BLACK ที่มาพร้อมกับเบาะผ้าสีดำดีไซน์ใหม่
ENTERTAINMENT ให้มากกว่าความบันเทิง ด้วยระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ที่ครบครัน เชื่อมต่อได้ทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้คุณเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

10

10-1
– 3 SPOKES STEERING WHEEL WITH PIANO BLACK CHROME DECORATION พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน ดีไซน์ใหม่เพื่อความกระชับมือยิ่งขึ้น พร้อมตกแต่ง PIANO BLACK & CHROME *(เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

11
– SEMI-HIGH CONTRAST METER มาตรวัดการขับขี่แบบ SEMI-HIGH CONTRAST *(ยกเว้นรุ่น GL)

12
– AUTOMATIC AIR CONDITIONING ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ *(เฉพาะรุ่น GLS-LTD)

13
– PIANO BLACK DECORATION ภายในตกแต่งด้วยวัสดุแบบ PIANO BLACK *(ยกเว้นรุ่น GL)

14-1
– ENTERTAINMENT WITH NAVIGATION SYSTEM ระบบเครื่องเสียง 2DIN หน้Œาจอสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว, วิทยุ, DVD, MP3, BLUETOOTH และระบบนำทางในรถยนต์(เฉพาะรุ่น GLS-LTD)

15-1
– ENTERTAINMENT SYSTEM ระบบเครื่องเสียง 2DIN หน้Œาจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว, วิทยุ, DVD, MP3, ช่‹องต่ออุปกรณ์ USB และ BLUETOOTH (เฉพาะรุ่‹น GLS, GLX)

15-2
– STEERING WHEEL REMOTE CONTROL SWITCH / VOICE COMMAND WITH HAND FREE SWITCH สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง, ควบคุมการสั่งงานด้Œวยเสียง และปุ่†มรับสาย-
วางสายโทรศัพท์พวงมาลัยใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วให้คุณควบคุมอุปกรณ์ได้Œโดยไม่‹ต้Œองละมือจากพวงมาลัย และละสายตาจากถนน (เฉพาะรุ่น GLS และ GLX)

17
– USB PORT IN GLOVE BOX ช่องต่ออุปกรณ์ USB ในช่‹องเก็บของบริเวณคอลโซลหน้Œา (เฉพาะรุ่‹น GLS-LTD)

Electronic Time and Alarm Control System ระบบอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยอัจฉริยะ

65
– ใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติ ในกรณีที่ฝนตก และผู้Œขับเปิดที่ปัดน้ำฝนในตำแหน่งปัดหยุด เมื่อรถใช้Œความเร็วเกิน 60 กม./ชม. ที่ปัดน้ำฝนจะเปลี่ยนเป็šน จังหวะที่ 1 ให้Œโดยอัตโนมัติ และจะกลับมาที่ตำแหน‹งปัดหยุดเหมือนเดิม เมื่อความเร็วต่ำกว‹า 60 กม./ชม.

66
– ระบบหน่‹วงเวลาเปิด-ปิดกระจกไฟฟ้‡า หลังดับเครื่องยนต์ กระจกไฟฟ้‡าจะยัง สามารถเปิด-ปิดได้Œต่อไปอีกภายใน 30 วินาที ก่อนเปิดประตู

67
-ระบบตัดการทำงานไฟหน้าอัตโนมัติไฟหน้Œารถจะดับเองอัตโนมัติเมื่อดับ เครื่องยนต์และเปิดประตู ช่วยประหยัดไฟในแบตเตอรี่

68
– ระบบสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลนเพียงขยับก้Œานไฟเลี้ยวเล็กน้Œอย ไฟเลี้ยวและสัญญาณไฟเตือนในหน้Œาปัดจะกะพริบ 3 ครั้ง

69
– ระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (COMING HOME LIGHT) ให้Œดึงก้านไฟเลี้ยวเข้Œาหาตัวภายใน 60 วินาที หลังดับเครื่องยนต์ ไฟหน้า จะอยู่ในตำแหน่‹งไฟต่ำและทำงานเป็šนเวลา 30 วินาที เพื่อความสะดวกและ ปลอดภัย

70
– ระบบไฟสว่างอัตโนมัติ เมื่อปลดล็อก (WELCOME LIGHT) เมื่อกดปุ่มปลดล็อกบนกุญแจรีโมท ไฟหรี่และไฟท้ายจะทำงานเป็นเวลา 30 วินาที (ระบบนี้จะทำงานเมื่อสวิตช์ ชุดไฟหน้Œาอยู‹ในตำแหน่‹ง OFF)

71
– ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ (EMERGENCY STOP SIGNAL SYSTEM-ESS) เมื่อมีการเบรกกะทันหัน เพื่อแจ้งŒ เตือนรถที่ตามมาด้านหลัง

72
– สัญญาณเสียง เมื่อประตูปิดไม่สนิท สัญญาณเสียงจะเตือน เมื่อมีการออกรถในขณะที่ประตูรถปิดไม่สนิท

73
– ระบบล็อกประตูซ้ำอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย ระบบจะสั่งล็อกประตูทุกบานโดยอัตโนมัติ หากไม่มีการเปิดประตู ภายใน 30 วินาที หลังจากการกดปุ่มปลดล็อก

UTILITIES ให้มากกว่าความสะดวกสบาย ด้Œวยฟังกชั่นที่ลงตัวทุกประโยชน์การใช้สอย ตอบสนองได้Œทุกความต้Œองการ

21
– KEYLESS OPERATION SYSTEM ระบบกุญแจอัจฉริยะ ช่‹วยให้คุณสามารถล็อกและปลดล็อก ประตูอย่างสะดวกสบายภายในรัศมี 70 เซนติเมตร *(เฉพาะรุ่‹น GLS-LTD, GLS)

22
– ONE TOUCH START SYSTEM ปุ่†มสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ สะดวกสบาย มากขึ้น ทำงานร‹วมกับ IMMOBILIZER SYSTEM *(เฉพาะรุ่‹น GLS-LTD, GLS)

23
– IMMOBILIZER SYSTEM ระบบป้‡องกันการโจรกรรม จะอนุญาติให้Œติดเครื่องยนต์ได้Œ เฉพาะระบบกุญแจอัจฉริยะ ที่ส่งรหัสสัญญาณตรงกับระบบ เท่‹านั้น ช่‹วยให้Œปลอดภัยจากการโจรกรรม *(เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

24
– RETRACTABLE CARGO COVER แผ่นปิดห้Œองสัมภาระด้Œานท้Œาย *(ยกเว้Œนรุ่น GL)
– CARGO FLOOR BOX AND LUGGAGE ROOM LAMP กล่‹องเก็บของท้ายรถพร้อมฝาปิด และไฟส่องสว่‹างบริเวณห้องสัมภาระ เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

25
– SEAT BACK POCKET ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้Œโดยสารด้านหน้Œา *(ยกเว้นรุ่น GL)

26
– CONVENIENCE HOOK ตะขอสำหรับแขวนของ ที่เบาะนั่งผู้Œโดยสารด้านหน้า *(ยกเว้Œนรุ่‹น GL)

27
– MULTI-PURPOSE OPEN TRAY ช่‹องเก็บของบริเวณคอนโซลหน้Œา

28
– CUP HOLDER ON FLOOR CONSOLE ที่วางแก้วน้ำบริเวณคอนโซลกลาง 3 ตำแหน่ง

29
– STORAGE UNDER STEERING COLUMN ช่‹องเก็บของใต้คอพวงมาลัย

30
– FRONT DOORS POCKET WITH BOTTLE HOLDER ช่‹องเก็บของข้างประตูคู่‹หน้Œา พร้อมช่‹องใส่‹ขวดน้ำ

31
– 60:40 SEPARATED FOLDABLE REAR SEAT เบาะนั่งหลังปรับพับแบบ 60:40 (ยกเว้Œนรุ่‹นGL)

ระบบความปลอดภัย NEW Mitsubishi Mirage Be More

SAFETY SYSTEM ให้มากกว่าความอุ่นใจ ด้วยระบบเสริมความปลอดภัยที่ครบครัน

20-1
– ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) เป็šนระบบเสริมความปลอดภัย โดยระบบจะตรวจจับวัตถุด้Œานหน้Œา หากมีการเหยียบคันเร‹งผิดพลาดอย่างรุนแรง และรวดเร็ว ระบบจะทำการเตือนและตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะอัตโนมัติ เพื่อให้Œผู้Œขับขี่เบรกรถได้Œทัน ช่‹วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน *(เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

19-1
– ระบบเตือนการชนด้Œานหน้Œาตรง พร้Œอมระบบช่‹วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) เปš็นระบบเสริมความปลอดภัย โดยระบบจะประเมินระยะห่‹างจากรถยนต์คันหน้า หากพบว่‹ามีความเสี่ยง ที่จะชนรถยนต์คันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว *(เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

14
– DUAL SRS AIRBAGS ถุงลมนิรภัยคู‹่หน้า

15
– 2-WAY PRETENSIONER WITH FORCE LIMITER FRONT SEATBELTS (DRIVER SIDE) เข็มขัดนิรภัยด้Œานคนขับ แบบดึงกลับและผ่‹อนแรงอัตโนมัติ แบบ 2 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS)

16 16-1
– RISE BODY (REINFORCED IMPACT SAFETY EVOLUTION)1 โครงสร้างตัวถังนิรภัยเหล็กกล้า ที่ใช่้เหล็กแรงดึงสูง (HIGH TENSILE STEEL) ช่วยลดการยุบของห้องโดยสารจากการชน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

17-1
– ANTI-LOCK BRAKING SYSTEM (ABS)2 ระบบเบรกแบบป้‡องกันล้อล็อก จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ช่วยให้Œคุณหักหลบสิ่งกีดขวางในขณะเหยียบเบรกได้อย่างทันท‹วงที

18-1
– ELECTRONIC BRAKE FORCE DISTRIBUTION (EBD) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำงานประสานกับระบบเบรก ABS เพื่อให้Œเกิดการกระจายแรงเบรกอย่‹างเหมาะสมทั้ง 4 ล้Œอ ช่‹วยลดระยะเบรกใหŒสั้นลง

19
– BRAKE ASSIST (BA) ระบบเสริมแรงเบรก จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้Œมากขึ้น เพื่อช่‹วยให้การหยุดรถเป็šนไปอย่างรวดเร็ว

20
– ACTIVE STABILITY CONTROL (ASC) 2 ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ในสภาวะที่รถเสียสมดุลเพื่อช่‹วยควบคุมกรณีที่เกิดการลื่นไถลออกนอกเส้Œนทางเช่‹น กรณีหลุดโค้Œงเมื่อเข้าโคŒ้งด้วยความเร็วสูง ถนนลื่น หรือหักหลบกะทันหัน

21-1
– HILL START ASSIST (HSA) ระบบช่‹วยออกตัวบนทางลาดชัน ช่‹วยป้‡องกันรถไหล เมื่อต้Œองออกตัวบนทางลาดชัน

58

เครื่องยนต์ NEW Mitsubishi Mirage Be More

SAVING ให้มากกว่าความประหยัดด้วยอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร

59
– DOHC MIVEC 12-VALVE ENGINE เครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที‹ แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ‹ พร้อมระบบวาล์วแปรผันด้านไอดี MIVEC (MITSUBISHI INNOVATIVE VALUE TIMING ELECTRONIC CONTROL SYSTEM) ช่วยให้เครื่องยนต์ มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ทำให้เครื่องยนต์ อัตราเร่งดีเยี่ยม ให้การเผาไหม้หมดจด ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม

61
– CVT (CONTINUOUSLY VARIABLE TRANSMISSION) WITH INC (IDLE NEUTRAL CONTROL) & G-SENSOR ระบบเกียร์ อัตโนมัติ CVT ควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และนุ่มนวล ทำงานควบคู่กับบระบบ INC ที่ช่วยควบคุมและตัดระบบส่‹งกำลังไปยังเพลาขับอัตโนมัติในขณะรถหยุดนิ่งและ เหยียบเบรกในตำแหน่‹งเกียร์ “D” ลดภาระการทำงานของ เครื่องยนต์ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันในทุกการขับขี่ และลดการสึกหรอของระบบเกียร์ ช่‹วยยืดอายุการใช้Œงานของเกียร์ให้ยาวนานขึ้น พร้อมด้วยระบบ G-SENSOR ช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ใหม่ความแม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน
– INVECS-III (INTELLIGENT AND INNOVATIVE VEHICLE ELECTRONIC CONTROL SYSTEM III ) ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ อัจฉริยะ INVECS-III ช่วยวิเคราะห์ และจดจำลักษณะการขับขี่ เพื่อนำไปประมวลผลการเปลี่ยนเกียร์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล

62
– FUEL SAVING ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร จากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการตาม Combine Mode ที่ระบุไว้Œในข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg.101 Rev.2 ในรุ่น GLX CVT

63

– CO2 อัตราการปล่‹อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำสุดเพียง 98 กรัม/กิโลเมตร จากผลการทดสอบในห้Œองปฏิบัติการ ที่วัดตามหลักเกณฑ์ที่ระบุในขŒอกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg.101 Rev.2 ในรุ่น GLX CVT

64
– EURO 5 STANDARD ผ่านการรองรับมาตรฐานมลพิษอยู่ในระดับ EURO 5 ตามขŒอกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg.83 (06) Rev.4
– AERODYNAMICS มิตซูบิชิ มิราจ ได้รับการออกแบบใหม่ตามหลักอากาศพลศาสตร์  ให้ค่าสัมประสิทธิ์ แรงเสียดทาน (Cd.) ต่ำเพียง 0.29 เพิ่มความคล่องตัวปราดเปรียวในการขับขี่ และการทรงตัวที่ดีขึ้น
– SUSPENSION
• ช่วงล่างด้านหน้าอิสระ แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปิรง พร้อมเหล็กกันโคลง ให้ความนุ่มนวลเกาะถนนดีเยี่ยม
• ช่วงล่างด้านหลัง แบบทอร์ชั่นบีม แข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย

46

47
– FRONT BUMPER GARNISH WITH ILLUMINATION แผงครอบกันชนหน้Œาพร้อม ILLUMINATION *(พร้อมจำหน‹ายปลายเดือน 2020กุมภาพันธ 2559)

48
– SIDE WINDOW DEFLECTOR คิ้วกันสาดข้Œาง

49
– REAR SPOILER สปอยเลอร์หลัง (เฉพาะรุ่น GLX, GL)

50
– PLATING TAILGATE PLATING GARNISH คิ้วโครเมียมชายฝากระโปรงท้Œาย

51
– MUDGUARD MATERIAL BLACK (FRONT/REAR) กันโคลนสีดำ (คู่‹หน้Œา/คู่‹หลัง)

52
– REAR BUMPER GARNISH แผงครอบกันชนหลัง

53
– EXHAUST FINISHER ปลายท่อไอเสียโครเมียม

54
– ARMREST CONSOLE ที่เท้าแขน

55
– SCUFF PLATE WITH RALLIART LOGO ฝาครอบบันไดสแตนเลส (โลโก้Œแรลลี่อาร์ต)

56
– CARGO NET ตาข่ายเก็บของท้Œายรถ

57
– LUGGAGE TRAY WITH MITSUBISHI LOGO ถาดใส่ของท้Œายรถ (โลโกŒมิตซูบิชิ)

COLORS สี NEW Mitsubishi Mirage

นิว มิตซูบิชิ มิราจ มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ 1.สีแดง 2.สีส้ม 3.สีน้ำเงิน 4.สีขาว 5.สีเทา 6.สีดำ

40
NEW Mitsubishi Mirage สีแดง

41
NEW Mitsubishi Mirage สีส้ม

42
NEW Mitsubishi Mirage สีน้ำเงิน

43
NEW Mitsubishi Mirage สีขาว

44
NEW Mitsubishi Mirage สีเทา

45
NEW Mitsubishi Mirage สีดำ

GM สร้างสถิติยอดขายสูงสุดทั่วโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

$
0
0

GM สร้างสถิติยอดขายสูงสุดทั่วโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
Untitled-1
– จีเอ็มสร้างยอดขายอันดับหนึ่งในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และจีน
– ยอดขายคาดิลแลคทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์
– บูอิคทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3 ปีติดต่อกัน
– ยอดขายเชฟโรเลตในอเมริกาเหนือขยายตัว 6 เปอร์เซ็นต์
– โอเปิล/วอกซ์ฮอลล์มียอดขายในยุโรปสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554

ดีทรอยท์ – เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ประกาศยอดจำหน่ายรถรวมทั่วโลกอยู่ที่ 9.8 ล้านคันในปี 2559 เพิ่มขึ้น 0.2 เปอร์เซ็นต์ และนับเป็นการสร้างสถิติยอดขายใหม่ 3 ปีติดต่อกัน

“จีเอ็มยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2558 ด้วยความมุ่งมั่นของเราที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้าและความสำเร็จในการเปิดตัวรถใหม่ที่เหนือความท้าทายของตลาดอเมริกาใต้และสภาวะชะลอตัวของธุรกิจในบางประเทศ อย่างเช่น รัสเซีย” แดน อัมมานน์ ประธานกรรมการจีเอ็ม กล่าว

ยอดจำหน่ายรถยนต์ รถกระบะ และรถครอสโอเวอร์ในอเมริกาเหนือประจำปี 2558 เพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 3.6 ล้านคัน โดยยอดจำหน่ายรถปลีกของจีเอ็มในสหรัฐอเมริกาซึ่งจำหน่ายให้ลูกค้าเป็นรายบุคคลมีอัตราเติบโตที่รวดเร็วกว่าบริษัทรถยนต์รายอื่น

ในตลาดจีน เจนเนอรัล มอเตอร์สและบริษัทร่วมทุนมียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3.6 ล้านคัน ขยายตัว 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2557 กลุ่มผลิตภัณฑ์ของจีเอ็มในจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นหลังจากมีการเปิดตัวรถใหม่และการปรับโฉมรวมทั้งหมด 12 รุ่น ยอดจำหน่ายรถเอสยูวีเพิ่มขึ้น 144 เปอร์เซ็นต์ นำโดยรถใหม่อย่างบูอิค เอ็นวิชั่น และเป่าจุน 560

ในปี 2558 รถยนต์ รถกระบะ และรถครอสโอเวอร์ของเจนเนอรัล มอเตอร์สครองตำแหน่งผู้นำยอดจำหน่ายในจีน อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้

จีเอ็มยังเตรียมเปิดตัวรถใหม่ที่น่าสนใจหลายรุ่นทั่วโลก ทั้งโอเปิล แอสตร้าใหม่ที่มียอดจำหน่ายมากกว่า 80,000 คันทั่วภูมิภาคยุโรป และเชฟโรเลต มาลิบูใหม่ในอเมริกาเหนือที่เริ่มจัดส่งถึงผู้จัดจำหน่ายตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา

สำหรับประเทศไทย จีเอ็มผลิตรถ CHEVROLET หลายรุ่น ทั้งรถกระบะโคโลราโด รถอเนกประสงค์พีพีวี เทรลเบลเซอร์ รถอเนกประสงค์เอสยูวี แคปติวา และรถยนต์ ครูซ ที่ศูนย์การผลิตยานยนต์จังหวัดระยอง สำหรับการทำตลาดในประเทศและเพื่อการส่งออก

ความสำเร็จด้านยอดจำหน่ายทั่วโลก (เทียบกับปี 2557)

CHEVROLET เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดขายปลีกในสหรัฐอเมริกาได้รวดเร็วกว่าบริษัทรถยนต์หลักรายอื่น โดยมียอดจำหน่ายรถยนต์ รถกระบะ และรถครอสโอเวอร์ เติบโตเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า 2.1 ล้านคัน ยอดจำหน่ายรถเชฟโรเลตในแคนาดาเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดจำหน่ายในเม็กซิโกมีการเติบโต 18 เปอร์เซ็นต์ ยอดจำหน่ายรวมทุกแบรนด์ในอเมริกาเหนือปรับตัวสูงขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์

บูอิคสร้างสถิติยอดจำหน่ายทั่วโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้แรงขับเคลื่อนจากยอดจำหน่ายที่สูงเป็นประวัติการณ์ในจีน และยอดจำหน่ายรถครอสโอเวอร์สูงสุดเป็นสถิติใหม่ในสหรัฐอเมริกา ยอดจำหน่ายรวมเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านคัน

คาดิลแลคทั่วโลกเติบโตขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้แรงขับเคลื่อนจากยอดขายสถิติใหม่ในจีน และการเติบโตของรุ่นเอสอาร์เอ็กซ์และเอสคาเลดในสหรัฐเมริกา

จีเอ็มซียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ด้วยการเปิดตัวรถใหม่และการปรับโฉมหลายรุ่น ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 680,000 คัน

โอเปิล/วอกซ์ฮอลล์สร้างสถิติยอดขายสูงสุดในรอบ 4 ปีด้วยการส่งมอบรถให้ลูกค้ามากกว่า 1.1 ล้านคัน แม้ว่าจะมีการดำเนินธุรกิจเชิงยุทธศาสตร์ด้วยการถอนตัวออกจากตลาดรัสเซีย ส่วนตลาดรวมในภูมิภาคยุโรปเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันไปอยู่ที่เกือบ 6 เปอร์เซ็นต์

ในสหรัฐอเมริกา ยอดจำหน่ายของจีเอ็มเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ โดยได้แรงสนับสนุนจากรถหลายรุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างเชฟโรเลต ซิลเวอราโด และโคโลราโด จีเอ็มซี เซียร์รา และยอดจำหน่ายรถครอสโอเวอร์ที่สูงเป็นประวัติการณ์ ยอดจำหน่ายขายปลีกเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์

ALL NEW Ford Everest ดีมั้ย? นี่คือข้อมูลที่ควรรู้ ก่อนสัมผัสด้วยตัวคุณเอง!!!

$
0
0

ALL NEW Ford Everest ดีมั้ย? นี่คือข้อมูลที่ควรรู้ ก่อนสัมผัสด้วยตัวคุณเอง!!!

2016-Ford-Everest_2

ฟอร์ด ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์แบบอเนกประสงค์ PPV ซึ่งถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ ให้กับรถยนต์นั่งระดับเดียวกัน นั่นก็คือ All New Ford Everest ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยอีกด้วย

All New Ford Everest ที่เปิดตัววางจำหน่ายในประเทศไทย มีทั้งสิ้น 3 รุ่น โดยแบ่งเป็น 2 เครื่องยนต์ ได้แก่ รุ่น 2.2 Titanium 2 รุ่น (ขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4WD) และ 3.2 Titanium+ 4WD  ซึ่งวันนี้ 9carthai ของเราจะพาทุกท่านมาพบกับ All New Ford Everest ใหม่ ที่ขับสนุกที่สุดรถ PPV เพียบพร้อมเทคโนโลยีไฮเทคกันครับ

2016-Ford-Everest_2

All New Ford Everest ได้รับการตกแต่งรูปโฉมใหม่ในสไตล์ของรถอเมริกันขนานแท้ ดูแข็งแกร่งบึกบึน

บอกเลยว่าครั้งแรกที่ได้เห็น New Everest มันช่างดูสง่าแข็งแกร่งเหมือนได้ขับรถอเมริกันขนานแท้ ทั้งมิติขนาดตัวที่ดูใหญ่โต พร้อมลุย นอกจากนี้ออปชั่นภายนอก ก็ล้ำสมัย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ HID ที่มาพร้อมระบบปรับสูง-ต่ำอัจฉริยะ (Auto-High Beam) มีไฟ Daytime Running Light แบบ LED อยู่ภายในโคม, ไฟท้าย LED ที่โดดเด่นรับกับกันชนท้าย ที่ดูแกร่งพร้อมลุย, ล้ออัลลอยขนาดมหึมา 20” ดีไซน์ล้ำยุค ขับไปไหนแล้วไม่มีอายใคร

ในโฉมปี 2016 นี้ได้เพิ่มสีใหม่อย่างสีฟ้า Blue Reflex Metallic สีสวยสดใส เข้ามาใหม่

นอกจากแกร่งแล้ว ยังแอบหรูด้วยนะ กระจังหน้าโครเมียมที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นรถ อเมริกันพันธุ์แท้ นอกจากนี้ยังใช้ กระจกมองข้างโครเมี่ยมที่มีไฟเลี้ยวในตัว, มือจับประตูโครเมี่ยม และบันไดขนาดใหญ่สีเงิน

ที่สำคัญ Everest ใหม่ นับได้ว่าเป็น PPV ที่ลุยได้จริงไม่ใช่แค่สวย ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) สูงถึง 225 มม. นั่นทำให้การปีนป่าย ต่างๆ ไม่เป็นอุปสรรค คุณสามารถปีนรถขึ้นฟุตบาท หรือ เนินหินขนาดใหญ่ได้อย่างสบาย นอกจากนี้ มันขับลุยน้ำลึกได้ถึง 800 มม. เลยทีเดียว หน้าฝนน้ำท่วม Everest ก็ไม่หวั่นแม้วันมามาก

ที่ขาดไม่ได้ของรถสุดโฮเทคในยุคนี้ กับหลังคา Panoramic Moonroof แบบปรับไฟฟ้า เปิดกว้างวิสัยทัศน์ มอบความสุนทรีย์ในการโดยสารยามค่ำคืน พร้อมความโรแมนติกได้อีก หากคุณจะไปจอดหาที่โล่งนอนชมท้องฟ้านับดาวกับสุดที่รัก

2016-Ford-Everest_1

ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ไม่ต้องห่วงเรื่องพื้นที่โดยสารกับ Ford Everest ใหม่ เพราะมันมีขนาดใหญ่กว้างขวางนั่งสะดวกสบาย มีทั้งสิ้น 7 ที่นั่ง โดย เบาะผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยไฟฟ้าได้มากถึง 8 ทิศทาง และเบาะนั่งแถว 3 พับเรียบลงได้แบบ 50:50 ด้วยไฟฟ้า (Power Fold Seat) พร้อมด้วยประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า (Power Lift Gate)

โอ้ มันเจ๋งตรงนี้ล่ะ รถคันไหนเดี๋ยวนี้เบาะตอนหลังก็พับราบเรียบได้หมด แต่จะมีคันไหนที่สามารถพับได้ง่ายด้วยระบบไฟฟ้า เพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มบ้างล่ะ?

2016-Ford-Everest_3

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ยังมอบความสุนทรีย์จากการเดินทางในห้องโดยสารอีกนะ เริ่มจาก ระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก Active Noise Cancellation ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก   เมื่อห้องโดยสารเงียบสงบแล้ว ความบันเทิงก็ตามมา จอแสดงผล TFT 8” ที่เชื่อมต่อระบบเอนเตอร์เทนเม้น ได้ครบครัน มันส่งกำลังเสียงผ่านลำโพงคุณภาพ 9 ตำแหน่ง เยอะจริง ช่วยกระจายเสียงครบทุกมุมรถ พร้อมด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียงที่อัพเดทใหม่ให้ชาญฉลาด และใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น SYNC2

และถ้ารู้สึกเบื่อยังมีระบบเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-fi Router ให้คุณสามารถเชื่อมต่อ Gadget อุปกรณ์ต่างๆภายในรถได้ หรือหากคุณมี Aircard พกติดตัวมาด้วย ก็แค่เสียบเข้าช่อง USB ซะ แค่นี้คุณก็มี Wifi Hotspot ให้ใช้บนรถเหมือนใช้ Wifi บ้านไม่มีผิดเพี้ยน

แล้วถ้าคนที่ต้องทำงานด่วนขณะเดินทาง แต่พบกับปัญหาคือไม่มีปลั๊กชาร์จไฟโน้ตบุค  ไม่ต้องกำลังวงเลย เพราะ New Everest มีช่องช่องจ่ายไฟ 230V เสียบชาร์จแบบไฟบ้านได้เลยไม่ต้องหาหัวแปลง

นอกจากนี้หากเพื่อนๆ ที่ชอบมีปัญหาเรื่องการปรับอุณหภูมิภายในรถ ที่มักต้องแย่งกัน บางคนขี้ร้อนขี้หนาว ล่ะก็ คุณจะไม่ต้องมาทะเลาะกันใน New Everest ใหม่ เพราะระบบแอร์แบบ Tri-Zone แยกอิสระ 3 โซน ซ้าย-ขวา-หลัง แยกปรับกันเองตามชอบใจเลย

ในด้านของสมรรถนะการขับขี่ New Everest ถือว่าครบเครื่องไม่แพ้ใคร ระบบขับเคลื่อน Ford Everest ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล TDCi ที่มีให้เลือก 2 ขนาดที่หยิบยกมาจาก New Ford Ranger  ได้แก่ 2.2 ลิตร 4 สูบ ให้กำลัง 160 แรงม้า และแรงบิด 385 นิวตัน-เมตร และ 3.2 ลิตร 5 สูบ กำลัง 200 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตัน-เมตร ซึ่งนับได้ว่าทรงพลังที่สุดในรถระดับเดียวกัน เรื่องสมรรถนะจากขุมพลัง ไม่ต้องห่วงแรงเอาเรื่อง ขับได้อย่างสนุกทุกครั้งที่ต้องการเรียกกำลังในการแซง

แถมการใช้ระบบเฟืองท้ายแบบ Locking Rear Diff ช่วยให้การขับขี่ผ่านอุปสรรคนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นแต่อย่างใด เพราะระบบจะช่วยควบคุมการส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังให้เหมาะสม เพื่อช่วยให้การยึดเกาะของล้อต่อสภาพพื้นผิวมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

นอกจาก Ford Everest ใหม่ จะแรงแล้ว มันยังให้ความมั่นใจ ในการขับขี่อีกด้วย พวงมาลัยไฟฟ้าอันยอดเยี่ยมและขึ้นชื่อของ Ford นี้สามารถการันตีได้ในรถ Ford ทุกรุ่น และแน่นอนว่า New Everest ใหม่ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน พวงมาลัยตอบสนองได้ดีฉับไว คมกริบ ควบคุมได้ง่ายในทุกช่วงความเร็ว ผ่อนแรงได้ดีตามความเหมาะสม

นอกเหนือจากระบบบังคับเลี้ยวที่ดีแล้ว ช่วงล่างก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน ช่วงล่างของ Ford Everest ถือได้ว่าแน่นแกร่ง แต่แฝงความนุ่มนวล ซับแรงดี และยึดเกาะได้หนึบแน่น ไม่ว่าจะวิ่งแบบไหน On-Road และ Off-Road Everest ใหม่ พาคุณไปได้ทุกที่โดยไร้กังวล

2016-Ford-Everest_4

และที่ขาดไม่ได้ ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Ford Everest ใหม่ ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ (i4WD Terrain Management System) มันดีไซน์มาให้ใช้งานง่าย โดยการบิดหมุนปุ่มวงกลม รองรับทุกสภาพผิว มีทั้งสิ้น 4 โหมด ให้เลือก

  1. Normal ใช้ขับขี่แบบปกติ
  2. Snow, Mud, Grass ใช้ขับขี่บนพื้นผิวที่ลื่น
  3. Sand ใช้วิ่งบนพื้นทราย
  4. Rock เน้นการขับบนพื้นหินขรุขระ Off-Road

สมรรถนะการขับขี่ทั้งหมดที่ดีแล้ว ยังไม่เพียงพอ เพราะการขับรถนั้นด้านความปลอดภัย ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่ง Ford เองให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีความปลอดภัยมาโดยตลอด ซึ่งใน New Everest นี้ จะให้เพิ่มมากกว่าเคยและเหนือกว่ารถคันไหนในตลาด

ไม่ว่าคุณจะถอยรถ กล้องมองภาพจะแสดงภาพด้านหลังพร้อมเส้นกะระยะ ให้เห็นขณะที่คุณถอยรถคันโต แล้วยังส่งเสียงเตือนระยะ ทั้งด้านหลัง และด้านหน้าที่มองไม่เห็นอีกด้วย  แต่ถ้าคุณยังรู้สึกว่าการจอดรถคันใหญ่นั้น ยังเป็นเรื่องยากอยู่คุณก็แค่กดปุ่ม ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ซะสิ ปล่อยให้รถคันโตถอยจอดของมันเอง โดยคุณเพียงแค่ควบคุม แป้นเบรก และคันเกียร์ก็พอ

ในการขับขี่ จุดที่มักก่อให้เกิดอันตรายมากที่สุด ก็คือ มุมอับสายตา ซึ่ง Ford ได้ปิดช่องโหว่ นั้นใน New Everest  ด้วยการใช้ระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด (Cross Traffic Alert) และระบบตรวจจับรถในจุดบอด (Blind Spot Information System) ซึ่งเซ็นเซอร์จะเป็นตัวเตือน เหมือนเป็นตาที่ 3 ที่ช่วยช่วยดูให้คุณ

2016-Ford-Everest_5

เบื่อไหมกับ ระบบ Cruise Control ที่จะต้องมา เบรก ทุกครั้งที่มีการชะลอ เจอแบบนี้ หลายคนบอก อย่าใช้มันเลยซะดีกว่า แต่ Everest ใหม่ พัฒนาเป็นระบบ Adaptive Cruise Control สามารถชะลอความเร็วเองอัตโนมัติเมื่อมีการชะลอตัวทางด้านหน้า และจะค่อยๆเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น ตามความเหมาะสม ซึ่งจะเน้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้ปลอดภัยเป็นสำคัญ

2016-Ford-Everest_3

รวมไปถึงระบบเตือนการชนทางด้านหน้า ซึ่งจะใช้เซ็นเซอร์จับระยะห่างจากคันหน้าหากคันหน้าชะลอ จะมีไฟเตือน และรถจะช่วยเบรก เพื่อป้องกันการชน

2016-Ford-Everest_4

นอกจากนี้ยังมีระบบ Lane Keeping ที่จะช่วยให้ขับรถอยู่ในเลน ไม่คร่อมเลน เมื่อคุณเหม่อ และไปเหยียบเส้น พวงมาลัยจะมีการช่วยดึงรถกลับเข้ามาในเลนปกติ

และ Everest ใหม่มันยังชาญฉลาด เพราะ จะประเมินผลจากพฤติกรรมการขี่ ถ้าหากขับคุณพักผ่อนน้อย หรือดื่มหนัก ระบบ Driver Alert จะเข้ามาช่วย แนะนำให้คุณพักผ่อน ก่อนเพื่อความปลอดภัย

การขับขี่รถคันใหญ่ หากขับด้วยความเร็วมากเกินไป ย่อมมีความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ หรือ การเสียบานลานซ์ในการทรงตัวจากปัจจัยต่างๆ  แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะกังวล เพราะมันจะไม่เกิดขึ้นง่ายใน New Everest เนื่องจาก ทั้งระบบควบคุมการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันล้อลื่นไถล Traction Control, ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Rollover Mitigation) และระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง (Trailer Sway Mitigation) จะเป็นตัวช่วยในการดูแลเรื่องเสถียรภาพการทรงตัวของตัวรถให้เป็นอย่างดี

Print

และที่ขาดไม่ได้ผู้ที่นำ Everest ไปลุยทางฝุ่น การขับขี่ลงทาง Off-Road ที่ลาดชันมากๆ หากต้องมาเลียเบรกเองบ่อยๆ หลายคนอาจ เมื่อย รวมไปถึงอีกหลายคนอาจกะระยะเบรก ในการปล่อยไหลลงทางลาดชันไม่ถูก แต่ Everest ได้มีระบบ HDC ช่วยให้คุณปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรกได้เลย ตัวรถจะควบคุมความเร็วและเบรกเองให้อัตโนมัติ สะดวกแถมยังปลอดภัย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับทั้งหมดที่เราได้นำเสนอไป All New Ford Everest ใหม่ นับว่าครบเครื่องทั้งรูปลักษณ์ ความสะดวกสบาย ออปขั่นครบครัน สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมในทุกด้าน และความปลอดภัยจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า

ทั้งหมดนี้ จะมีรถ ได้มอบให้คุณในแบบที่รถ PPV คันไหนที่ให้คุณได้บ้างล่ะ?

หากคุณพร้อมและอยากจะลุยกับรถ PPV ตัวแกร่ง All New Ford Everest คันนี้ หรือ อยากลองสัมผัสกับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมแล้วล่ะก็ สามารถติดต่อทดลองขับได้ที่โชว์รูมใกล้บ้าน หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ford.co.th/suvs/all-new-everest

ใหม่ All-New Honda BR-V 2016-2017 ราคา ฮอนด้า บีอาร์วี ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ All-New Honda BR-V 2016-2017 ราคา ฮอนด้า บีอาร์วี ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

ALL NEW HONDA BR-V

ALL NEW HONDA BR-V  (1) ALL NEW HONDA BR-V  (2) ALL NEW HONDA BR-V  (3) ALL NEW HONDA BR-V  4 ALL NEW HONDA BR-V  5 ALL NEW HONDA BR-V  6 ALL NEW HONDA BR-V  7ALL NEW HONDA BR-V  8ALL NEW HONDA BR-V  9ALL NEW HONDA BR-V  10ALL NEW HONDA BR-V  11ALL NEW HONDA BR-V  12ALL NEW HONDA BR-V  13ALL NEW HONDA BR-V  14ALL NEW HONDA BR-V  15

HOW BRAVE ARE WE? ให้ความกล้า พาชีวิตไปให้สุด
กล้า” ข้ามทุกข้อจำกัด สู่จุดมุ่งหมายใหม่ของชีวิตไปกับ ALL NEW HONDA BR-V ยนตรกรรม ACTIVE SPORT CROSSOVER เผยความเป็นคุณได้เต็มที่ด้วยดีไซน์สปอร์ต เท่ แกร่งทุกมิติ พร้อมพลังขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะ ให้คุณลุยได้ทุกเส้นทางท้าทาย ผสานดีไซน์ภายในโดดเด่นทุกสัมผัส พื้นที่ใช้สอยครบครัน ห้องโดยสารกว้างขวาง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

ALL NEW HONDA BR-V 2016 มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น  ดังนี้

ราคา ALL NEW HONDA BR-V ฮอนด้า บีอาร์วี รุ่น V CVT 750,000 บาท.
ราคา ALL NEW HONDA BR-V ฮอนด้า บีอาร์วี รุ่น SV CVT 820,000 บาท.

 *ของแถม Honda BR-V ติดต่อ  เซลล์ คุณเบล 089-7899077  *ดาวคะนอง ฝั่งธน

ราคา ฮอนด้า บีอาร์วี ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
HONDA BR-V ราคาผ่อน, ตารางผ่อน

ชมงานเปิดตัว HONDA BR-V 2016

อุปกรณ์มาตรฐาน ALL NEW HONDA BR-V 2016
ALL NEW HONDA BR-V รุ่น SV CVT ความยาว x ความกว้าง x ความสูง = (4,456 x 1,735 x 1,166)
ALL NEW HONDA BR-V รุ่น V CVT ความยาว x ความกว้าง x ความสูง = (4,453 x 1,735 x 1,166)

ALL NEW HONDA BR-V รุ่น V CVT ราคา 750,000.
ภายนอก
– ไฟหน้า โปรเจคเตอร์
– กระจังหน้าแบบโครเมี่ยม
– ราวหลังคา
– ไฟท้ายแบบ C shape
– มือจับประตูด้านนอกแบบโครเมียม
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
– ระบบปรับน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
– เสาอากาศแบบสั้น
– ล้อ อัลลอย 16 นิ้ว

ภายใน
– สีภายใน สีดำ
– มือจับประตูด้านใน สีเงิน
– พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำได้
– วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ Piano Black
– จำนวนที่นั่ง 5 ที่นั่ง
– วัสดุหุ้มเบาะ ผ้า
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– กุญแจรีโมท
– เบาะนั่งแถวที่ 2 พับตลบจังหวะเดียว (One Motion) พับแยกแบบ 60:40 พนักพิงปรับเอนได้ 3 ระดับ
– กล่องเอนกประสงค์ใต้เบาะนั่งแถวที่ 2
– ถาดรองสัมภาระท้ายรถ
– มาตรวัดเรืองแสงสีขาว (Self-illuminating Meters) พร้อมจอแสดงขับขี่ MID
– ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด (Eco Indicator)
– ระบบเซ็นทรัลล็อกพร้อมสวิตช์ควบคุมตำแหน่งคนขับ
– ช่องจ่ายไฟสำรอง
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
– กระจกไฟฟ้า 4 บานพร้อมระบบปรับขึ้นลงอัตโนมัติด้านคนขับ
– กระจกมองหลังแบบตัดแสง
– แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า
– ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า
– ที่วางแก้วน้ำ 11 ตำแหน่ง
– ไฟภายในห้องโดยสาร 2 ตำแหน่ง
– ราวมือจับ 4 ตำแหน่ง

ระบบเครื่องเสียง
– เครื่องเสียงแบบ 2 Din
– ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
– ช่องเชื่อมต่อ USB
– ช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
– จำนวนลำโพง

ระบบความปลอดภัย
– ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS)
– ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)
– ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
– ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA)
– ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
– ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภายด้านคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้าพร้อมเสียงเตือน
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
– เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารแถวที่ 2 แบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
– ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
– สัญญาณกันขโมย
– จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX)
– กุญแจแบบ Wave Key
– ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

ALL NEW HONDA BR-V รุ่น SV CVT ราคา 820,000.
ภายนอก
– ไฟหน้า โปรเจคเตอร์พร้อมไฟหรี่แบบ LED
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า

ภายใน
– พวงมาลัยหุ้มหนัง
– จำนวนที่นั่ง 7 ที่นั่ง
– วัสดุหุ้มเบาะ หนังแท้ และวัสดุหนังสังเคราะห์
– ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
– ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push lgnition System)
– ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
– เบาะนั่งแถวที่ 2 พับตลบจังหวะเดียว (One Mation) พับแบบ 60:40 เลื่อนหน้า-หลัง และพนักพิงรับเอนได้ 3 ระดับ
– เบาะนั่งแถวที่ 3 พับตลบไปด้านหน้า 2 จังหวะ พับแยกแบบ 50:50 และพนักพิงปรับเอนได้ 2 ระดับ
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับไฟฟ้า
– ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ด้านคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า

ระบบเครื่องเสียง
– ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1″
– รองรับการเชื่อมต่อ Smartphone
– ช่องเขื่อมต่อ HDMI

ระบบความปลอดภัย
– กล้องส่องภาพด้านหลัง
– เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารแถวที่ 3 แบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
– ระบบล็อกอัตโนมัติ (Auto Door Lock By Speed)

0

1
– BOLD DESIGN ดีไซน์แกร่งทุกมิติ
ลุยทุกเส้นทางท้าทายไปกับ All New Honda BR-V โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตเข้มรอบคัน พร้อมเดินทางสู่ทุกจุดหมายในสไตล์ที่เป็นคุณ

ภายนอก ALL NEW HONDA BR-V

ไฟหน้า
– ไฟหน้าโปเจคเตอร์พร้อมไฟหรี่แบบ LED

8
– ไฟท้าย C shape

6
– กระจังหน้าแบบโครเมี่ยม

BR-V_Roof Rails
– ราวหลังคา สไตล์สปอร์ต

BR-V_Door mirror with side turn lights
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว

BR-V_Front fog lights
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า

7
– ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต

ภายใน ALL NEW HONDA BR-V

BR-V_3 rows 7 seats (SV Grade)
BR-V_2 rows 5 seats (V Grade)
STYLISH INTERIOR โดดเด่นทุกสัมผัส
ให้คุณสัมผัสอีกระดับของการเดินทาง ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบายทุกตำแหน่งด้วยเบาะหนังสีดำสไตล์พรีเมี่ยม

BR-V_Utility - 7 Seats (Top view)
SMART UTILITY ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
ลุยไปด้วยกันได้ทุกรูปแบบ เต็มที่ได้ทุกสไตล์การใช้ชีวิตกับ All New Honda BR-V ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 7 ที่นั่ง และ 5 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย ให้คุณกล้าใช้ชีวิตได้สุดทุกความต้องการ

BR-V_Utility - 7 Seats
7SEATS
สัมผัสกับอีกระดับของการเดินทาง ด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบายทุกตำแหน่งพร้อมพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่ลงตัวทุกการใช้งาน

BR-V_Utility - Trunk Space BR-V_Utility box under 2nd row seats
– พื้นที่เอนกประสงค์ขนาดใหญ่
ตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ พร้อมถาดรองสัมภาระท้ายรถ และกล่องอเนกประสงค์ใต้เบาะนั่งแถวที่ 2

BR-V_Utility - 5 Seats (Top view) BR-V_Utility - 5 Seats
5 SEATS
ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย ด้วยเบาะที่นั่งแถว 2 พับตลบได้ในจังหวะเดียว ให้คุณจัดเก็บสัมภาระได้ตามต้องการ

2nd row seats with front and back adjustment
– เบาะนั่งแถวที่ 2 เลื่อนหน้า-หลัง

2nd row seats with 60-40 and one motion
– เบาะนั่งแถวที่ 2 พับแยกแบบ 60:40 พร้อมพับตลบจังหวะเดียว (One Motion)

BR-V_Rear Air Conditioner
– ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ที่วางแก้ว 11 ตำแหน่ง

Cup holders 11 positions (1)
– บริเวณคอนโซลหน้า

Cup holders 11 positions (2)
– บริเวณแผงข้างประตูหน้า

Cup holders 11 positions (3)
– บริเวณคอนโซลกลาง

Cup holders 11 positions (4)
– บริเวณแผงข้างประตูหลัง

Cup holders 11 positions (5)
– บริเวณพนกวางแขนเบาะนั่งแถวที่ 3

TECHNOLOGY เชื่อมต่อทุกความบันเทิง สะดวกสบายง่ายเพียงสัมผัส
สู่ชีวิตยุคใหม่ไร้ขีดจำกัดกับ All New Honda BR-V ด้วยระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสที่รองรับระบบปฏิบัติการ IOS และ Android เชื่อมต่อภาพ และเสียงได้อย่างง่ายดายผ่านช่องเชื่อมต่อ HDMI เติมเต็มความสุขทุกการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์แบบ

One Push Ignition System
– ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)

Honda Smart Key System
– ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)

Touch-screen Audio with iOS and Android support
– ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสรองรับระบบ IOS และ Android

– Audio Display หน้าจอแสดงผลในโหมดเครื่องเสียง

Hands Free Telephone
– Honds Free Telephone หน้าจอแสดงผลการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย

Radio Display
– Radio Display หน้าจอแสดงผลในโหมดวิทยุ

HDMI
– HDMI รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI

Smartphone Connectivity (2) Smartphone Connectivity (1)
– Smartphone Connectivity เชื่อมต่อการทำงานผ่านสมาร์ทโฟน

Touch-screen Audio and Automatic Air Conditioner
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ

USB and HDMI
– ช่องเชื่อมต่อ USB พร้อมช่องเชื่อมต่อ HDMI

Audio Control Switch on steering wheel
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

เครื่องยนต์ ALL NEW HONDA BR-V

All-new Honda BR-V with BG (2)
DRIVABILITY ลุยทุกเส้นทางท้าทาย
ขับเคลื่อนสู่ทุกเส้นทางที่คุณเลือก ด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์ CVT ให้การขับขี่นุ่มนวล พาคุณลุยได้ทุกเส้นทางด้วยช่วงล่างแบบรถ SUV ยกสูง รองรับพลังงานทางเลือก E85

Engine 1.5 L SOHC i-VTEC
– ด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที

Continusously Variable Transmission (CVT)
– ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่พัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology ให้การประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น พร้อมอัตราเร่งดีเยี่ยม ตอบสนองทุกการขับขี่

E85
– รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85

ระบบความปลอดภัย ALL NEW HONDA BR-V

All-new Honda BR-V with BG (1)
SAFETY
มั่นใจทุกการขับขี่ไปกับมาตรฐานความปลอดภัยครบครัน

Dual SRS
– ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ช่วยปกป้องและลดการบาดเจ็บของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า เมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า

ISOFIX & Child Anchor (1) ISOFIX & Child Anchor (2)
– จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX)

Multi-angle Rearview Camera (2) Multi-angle Rearview Camera (1)
– กล้องส่องภาพด้านหลังเพิ่มทัศนวิสัย ถอยจอดได้อย่างมั่นใจ

G-Force Control (G-CON)
– โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-Con ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง

Screenshot_2
– ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ช่วยให้สามารถควบคุมการบังคับพวงมาลัยเมื่อต้องเบรกกะทันหัน พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้มีความสมดุลมากขึ้น

– ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA (Vehicles Stability Assist) เพิ่มการยึดเกาะถนน มั่นคงทุกการขับเคลื่อน

Screenshot_1
– ระดับความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 201 มม. พร้อมลุยทุกเส้นทางท้าทาย

Screenshot_3
– ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hsa (Hill Start Assist)

COLORS สี ALL NEW HONDA BR-V
ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ 1.สีน้ำตาลพรีเมียมแอมเบอร์ (เมทัลลิก) *เฉพาะรุ่น 7 ที่นั่ง 2.สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) 3.สีขาวออร์คิด (มุก) 4.สีเทาโมเดิร์น (เมทัลลิก) 5.สีดำคริสตัส (มุก)

BR-V_Premium Amber Metalic
ALL NEW HONDA BR-V สีน้ำตาลพรีเมียมแอมเบอร์ (เมทัลลอก) *เฉพาะรุ่น 7 ที่นั่ง

BR-V_Lunar Silver Metalic
ALL NEW HONDA BR-V สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

BR-V_White Orchid Pearl
ALL NEW HONDA BR-V สีขาวออร์คิด (มุก)

BR-V_Modern Steel Metalic
ALL NEW HONDA BR-V สีเทาโมเดิร์น (เมทัลลิก)

BR-V_Crystal Black Pearl
ALL NEW HONDA BR-V สีดำคริสตัส (มุก)

HONDA BR-V MODULO แต่ง

Honda-BR-V-Modulo Honda-BR-V-Modulo 1 Honda-BR-V-Modulo 3 Honda-BR-V-Modulo 2

 *ของแถม Honda BR-V ติดต่อ  เซลล์ คุณเบล 089-7899077  *ดาวคะนอง ฝั่งธน

FORD จัดแคมเปญสุดคุ้ม Happy Life Drive Ford Test Drive ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ลุ้นรับ iPhone 6s จองรถยนต์ในงาน 19 – 21 กุมภาพันธ์ ลุ้นรับทอง 100 บาท

$
0
0

FORD จัดแคมเปญสุดคุ้ม Happy Life Drive Ford
Test Drive ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ลุ้นรับ iPhone 6s
จองรถยนต์ในงาน 19 – 21 กุมภาพันธ์ ลุ้นรับทอง 100 บาท

image009

Happy Life Drive_1Happy Life Drive_2Happy Life Drive_3

กรุงเทพฯ, 27 มกราคม 2559FORD THAILAND จัดแคมเปญสุดพิเศษ “Happy Life Drive Ford สุขกับ Test Drive ได้เกินคาด พร้อมสตาร์ททุกรอยยิ้ม” เมื่อลูกค้ามาทดลองขับรถยนต์ฟอร์ดทุกรุ่นที่โชว์รูมในระหว่างวันที่ 1 – 29 กุมภาพันธ์ 2559 ได้รับสิทธิ์ลุ้นชิงโทรศัพท์ iPhone 6s มูลค่ารางวัลละ 26,500 จำนวน 110 รางวัล พิเศษยิ่งกว่า สำหรับลูกค้าฟอร์ดที่จองรถยนต์ฟอร์ดที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศในระหว่างวันที่ 19 – 21 กุมภาพันธ์นี้ และออกรถภายในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559 มีลุ้นสิทธิ์รับสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท รวม 100 รางวัล รางวัลละ 18,750 บาท รวมของรางวัลตลอดรายการมูลค่ากว่า 4,790,000 บาท โดยฟอร์ดจะจับรางวัลในวันที่ 4 มีนาคม 2559 และประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 7 มีนาคม 2559 ทางเว็บไซต์ www.ford.co.th และ ทางเฟซบุ๊คเพจ www.facebook.com/fordthailand

นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเติมความสุขให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยโปรโมชั่นราคาพิเศษสำหรับรถยนต์ฟอร์ดทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น

– ส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 150,000 บาท สำหรับฟอร์ด โฟกัสทุกรุ่น
– ผ่อนเริ่มต้นเพียง 6,936 บาทต่อเดือน สำหรับฟอร์ด เฟียสต้า
– ผ่อน 60 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย 1.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น1 สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Open Cab และ Double Cab XLT
– ผ่อน 48 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น1 สำหรับฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต
– ผ่อนเริ่มต้นเพียง 15,310 บาทต่อเดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้น1 สำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ รุ่น 2.2 ลิตร

CHEVROLET เสนอแคมเปญพิเศษ “อั่งเปา 3 ต่อ”ฉลองวันตรุษจีน

$
0
0

CHEVROLET เสนอแคมเปญพิเศษ “อั่งเปา 3 ต่อ” ฉลองวันตรุษจีน
0
1.
กรุงเทพฯ – CHEVROLET SALES (THAILAND)ไทยมอบข้อเสนอสุดพิเศษเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนด้วย “อั่งเปา 3 ต่อ” สำหรับลูกค้าที่ต้องการจับจองและออกรถเชฟโรเลตทุกรุ่นตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

อั่งเปาต่อที่ 1 ส่วนลดเงินสดมูลค่าสูงสุด 20,000 บาท

รับอั่งเปาส่วนลดเงินสดมูลค่า 20,000 บาทสำหรับ CHEVROLET ดังนี้

– Chevrolet Captiva รุ่นปี 15 (ยกเว้นรุ่น 2.4 ลิตร เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ และรุ่นดีเซล 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ)
– Chevrolet Trailblazer รุ่นปี 16
– Chevrolet Cruze รุ่นปี 14
– Chevrolet Colorado รุ่น ปี 16 2.8 ลิตร สี่ประตู เกียร์อัตโนมัติ LT Z71
– Chevrolet Colorado รุ่นปี 14-15 ทุกรุ่น

รับอั่งเปาส่วนลดเงินสดมูลค่า 15,000 บาท สำหรับรถเชฟโรเลตดังนี้

– Chevrolet Cruze รุ่น ปี 15
– Chevrolet Colorado รุ่นปี 16 (ยกเว้น 2.5 ลิตร สี่ประตู LTZ Z71 และ 2.8 ลิตร สี่ประตู เกียร์อัตโนมัติ LT Z71)

รับอั่งเปาส่วนลดเงินสดมูลค่า 10,000 บาท สำหรับรถเชฟโรเลตดังนี้

– Chevrolet Colorado รุ่นปี 16 2.5 ลิตร สี่ประตู LTZ Z71

อั่งเป่าต่อที่ 2 นำรถเก่าทุกยี่ห้อมาเปลี่ยนเป็น New Chevrolet รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินมูลค่าสูงสุด 50,000 บาท

นำรถเก่าทุกยี่ห้อมาเปลี่ยนเป็นเชฟโรเลตคันใหม่ รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินมูลค่า 50,000 บาท สำหรับ CHEVROLET ดังนี้

Chevrolet Colorado รุ่นปี 16 2.8 ลิตร สี่ประตู เกียร์อัตโนมัติ LTZ Z71
Chevrolet Trailblazer รุ่นปี 15-16 2.8 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์อัตโนมัติ LTZ1
Chevrolet Captiva รุ่นปี 15 2.4 ลิตร เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ SVP
Chevrolet Cruze รุ่นปี 14 1.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ LS และ 1.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ LT รวมถึงรุ่น 1.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ LTZ

นำรถเก่าทุกยี่ห้อมาเปลี่ยนเป็นเชฟโรเลตคันใหม่ รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินมูลค่า 40,000 บาท สำหรับรถเชฟโรเลตดังนี้

– Chevrolet Colorado รุ่นปี 14-15 ทุกรุ่น และ รุ่นปี 16 2.5 ลิตร สองประตู เกียร์ธรรมดา LT และ LT Z71 รวมถึงรุ่น 2.5 ลิตร สี่ประตู เกียร์ธรรมดา LT และ LTZ Z71 และรุ่น 2.8 ลิตร สี่ประตู เกียร์อัตโนมัติ LT Z71
Chevrolet Trailblazer รุ่นปี 16 2.5 ลิตร เกียร์ธรรมดา LT และรุ่น 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ LT รวมถึงรุ่น 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ LTZ
Chevrolet Captiva รุ่นปี 15 2.4 ลิตร เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า LSX
Chevrolet Cruze รุ่นปี 14 1.6 เกียร์อัตโนมัติ LT

นำรถเก่าทุกยี่ห้อมาเปลี่ยนเป็นเชฟโรเลตคันใหม่ รับส่วนลดจากราคาประเมิน 30,000 บาท รุ่นรถที่ได้สิทธิพิเศษนี้ได้แก่ เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปี 15 2.0 ลิตร ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า LSX และรุ่น 2.0 ลิตร ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ SVP

ขณะที่รถที่ได้รับสิทธิพิเศษส่วนลดจากราคาประเมิน 20,000 บาทเมื่อนำรถเก่าทุกรุ่นทุกยี่ห้อมาเปลี่ยนเป็นรถเชฟโรเลตคันใหม่ได้แก่ เชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นปี 16 2.5 ลิตร สองประตู เกียร์ธรรมดา LS และ LTZ Z71 ไฮ คันทรี่และสตอร์มทุกรุ่น รวมถึงครูซ รุ่นปี 15

แคมเปญนำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ไม่รวมแคปติวารุ่น 2.4 ลิตร เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ และรุ่น 2.0 ลิตร ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ

อั่งเปาต่อที่ 3 ดอกเบี้ยต่ำสุด 0.49% *พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขดังนี้

ดาวน์ 25% ดอกเบี้ย 0.49% ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง สำหรับเชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปี 15 2.4 ลิตร เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า LSX รุ่น 2.4 ลิตร เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ SVP และรุ่น 2.0 ลิตร ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ SVP รวมถึงเชฟโรเลต ครูซ รุ่นปี 14 1.6 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ LT รุ่น 1.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ LS และรุ่น 1.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ LT
ดาวน์ 25% ดอกเบี้ย 0.59% ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง สำหรับเชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปี 15 2.0 ลิตร ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า และเชฟโรเลต ครูซ รุ่นปี 14 1.8 เกียร์อัตโนมัติ LTZ
ดาวน์ 25% ดอกเบี้ย 0.79% ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง สำหรับเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รุ่นปี 16 2.8 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์อัตโนมัติ LTZ1
ดาวน์ 25% ดอกเบี้ย 1.49% ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง สำหรับเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รุ่นปี 16 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ LTZ

นอกจากแคมเปญอั่งเปา 3 ต่อแล้ว เชฟโรเลตยังต่อเวลาโปรโมชั่นสำหรับรถแคปติวาราคาพิเศษ ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ดังนี้

– รุ่น 2.4 ลิตร เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ ราคาพิเศษ 1,299,000 บาท (จากราคาปกติ 1,510,000 บาท)
– รุ่น 2.0 ลิตร ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ ราคาพิเศษ 1,489,000 บาท (จากราคาปกติ 1,704,000 บาท)

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชมที่ www.chevrolet.co.th และโชว์รูมเชฟโรเลตทั่วประเทศ

รีวิวสัมผัสแรก All New Honda Civic VTEC Turbo RS สปอร์ตแรง ขับขี่นุ่มนวลสไตล์รถหรู

$
0
0

รีวิวสัมผัสแรก All New Honda Civic VTEC Turbo RS สปอร์ตแรง ขับขี่นุ่มนวลสไตล์รถหรู

ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_02

All New Honda Civic โฉม ใหม่ นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งในประเทศไทยจะเป็นรุ่นที่เตรียมเปิดในเดือนหน้านี้ และทาง ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ได้จัดกิจกรรมพิเศษ พาคณะสื่อมวลชนทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ VTEC TURBO ใหม่ ที่จะวางลงใน All New Civic 1.5 Turbo RS คันนี้ ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยก่อนเปิดตัว ซึ่ง 9carthai ของเราก็ได้รับเกียรติในการเข้าร่วมทดสอบครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_04

All New Honda Civic ใหม่ ทางทีม R&D ของ Honda Civic ใหม่ ได้ตั้งเป้าให้ All New Civic เทียบเท่ารถหรูในระดับ Compact ยุโรป ทั้งในด้านของรูปลักษณ์ที่ดูหรูหรา แต่แฝงความสปอร์ตพรีเมี่ยม รวมไปถึงการมีมิติตัวขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับ D-Segment เน้นรูปลักษณ์ความพรีเมียมแบบรถยุโรป ด้วยโครงสร้างรถที่กว้าง แต่เตี้ยลง ให้รูปลักษณ์แบบสปอร์ต และอากาศพละศาสตร์ที่ดีเยี่ยม ขณะที่เน้นทัศนวิสัยในการขับขี่

ไฟหน้าแบบ Full LED ทั้งไฟสูง-ต่ำ ซึ่งมีรูปลักษณ์คล้าย Honda NSX ใหม่ ไฟเลี้ยวพร้อมด้วยไฟ DRL แบบ LED กระจังหน้าดีไซน์ทันสมัย นอกจากนี้จะมีไฟ Parking Lamp ติดตั้งที่กันชนหน้าใกล้กับซุ้มล้อ สว่างขึ้นตามการเปิดไฟหน้า
ไฟท้ายแบบแยก 2 ชิ้น โดยในส่วนโคมไฟจะติดตั้งอยู่บนฝากระโปรงด้วย

ในรุ่น RS คันนี้มีสปอยเลอร์ พร้อมติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 และโลโก้ RS บ่งบอกความเท่ รวมไปถึงดีไซน์ของกระจกมองข้างใหม่รูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
สำหรับท่อไอเสียเป็นแบบออกคู่ แต่ซ่อนปลายท่อไว้ เนื่องจาก ต้องการภาพความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_11

ด้านมิตินั้น ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ แต่เตี้ยลง มีความกว้าง x ยาว x สูง x ระยะฐานล้อ = 1,799 x 4,630 x 1,416 x 2,700 มม.

ทันทีที่เปิดประตูเข้าภายในห้องโดยสารผ่านระบบ Keyless Entry ซึ่งในชุดกุญแจนี้ ยังมีลูกเล่น Remote Start ช่วยให้ติดเครื่องยนต์พร้อมเปิดระบบแอร์ไว้ ขณะที่ตัวรถยังคงล็อคอยู่ ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องร้อน

สำหรับดีไซน์ภายใน ได้มีการพัฒนาให้ดูหรูหราและทันสมัย จุดเด่นคือเรื่องของพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง และ

ไม่ได้จัดวางภายในให้กว้างเพียงอย่างเดียว เพราะเน้นความสูงตัวถังให้ต่ำลง ซึ่งยึดหลักการออกแบบ Man Maximun Machine Minimum ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำตัดด้วย Trim สีเงิน Metallic

ที่แผงคอนโซลกลางเราจะพบกับดีไซน์ที่วางแก้วน้ำแปลก แต่ดูล้ำ ที่เท้าแขนสไลด์ออกได้ แต่พบว่ามันให้สัมผัสที่แข็งไปนิด หน้าจอแสดงผลสวยงาม

มาตรวัดแบบสปอร์ต 3 ช่อง ช่องกลางแสดงผลความเร็วแบบดิจิตอลขนาดใหญ่ และใช้แสดงผลการควบคุมหน้าจอ MID ซึ่งสามารถกดปุ่มได้บนพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ซึ่งมาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงทางฝั่งซ้าย และปุ่มระบบ Cruise Control ทางฝั่งขวา รวมไปถึงสวิทช์รับสายโทรศัพท์ ด้านหลังพวงมาลัยมีแป้น Paddle Shift ไว้ให้ควบคุมเกียร์ได้ด้วยตนเอง

หน้าจอเครื่องเสียงคันนี้เป็นแบบ Advanced Touch แสดงผลทั้งกล้องมองหลังและระบบ Lanewatch (ยกมาจาก Accord) ที่มีกล้องติดตั้งบนกระจกมองข้างฝั่งซ้าย

ขณะที่พื้นที่ Leg Room ตอนหลังเพิ่มขึ้นมาถึง 45 มม. ยืนยันนั่งได้สบายพื้นวางขาเหลือเฟือ แต่ผู้เขียนที่มีส่วนสูง 174 ซม. นั้นนั่งที่เบาะตอนหลังพบว่าพื้นที่ Head Room เหลือราวๆ 3 นิ้วเท่านั้น

สำหรับพื้นที่หลังมีความจุมากขึ้นสูงถึง 530 ลิตร

ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_14

ระบบขับเคลื่อน เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร บล๊อกเดิม และ เครื่องยนต์ EarthDream 1.5 VTEC Turbo
ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ Direct Injection ท่อไอดีตรง พร้อมระบบเปิด-ปิดวาล์วคู่ Dual VTC สำหรับในส่วนของเทอร์โบ จะใช้ Waste Gate ไฟฟ้า
เครื่องยนต์ VTEC Turbo บล๊อกนี้ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้า@5,500rpm และแรงบิดมากถึง 220 Nm@5,500rpm

ซึ่งสมรรถนะแรงในระดับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แต่ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 และมีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีเยี่ยมกว่ารุ่น 2.0 ลิตร (อัตราสิ้นเปลืองตาม EPA เฉลี่ย 14.8 กม./ลิตร)

โดยจับคู่ระบบส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT EarthDream ที่ทำงานร่วมกับ Torque Converter สามารถ Shift เกียร์ได้ผ่านแป้น Paddle Shift

ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_01

ต่อจากนี้เราขอพูดถึงในส่วนของการทดสอบ ณ สนามช้างฯ เซอร์กิต ซึ่งสื่อทุกท่าน จะได้มีโอกาสขับเพียงสั้นๆ เพียง 2 รอบเท่านั้น นับตั้งแต่ออกจาก Pit Lane

แน่นอนว่าการขับขี่ในสนามระดับโลก เพื่อความปลอดภัยจะต้องสวมหมวกนิรภัยก่อนลงไปนั่งที่หลังเบาะ

ทันทีที่ผู้เขียนลงไปนั่งที่หลังเบาะ เรารู้สึกได้ถึงดีไซน์ของตัวรถที่ดูเตี้ยลง แต่มีทัศนะวิสัยที่มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ดูโปร่งจากกระจกบานหน้า รวมไปถึงท่านั่งที่ดูเตี้ยและให้ความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น รูปแบบที่นั่งเป็นแบบ Cockpit แยกฝั่งชัดเจน ขณะที่เบาะหนังดูโอบกระชับสรีระไซส์คนเอเชียได้กระชับพอตัว

ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_16

ทันทีที่ออกจาก Pit Lane เรากดคันเร่งมิดตัวรถทะยานพุ่งไปข้างหน้า อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้อานิสงค์จาก Flat Torque ที่มาไวตั้งแต่รอบเครื่องต่ำ และการตอบสนองของเกียร์ที่ทำได้รวดเร็ว พร้อมการบังคับเกียร์ด้วยตนเองผ่านแป้น Paddle Shift หลังพวงมาลัยที่สามารถควบคุมได้ทันที ไม่ว่าจะใช้ตำแหน่งเกียร์ D หรือ S

จริงอยู่ที่ตัวรถแรงขึ้น อัตราเร่งดีแบบรู้สึกได้ แต่ทว่า บุคลิกดิบๆ ที่พบในตัวถัง FD, FB (เจนเนอเรชั่น 8-9) นั้นหายไป เหลือเพราะสไตล์ของเกียร์ CVT นั่นเอง แต่การขับในตำแหน่งเกียร์ S ของเรานั้นก็ ยังช่วยให้ได้ฟีลลิ่งการขับขี่แบบสปอร์ตได้ดีไม่แพ้กัน

ในรอบที่ 2 นั้นหลังผ่านพ้นโค้ง 1 สนามช้างฯ ซัดทางตรงยาว 1 กม. จนสุดทางตรงก่อนต้องเบรก ผู้เขียนสามารถทำความเร็วได้แตะระดับ 180 กม./ชม. ซึ่งถือได้ว่าอัตราเร่งตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงย่านความเร็วปลายนั้น ทำได้เป็นที่น่าพอใจทีเดียว หากเทียบกับ Compact 2 ลิตร คันอื่นๆ ซึ่งผู้เขียนรู้สึกว่า จะมีสมรรถนะที่เป็นรองคู่แข่งอย่าง Sylphy DIG เพียงเล็กน้อย (เนื่องจากตัวเลขของ DIG จะสูงกว่าทั้งแรงม้าและแรงบิด)

ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_10

ขณะที่ช่วงล่าง ต้องบอกได้เลยว่า ถูกปรับปรุงให้มีบุคลิกการขับแบบผู้ใหญ่ มากขึ้น กล่าวง่ายๆ คือเซ็ท แบบรถหรู

ซับแรงดีเยี่ยม นุ่มในจังหวะขับปีน Apex อาการสั่นสะเทือนต่ำกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน

ขณะที่การยึดเกาะนั้น ทำได้ดีพอสมควร แต่ก็พบอาการ Understeer บ้างตามสไตล์รถขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และน่าเสียดายที่ ล้อแคบไปนิด ร่วมกับการใช้ยางจาก Bridgestone Turanza ซึ่งเป็นซีรีย์ยางที่เน้น ด้านความนุ่มเงียบเป็นหลักมากกว่า

จากการสอบถามข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมพบว่า รุ่น RS ที่เราได้ทำการทดสอบนี้ จะมีการเซ็ท Spring Rate และ Damper ที่กระชับ และให้ความแข็ง เพื่อให้ฟีลลิ่งการขับขี่แบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นปกติ

สำหรับฟีลลิ่งของ Handling พวงมาลัย ถือว่าปรับปรุงดีขึ้นในแบบฉบับรถหรู พวงมาลัยแบบ 2 pinions มีจุดหมุน 2 จุด  ได้ผ่อนแรงน้ำหนักเบาในช่วงความเร็วต่ำ ขณะที่น้ำหนักจะตึงมือขึ้นเมื่อความเร็วสูง แต่ก็ไม่หนักจนเกินไป  แม้พวงมาลัยจะไม่คมกริบ ตอบสนองฉับไวนัก ซึ่งการปรับเซ็ทพวงมาลัยว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ เน้นการควบคุมที่ง่าย พวงมาลัยมีระยะฟรีอยู่พอสมควร ทำให้การควบคุมวงเลี้ยวนั้นดูตอบสนองเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น  เหมาะสมกับบุคลิกแบบสไตล์รถหรู

ในส่วนของเบรกดิสก์ 4 ล้อ ระยะแป้นเบรกเซ็ตมาตอบสนองนุ่มนวล ต้องลงน้ำหนักแป้นลึกพอสมควร ไม่เบรกจิกเท้าเท่ารุ่นเก่าอย่าง FD,FB  แต่สมรรถนะของเบรกนั้นถือว่าทำได้ดีเกินคาดการณ์ เบรก Balance ของข้างดีทั้งในเรื่องของการถ่ายเทน้ำหนัก รวมถึงอาการแกว่งจากตัวรถขณะที่เบรกด้วยความเร็วสูง (180 กม./ชม.) ก็ถือว่าต่ำมากจนเป็นที่น่าพอใจ

นอกจากนี้ในช่วงสุดทางตรงที่เราได้เบรกหนักถึงประมาณ 75% จะพบว่า ระบบไฟ ESS จะติดขึ้นทำงานโดยทันที ซึ่งถือว่าให้ความปลอดภัยได้หากคุณเผลอซัด VTEC Turbo คันนี้มาเร็วบนท้องถนนและต้องเบรกลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_03

สรุป ด้วยการปรับภาพลักษณ์ของ All New Civic ให้ดูเป็นรถ Compact Premuim ใกล้เคียงรถ D-Segment มากยิ่งขึ้น เราพบว่ามันมีคาแรคเตอร์ในแบบรถครอบครัวหรูตามไปด้วยเช่นกัน ขณะที่ความสปอร์ตในแบบตัวถัง FD, FB นั้นลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในแง่ของระบบส่งกำลังที่ปรับมาเป็นเกียร์ CVT, ช่วงล่างที่นุ่มนวลขึ้น, การเซ็ตแป้นเบรกระยะเบรกการตอบสนองที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น หากคุณกำลังมองหารถหรู แรงด้วยเทคโนโลยีดีสักคัน แต่ไม่อยากได้ D-Segment แล้วล่ะก็ All New Honda Civic นี่ล่ะจะตอบโจทย์คุณ พร้อมยังมีเวอร์ชั่นแรง และสปอร์ต ให้คุณเลือกได้ในรุ่นท๊อปเครื่องยนต์ VTEC Turbo ตอบสนองความแรงในตัวคุณอีกด้วย

วิเคราะห์เบื้องต้น
All New Civic น่าจะมากับ 5 รุ่นย่อย
1.8 MT (เกียร์ธรรมดา)
1.8 AT 2 รุ่นย่อย
1.5 Turbo 2 รุ่นย่อย (RS รุ่นท๊อป ที่เราได้ทดสอบในวันนี้)
สำหรับราคาค่าตัวในเมืองไทยนั้นต้องมารอลุ้นกัน แต่ราคาที่สหรัฐฯ รุ่นท๊อปอยู่ที่ 9.39 แสนบาท ซึ่งเราวิเคราะห์ว่า ราคาน่าจะอยู่ในช่วง 8 แสน – 1.1 ล้านบาท

ขอขอบคุณ Honda Automobiles ประเทศไทย สำหรับทริปการทดสอบ All New Honda Civic Turbo ใหม่ ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver

ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_02 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_04 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_01 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_03 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_05 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_06 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_07 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_08 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_09 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_10 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_11 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_12 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_13 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_14 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_15 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_16 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_17 ALL-NEW CIVIC_RS_ 1stDrive_18

รีวิว Nissan Sylphy 1.6 DIG Turbo ซีดานตัวแรงในคราบรถครอบครัว

$
0
0

รีวิว Nissan Sylphy 1.6 DIG Turbo ซีดานตัวแรงในคราบรถครอบครัว

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_28

เมื่อ 2 ปีก่อน Nissan ได้บุกเบิกตลาดรถยนต์ Compact เครื่องยนต์ เทอร์โบ กับ Nissan Pulsar Turbo ซึ่งมาวางขายในประเทศไทยแบบ Limited Edition ด้วยจำนวนเพียง 350 คัน ซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของ Nissan เครื่องยนต์ DIG Turbo ซึ่งถือได้ว่าเป็นรถ Compact Hatchback จากฝั่งญี่ปุ่นคันแรกในตลาดประเทศไทย ที่เลือกใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ

และแล้วล่าสุด Nissan ได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ความแรงในรถ Compact Sedan เป็นครั้งแรกอีกครั้ง ส่ง Nissan Sylphy DIG Turbo ลงทำตลาด ซึ่งมีราคาเหลือเพียง 9.99 แสนบาท แต่อัดแน่นออปชั่นที่มากกว่า ซึ่ง 9carthai ของเราจะมารีวิวรถแรงในคราบรถบ้านคันนี้กันครับ

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_16

รูปลักษณ์ภายนอก Nissan Sylphy DIG มากับชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน ทั้งกันชนหน้า, กระจังหน้า, สเกิร์ตข้าง, และกันชนท้าย

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_40

สปอยเลอร์หลัง (มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3),

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_20

กระจกมองข้างลายคาร์บอน

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_22

โดยในคันนี้ได้ติดตั้งแถบคิ้วประตูลายคาร์บอนเช่นเดียวกัน,

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_01

ที่ฝากระโปรงท้าย ติดตั้งโลโก้ DIG Turbo บ่งบอกความแรงภายใต้ฝากระโปรงหน้า

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_18

ล้อปรับมาใช้ลวดลายแบบ Nissan Pulsar สวมยาง Continental Premium Contact II ไซส์ 205/50 R17

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_19

ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ซีนอน มาพร้อมระบบเปิด-ปิดออโต้ และ ปรับสูงต่ำ-ออโต้ พร้อมตัวฉีดล้างไฟหน้า ได้ถูกนำมาใส่ในรุ่นนี้ด้วย

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_26

ในรุ่น Sylphy DIG คันนี้ จะมีการติดตั้ง Sunroof แบบที่พบในรุ่นท๊อปของ Pulsar 1.8V Sunroof ซึ่งแม้แต่ Pulsar DIG ก็ยังไม่มีมาให้

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_33

ด้านมิติตัวรถ ของ Sylphy DIG นั้น จะมีขนาดตัวที่ใกล้เคียงกันกับ Sylphy รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 แตกต่างกันที่มีความยาวเพิ่มขึ้นเพียง 5 มม.
มีความยาว x กว้าง x สูง x ระยะฐานล้อ = 4,620 x 1,760 x 1,495 x 2,700 มม. ขณะที่น้ำหนักตัวนั้นเพิ่มขึ้นมาถึง 1,359 กก. (รุ่นท๊อป 1.8SV หนัก 1,263 กก)

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_03

ภายในห้องโดยสาร เมื่อเปิดประตูผ่านระบบ Keyless จะพบภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสีดำ ตกแต่งด้วย Trim ลายคาร์บอนเมทัลลิก

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_09

บนพวงมาลัยได้มีการเพิ่มสวิทช์ Cruise Control เข้ามานอกเหนือจากสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_23

มาตรวัดเรืองแสงแบบ Fine vision ช่วยให้ทำมองเห็นชัดเจนกว่าเดิม และได้มีการออกแบบให้ไฟแผงหน้าปัดเป็นสีขาวสวยงาม

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_11

หน้าจอ Multimedia ขนาด 5.8” รองรับระบบเชื่อมต่อต่างๆ มาพร้อมระบบนำทาง ได้เชื่อมต่อกับ กล้องมองหลัง ในการแสดงผลขณะเข้าเกียร์ R ด้วย

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_15

ระบบแอร์ออโต้ ยังคงเป็นแบบแยกโซนอิสระ ซึ่งผู้โดยสารและผู้ขับ สามารถเลือกปรับอุณหภูมิได้ตามชอบใจ

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_01

ในรุ่น Sylphy DIG ได้ติดตั้งแป้นเบรก และแป้นคันเร่งสแตนเลส เพิ่ม Look Sport เสริมความแรง

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_12

จุดหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากรุ่นเครื่องยนต์ NA คือ หัวเกียร์ที่มีปุ่ม Sport (OverDrive) กลายมาเป็นตำแหน่งให้ + –

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_14

และตำแหน่งด้านขวาพวงมาลัยมีปุ่ม ปิดระบบ VDC, TCS มาให้

Review-Nissan-Sylphy-DIG

จุดที่เรารู้สึกจะเป็นอุปสรรคไปเสียหน่อย นั่นก็คือ เรื่องของตำแหน่งที่วางของตรงคอนโซลกลางที่ดูจะวางโทรศัพท์ Smartphone รวมถึงกระเป๋าสตางค์ได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากช่องตรงนี้ได้ทำเอาไว้เป็นที่วางแก้ว และมีช่องเขี่ยบุหรี่เหนือตำแหน่งเกียร์ ทำให้ต้องย้ายไปวางที่แผงข้างประตูแทน ซึ่งจะยากลำบากต่อการหยิบใช้งาน

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_17

ขณะที่เบาะยังคงนั่งได้สบายเช่นเคย และมีการโอบรับสรีระพอสมควร

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_21

และจุดเด่นหนึ่งของรถยนต์ Sylphy ตั้งแต่ไหนแต่ไร คือเรื่องของพื้นที่โดยสารตอนหลังที่กว้างขวางกว่าเพื่อนในระดับ Compact ด้วยกัน และมีแอร์ตอนหลังให้เป็นรุ่นแรกในคลาสอีกด้วย

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_22

ตรงกลางมีที่พักแขน และวางแก้วน้ำ 2 ใบ

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Engine_3

ขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ Direct Injection รหัส MR16DDT ความจุ 1,618cc  ให้พละกำลังสูงถึง 190 แรงม้า PS@ 5,600rpm แรงบิดสูงสุดที่ 240 Nm@2,400–5,200rpm เทียบเท่าหรือแรงกว่าเครื่องยนต์พิกัด 2.5 ลิตร แบบ NA เสียด้วยซ้ำ

โดยได้ส่งกำลังผ่านเกียร์ X-Tronic CVT ซึ่งปรับปรุงใหม่ (คนละลูกกับ รุ่นเครื่องยนต์ NA เป็นรุ่นเดียวกับ Pulsar DIG)

ในช่วงต้นอาจพบช่วง Lag ของคันเร่งเล็กน้อย เป็นสไตล์ตามแบบฉบับของรถเกียร์ CVT ที่ช่วงต้นความเร็วขึ้นแบบเนือยๆ แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงทำงานของเทอร์โบ ช่วงที่บูสต์มาแล้ว ประมาณ 2000rpm + ขึ้นไป พละกำลังแรงบิดจะไหลมาให้สัมผัสอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเราเหยียบคันเร่งค้างไว้ เข็มมาตรวัดรอบจะชี้ไปแตะที่ราว 6,500rpm แม้จะไม่มีการดึงอย่างรุนแรงให้หลังติดต่อ แต่ตัวรถก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างไหลลื่น

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_30

แน่นอนว่า จุดเด่นของเครื่องยนต์บล๊อกนี้ คือ แรงบิดเยอะตั้งแต่รอบต่ำ ช่วยให้ รถคันนี้ขับได้สนุกและน่าสนใจ หากคุณกระแทกคันเร่งมิดออกตัวจะได้ยินเสียงเอ๊ยดอ๊าด ของยางบดพื้นถนนดังเข้าห้องโดยสาร อยู่โดยตลอด

เครื่องยนต์บล๊อกนี้ โดดเด่นที่อัตราเร่งช่วงต้น-ย่านความเร็วกลาง แม้ความเร็วแปลายจะยังไหลขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำความเร็วได้มากกว่า 200 กม./ชม. แต่ความเร็วที่ไต่ขึ้นในช่วงปลายนั้นดูจะไม่ได้โดดเด่นไปกว่าเครื่องยนต์ที่มีความจุมากกว่า

Sylphy-DIG-0-100_OBD

เราลองทดสอบวัดอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. สามารถทำได้ในเวลา 7.489 วินาที  (จับนาฬิกา โดยดูเข็มจากมาตรวัด)
และเมื่อวัดจาก OBD II Bluetooth โดยระบบ GPS จะโชว์ตัวเลข 8.962 วินาที

ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองนั้น เฉลี่ยจะอยู่ในช่วง 8-9 กม./ลิตร และถ้าคุณเผลอมันในเท้าล่ะก็ มีตัวเลขลงไปแตะ 7 กม./ลิตร ให้เห็นแน่ๆ

ด้านตำแหน่งเกียร์ที่เปลี่ยนไป โดยมี โหมด + – ให้เล่นเพิ่มเติม สามารถควบคุมเกียร์แบบ Manual ได้โดยการ ผลักคันเกียร์มาทางด้านขวา  ในการเปลี่ยนเกียร์ ระบบจะบังคับไม่ให้เปลี่ยนเกียร์ หากเครื่องยนต์อยู่ในรอบที่ไม่เหมาะสม อาทิ ไม่สามารถ + ขึ้นเกียร์ได้หากรอบเครื่องยนต์ต่ำเกินไป รวมถึง การ – เกียร์ลงอย่างต่อเนื่อง ทางระบบก็จะห้ามเนื่องจากป้องกันเกียร์เสียหาย ซึ่งถือเป็นข้อดีที่มีอยู่ในระบบเกียร์อัจฉริยะ X-Tronic CVT ของ Nissan

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_04

สำหรับพวงมาลัยไฟฟ้า ของ Sylphy DIG ยังคงมีบุคลิกนิสัยแบบเดิมๆ น้ำหนักเบาที่ความเร็วต่ำ ดูไร้น้ำหนักไปเสียหน่อย
อาการพวงมาลัยไม่คืนวงเลี้ยวยังมีให้พบเห็น แต่พวงมาลัยก็หนักหนืดขึ้นแปรผันตามความเร็ว ขณะที่การกระแทกออกคันเร่งมิดควรมีการประคับประคองพวงมาลัยให้มั่นคง

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_11

ระบบกันสะเทือน ช่วงล่างด้านหน้าแบบ แม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ได้มีการปรับเซ็ทใหม่ เน้นความแข็งเฟิร์มกว่าเดิม ซึ่งได้รับการปรับให้มีทิศทางเดียวกับ Pulsar DIG (ที่จริงแล้วช่วงล่าง Pulsar DIG กับ Pulsar เครื่องยนต์ NA นั้นไม่แตกต่างกันนัก เพราะเซ็ตมาค่อนข้างแข็งกว่า Sylphy NA อย่างเห็นได้ชัด) การขับที่ความเร็วต่ำ สัมผัสได้เลยว่ามันกระด้างขึ้น แต่ก็ไม่ถึงขั้นรู้สึกอึดอัด ป่วนท้องไส้ ยังสัมผัสได้ถึงสไตล์ช่วงล่างตามแบบฉบับรถนิสสัน ที่ยังหลงเหลือความสบายในการโดยสารอยู่

ในด้านการยึดเกาะนั้น เรามองว่ายังทำได้ดีในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากการใช้ช่วงล่างหลังแบบคานแช็ง ซึ่งความยืดหยุ่นต่ำกว่า และพบอาการ Understeer อีกพอสมควรเมื่อมีการเข้าโค้งด้วยความเร็ว หนักๆ

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_34

แม้การเลือกใช้ซีรีย์ยางจาก Continental Premium Contact II ไซส์ 205/50 R17 ดูเหมือนจะช่วยด้านการยึดเกาะที่ดีขึ้น แต่ทว่าซีรีย์ยางที่ดูแคบไปหน่อย 205 มม. ซึ่งถ้ามีการปรับเปลี่ยนล้อใหม่ ให้มีความกว้างขึ้น และสวมยางไซส์กว้างกว่านี้อีกสัก 20 มม. น่าจะมีผลในด้านของการยึดเกาะต่อพื้นถนนที่มากยิ่งขึ้นไปด้วย

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_36

ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ ซึ่งได้เปลี่ยนขนาดจานให้ใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย เราพบว่า การทำงานของเบรกชะลอความเร็วนั้น
กำลังดี คือ หากขับขี่แบบทั่วๆไป มันทำหน้าที่ได้ในระดับหนึ่ง เบรกเซ็ทมาน้ำหนักกำลังดี สามารถเบรกชะลอได้นุ่มนวล

แต่ถ้าซัดมาหนักๆ อาจจะต้องมีการเผื่อระยะเบรกเพิ่มเติมอีกหน่อย เพราะที่จริงแล้วขนาดจานเบรกของรุ่น Pulsar DIG นี้ มันไม่ได้ใหญ่กว่ารุ่น 1.8 อย่างเห็นได้ชัด

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_29

ระบบความปลอดภัย ใน Sylphy DIG นี้ มีอุปกรณ์มาตรฐานครบถ้วน ทั้งถุงลมคู่หน้า, ถุงด้านข้าง, ม่านถุงลมด้านข้าง ระบบเบรก ABS + EBD + BA, ระบบ TCS และ VDC

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_03

สรุป

Nissan Sylphy DIG Turbo นับได้ว่าเป็นการต่อยอดรถ Pulsar DIG ช่วยเสริมทัพความแกร่งในตลาดรถกลุ่ม Compact ของ Nissan แม้ในปัจจุบันลูกค้าจะมีทางเลือกในตลาดมากมาย และดูจะมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่า Sylphy DIG นี้เลย แล้วรถ Sylphy DIG คันนี้ ถือว่าเหมาะสมและคุ้มค่าน่าเล่นไหมกับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ได้รับ?

เรายืนยันว่า หากคุณอยากได้รถแรงโดยไม่ต้องมีการไปปรับจูนแต่งรถใดๆเพิ่มเติมให้เสียตังและเสียรถ Sylphy DIG จะเป็นรถที่มาตอบโจทย์นั้น นอกจากนี้ มันเป็นรถแรงในคราบรถบ้านแบบครอบครัว นั่นจึงทำให้มันคงจุดขายความสะดวกสบายจากออปชั่นที่มีครบครัน พื้นที่โดยสารที่กว้างขวางตามแบบฉบับ Sylphy เดิม + แอร์ตอนหลัง

เอาเป็นว่าผู้เขียนชอบเลยล่ะ กับรถที่แรงตั้งแต่เกิด แต่ยังคงความสะดวกสบายในแบบรถยนต์ Compact ขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมออปชั่นครบครัน แต่มีเรื่องเดียวที่ต้องทำใจ เพราะมันซดตามเท้าเหยียบของคุณ จะว่าไปช่วงนี้น้ำมันราคาก็ถูกมากแล้ว จะแคร์อะไรล่ะ Nissan Sylphy DIG คันนี้ จะเข้ามากระตุ้นการหลั่ง Adrenaline ของคุณได้อย่างแน่นอน

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Engine_1

จุดเด่น

  • เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังแรงเต็มเปี่ยม
  • ออปชั่นที่มาครบครันภายนอก ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ + ระบบเปิด-ปิดออโต้ + ระบบปรับสูง-ต่ำ ออโต้ / ระบบฉีดล้าง และ Sunroof
  • พื้นที่โดยสารตอนหลังที่โดดเด่นในกลุ่ม C-Segment นั่งสบาย พร้อมแอร์ตอนหลัง

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_04

จุดที่อยากให้มีเพิ่มเติม

  • ล้ออัลลอยขอบ 18” ที่มีลวดลายใหม่ และมีหน้ากว้างมากกว่านี้
  • Paddle Shift
  • คาลิปเปอร์ และจานเบรก ขนาดใหญ่กว่านี้

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_08

ขอขอบคุณ Nissan Motors ประเทศไทย
สำหรับรถทดสอบ Sylphy DIG สีดำ ราคา 9.99 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai

Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_03 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_04 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_05 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_06 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_07 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_08 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_09 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_10 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_28 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_11 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_29 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_30 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_31 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_16 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_12 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_13 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_33 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_15 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_17 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_14 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_19 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_02 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_01 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_20 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_21 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_22 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_23 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_24 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_25 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_26 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_27 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_38 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_39 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_32 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_40 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_34 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_35 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_18 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_36 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Ext_37 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Engine_3 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Engine_2 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Engine_1 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_03 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_02 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_04 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_05 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_09 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_01 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_07 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_08 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_10 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_11 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_12 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_13 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_14 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_15 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_16 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_17 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_21 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_19 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_18 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_20 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_06 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_22 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_23 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_24 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_25 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_26 Review-Nissan-Sylphy-DIG-Int_27

จับตารถ SUV 2016 คันไหนตอบโจทย์ครบ

$
0
0

จับตารถ SUV 2016 คันไหนตอบโจทย์ครบ

Thumb

ตลาดรถ SUV ในปี 2016 นี้แข่งกันเดือดแน่ เพราะมีรถ SUV ตัวเด่น ตัวแรง จากบรรดาค่ายรถต่างๆ ตบเท้ามาเป็นตัวเลือกอยู่หลายรุ่น ทั้งที่เปิดตัวไปแล้ว และกำลังจะเปิดตัวในเร็วๆนี้ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่น จุดแข็งที่ต่างกันไป

เริ่มต้นจากทางฟากยุโรป ค่ายกังหันสีฟ้าประกาศเปิดตัว BMW X1 2016 แล้วอย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีสเปกและรูปตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ หลุดมาให้เห็นกันบ้างแล้วก่อนหน้านี้

BMW-X1 (1)

BMW X1 ปี 2016 ถือเป็นรถในเจนเนเรชั่นที่ 2 ที่ถูกปรับปรุงรูปโฉมให้ดูสปอร์ตขึ้นในส่วนของกันชนและกระจังหน้า ไฟหน้าแอลอีดีเต็มรูปแบบ และเพิ่มออฟชั่นให้มีความแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

ในส่วนของเครื่องยนต์ ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่เอี่ยม ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองพลังงานและลดการปล่อยไอเสียได้มากกว่า 17% ขึ้นอยู่กับรูปแบบเครื่องยนต์ เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งดีเซล 3 รุ่น และเบนซินอีก 2 รุ่น ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบทั้งหมด มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด ส่วนระบบขับเคลื่อนมีแบบขับเคลื่อนล้อหน้ามาตรฐาน และออฟชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive

BMW-X1 (2)

การันตีการขับแบบสปอร์ตที่นุ่มนวลมาตรฐานสูงตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิ้ลยู แต่ทั้งนี้สนนราคาก็เชื่อว่าจะสูงตามไปด้วยเช่นกัน

MG GS (1)
SUV จากฝั่งยุโรปตัวต่อมา ถึงจะมาจากค่ายน้องใหม่อย่าง MG แถมยังเป็นรถ SUV ตัวแรก แต่กลับทำการบ้านมาอย่างดี ถ้าจะวัดกันด้วยสมรรถนะและออฟชั่นที่มาพร้อมกับ MG GS คันนี้ ก็ต้องบอกว่าแรงแซงหน้าแบรนด์รุ่นพี่หลายค่ายที่เปิดตัวมาแล้วไปหลายช่วงตัว

เริ่มจากโฉมภายนอกของ MG GS ได้รับการออกแบบสไตล์สปอร์ตคูเป้ครอสโอเวอร์ โฉบเฉี่ยวตั้งแต่ด้านหน้า ด้วยกระจังหน้าเส้นเล็กระหว่างไฟ 2 ข้าง เส้นตรงรูปตัว V อันเป็นเอกลักษณ์ ดูดุดันด้วยไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ทรงเหลี่ยม เพิ่มความลุยที่ผสมผสานกับความหรูได้อย่างลงตัวสไตล์อังกฤษ แร็คหลังคาติดกล่องเก็บของเพิ่มเติม มาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว

ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ MG GS มีเครื่องยนต์ 2 รุ่นด้วยกัน ทั้งเบนซินเทอร์โบขนาด 1,500 ซีซี แรง 168 แรงม้า และอีกรุ่นที่แรงถึงใจ กับเบนซินเทอร์โบ 2,000 ซีซี ให้กำลังถึง 220 แรงม้า ขับเคลื่อนได้ทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียรติอัตโนมัติ 6 สปีด เกียร์อัตโนมัติ DCT 7 สปีด รวมถึงสามารถขับเคลื่อนสี่ล้อได้อีกด้วย

MG GS (2)

อีกจุดขายของ MG ในด้านเทคโนโลยี คือ ระบบ inkaNet หรือระบบสั่งการรถยนต์ผ่านทาง สมาร์ทโฟน ซึ่งก็ต้องรอดูว่าเปิดตัวมาแล้ว MG จะจัดเทคโนโลยีอะไร มาให้เล่นอีกบ้าง

นอกจากนี้ MG GS ยังมีมาตรฐานยุโรปที่เป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นของ MG ตามแนวคิด Brit Dynamic อันได้แก่สมรรถนะ การควบคุม ดีไซน์ และความปลอดภัย ที่พูดมาตลอดในรถยนต์ทุกรุ่น หากเป็นไปตามข้อมูลที่หลุดมา เท่ากับว่า ถ้า MG GS ในรุ่นเครื่อง 2,000 ซีซี ถ้ามาโลดแล่นในไทย จะถือว่า เป็นรถยนต์ SUV ที่มีแรงม้าแรงที่สุดในไทยเลยทีเดียว

Ford EcoSport (1)
นอกจากฝั่งยุโรปแล้ว ในปี 2016 นี้ ยังมี SUV อีกหลายแบรนด์ที่น่าสนใจ อย่างเช่น Ford EcoSport  จากฝั่งอเมริกา ที่ถูกปรับโฉมใหม่ จนกลายเป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ที่ดูคล่องตัว

ที่สำคัญบั้นท้ายของ EcoSport รุ่นอัพเดตล่าสุดนี้ ไม่มีล้ออะไหล่ให้ดูเทอะทะอีกต่อไป รูปทรงรถจึงดูสบายตามากขึ้น ขณะที่ประตูท้ายมีฟังก์ชั่นเปิดแบบแยกส่วนได้ ในห้องโดยสารมีการบุวัสดุกันเสียงเพิ่มเติมที่แผงข้างประตูและแผงแดชบอร์ด ห้องโดยสารจึงเงียบลดเสียงรบกวนจากภายนอก สร้างบรรยากาศการขับให้เหมือนมีโลกส่วนตัว

ค่ายรถอเมริกันยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยการออกแบบวงพวงมาลัยใหม่ พร้อมปุ่มควบคุมที่มีจำนวนลดน้อยลง รวมถึงช่วงล่างที่ปรับจูนใหม่ ลดส่วนสูงของตัวรถลง 10 มม. และระบบภายในที่แข็งแน่นกว่าเดิม

Ford Ecosport (2)

เครื่องยนต์ก็ยังคงเป็นบล็อกเดิม ยกเว้นรุ่นดีเซล 1.5 ลิตร TDCi ที่มีพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 94 แรงม้า อัตราบริโภคน้ำมัน 22 กม./ลิตร ปล่อยมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ 115 กรัม/กม.ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์อีโคบูสต์ 1.0 ลิตร ให้พละกำลัง 125 แรงม้า อัตราบริโภคน้ำมัน 18.5 กม./ลิตร ปล่อยไอเสีย 125 กรัม/กม.

เรียกว่าเป็นรถครอสโอเวอร์รุ่นเล็ก ที่เน้นประหยัดพลังงาน และมีราคาที่เป็นมิตร เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับตลาดรถ SUV ที่จะเปิดตัวในบ้านเราภายในปีนี้

Mazda-CX-5 (1)
ปิดท้ายกันที่ SUV จากฝั่งญี่ปุ่น ที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อต้นปี 2016 กับ MAZDA CX-5 ที่เลือกใช้คอนเซ็ปต์ “โคโดะ ดีไซน์” ในการออกแบบ สะท้อนถึงความสปอร์ตแบบจัดเต็ม

ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกนั้น CX-5 มาพร้อมกับกระจังหน้าลายใหม่ ช่องไฟตัดหมอกทรงใหม่ ติดตั้งไฟ daytime สำหรับวิ่งกลางวัน และระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะช่วยปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกกันอย่างอิสระทั้งซ้าย-ขวาให้เหมาะสมกับระยะห่าง และตำแหน่งของรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ

Mazda CX5 (2)

สำหรับเครื่องยนต์มี 2 รุ่นคือ เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0L ให้กำลัง 165 แรงม้า ปรับจูนให้รองรับ E85 ประสานชุดเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีด มีอัตราสิ้นเปลือง 14.5 กม./ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D 2.2L กำลังสูงสุดถึง 175 แรงม้า ประสานชุดเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive ให้อัตราสิ้นเปลือง 17.5 กม./ลิตร และยังเพิ่มรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อมาให้เลือกอีกด้วย

เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVESENSE และเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสาร MZD CONNECT ที่ช่วยให้ขับสนุกยิ่งขึ้น Mazda CX5 จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับใครที่กำลังมองหารถ SUV คู่ใจ

ทั้งหมดที่จัดมาชมเป็นแค่สเปกแบบคร่าวๆ ที่หยิบยกมาเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพรวมของตลาดรถ SUV ในปี 2016 ว่าคึกคักขนาดไหน ส่วนจะตัดสินใจจองรุ่นไหน อยากให้อดใจรอก่อน เพราะบางรุ่นก็ยังไมได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่จากสเปกที่หลุดออกมา เชื่อว่าต้องมีสักรุ่นที่ดึงดูดใจ และช่วยให้ตัดสินใจเลือก SUV สเปกเทพที่ครบเครื่องและคุ้มค่าที่สุดได้ไม่ยาก สุดท้ายก็ต้องไปลองขับ ถึงรู้ได้ว่า ใครคือตัวจริง

LINK to website

ใหม่ All New MG GS 2016-2017 ราคา เอ็มจี จีเอส ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ All New MG GS 2016-2017 ราคา เอ็มจี จีเอส ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

ALL NEW MG GS 0

ดูรถ Segment ใกล้เคียง Chevrolet Captiva | Chevrolet Trailblazer | Ford Everest | Honda CR-V | Hyundai Tucson | ISUZU MU-X | MAZDA CX-5 | Mitsubishi Pajero | Nissan X-Trail | Toyota Fortuner

ALL NEW MG GS ALL NEW MG GS 1 ALL NEW MG GS 2 ALL NEW MG GS 3 ALL NEW MG GS 4 ALL NEW MG GS 5 ALL NEW MG GS 6 ALL NEW MG GS 7 ALL NEW MG GS 8 ALL NEW MG GS 9 ALL NEW MG GS 9-1 ALL NEW MG GS 9-2 ALL NEW MG GS 9-3 ALL NEW MG GS 9-4 ALL NEW MG GS 10 ALL NEW MG GS 11 ALL NEW MG GS 12 ALL NEW MG GS 13 ALL NEW MG GS 14 ALL NEW MG GS 15 ALL NEW MG GS 16 ALL NEW MG GS 17 ALL NEW MG GS 18 ALL NEW MG GS 19 ALL NEW MG GS 19-1 ALL NEW MG GS 19-2 ALL NEW MG GS 19-3 ALL NEW MG GS 19-4 ALL NEW MG GS 19-5 ALL NEW MG GS 20 ALL NEW MG GS 21 ALL NEW MG GS 22 ALL NEW MG GS 23

ALL NEW MG GS ดีไซน์ที่ไม่ตามใคร

ในที่สุดก็ได้เปิดตัวกันสักทีครับ สำหรับ MG GS หลังจากได้มาโชว์ตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ในงาน Motor Expo 2015  ซึ่ง MG GS นั้้นเป็นรถ SUV ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถอเนกประสงค์แนวสปอร์ต ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร  ด้วยดีไซน์สไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม เฉียบคมทุกรายละเอียด  ภายในดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุหนังระดับพรีเมี่ยมสีดำ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน TURBO ขนาด 2.0 ลิตร แรงสุด 218 แรงม้า    พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน และระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด

MG GS ราคา
ราคา MG GS เอ็มจี จีเอส 2.0T 2WD ราคา 1,210,000.
ราคา MG GS เอ็มจี จีเอส 2.0TX AWD ราคา 1,310,000.

 *ของแถม MG GS จัดเต็ม  ติดต่อ  เซลล์ คุณบี 084-0050440 *เพชรเกษม   Line : beblaire

 ราคา MG GS ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
MG GS ราคาผ่อน, ตารางผ่อน


ชมงานเปิดตัว ALL NEW MG GS 2016


อุปกรณ์มาตรฐาน MG GS

MG GS 2.0T 2WD
มิติภายนอก ความกว้าง x ความยาว x ความสูง : 1,855 x 4,500 x 1,675

MG GS 2.0T AWD
มิติภายนอก ความกว้าง x ความยาว x ความสูง : 1,855 x 4,500 x 1,699

MG GS รุ่น 2.0T 2WD ราคา 1,210,000.
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ฮาโลเจน
– ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ
– ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
– ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน
– ไฟตัดหมอกหน้า
– ไฟตัดหมอกหลัง
– ไฟท้าย LED
– ไฟเบรกดวงที่ 3 LED
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
– ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
– ปลายท่อไอเสียโครเมียม
– ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง

อุปกรณ์ภายใน และความสะดวกสบาย
– สีภายใน สีดำ
– วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้ และหนังสังเคราะห์
– พวงมาลัยหุ้มหนัง
– พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
– เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
– เบาะด้านหลัง พนักพิงพับได้ 60:40
– เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้
– หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ
– กระจกไฟฟ้า
– กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
– ช่องจ่ายไฟ 12V ที่ห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย
– ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่ม Push Start
– ไฟส่องแผนที่

ระบบความปลอดภัย
– ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF
– ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
– ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
– ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR
– ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS
– ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS
– ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS
– ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรก AVH
– ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
– จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
– ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
– เข็มขัดนิรภัยแถวหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
– ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
– พวงมาลัยยุบตัวเมื่อเกิดการชน
– กล้องมองหลัง
– สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
– ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer

ระบบเครื่องเสียง
– พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
– ลำโพง 8 ตัว
– ระบบนำทาง Navigation
– ระบบ inkaNet
– หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
– หน่วยความจำภายในเครื่อง 16 GB
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ
– ช่องเชื่อมต่อ AUX และ USB

MG GS รุ่น 2.0T AWD ราคา 1,310,000.
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ HID
– ราวหลังคา
– ซันรูฟแบบปรับไฟฟ้า
– เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

EXTERIOR ภายนอก MG GS

00

section-5-bg

ดีไซน์ที่ไม่ตามใคร โดดเด่นในแบบที่คุณเป็น ด้วยการออกแบบจากศูนย์ UK Technical Centre เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ภายใต้แนวคิด Brit Dynamic โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอก ที่เน้นความโฉบเฉี่ยว ผสานการออกแบบสไตล์ Diamond Flow Design ที่ทุกเส้นสาย และรายละเอียดในจุดต่างๆ บ่งบอกถึงความพิถีพิถัน เรียบหรู ตามแบบฉบับรสนิยมอังกฤษ ให้คุณได้สัมผัสกับ Sport SUV อย่างแท้จริง สง่างามลงตัวด้วยล้ออัลลอยด์ ดีไซน์ Diamond Cut 18″ Bicolour ดึงดูดทุกสายตาด้วยไฟหน้าแบบ Projector HID

ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากโคมไฟใน UK Pavilion World Expo มาพร้อมระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้าตามแบบฉบับรถยุโรป เพิ่มความโดดเด่นด้วย Daytime Running Lights สัมผัสความหรูหรากับหลังคา Sunroof ควบคุมการเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ให้คุณเห็นโลกได้กว้างกว่าใคร เหนือระดับไปอีกขั้นกับไฟท้าย LED ดีไซน์สปอร์ต ที่ผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับกระจกหลัง ตามแบบฉบับของ MG GS สะท้อนความเป็นตัวตนในแบบที่ไม่ตามใคร

5

– หลังคา Sunroof

0

– ไฟหน้าแบบ Projector HID พร้อมหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า Headlight Washer

0

– ไฟท้าย LED แบบสปอร์ต

123

– ล้ออัลลอยด์ ดีไซน์ Diamond Cut 18″ Bicolour

INTERIOR ภายใน MG GS

MG-GS-Interior_06

สัมผัสกับความลงตัวที่ไม่ตามใคร สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ที่ตอบสนองทุกการขับขี่บน MG GS กับการออกแบบชุดคอนโซลหน้า ที่สะท้อนบุคลิคในตัวคุณ ด้วยวัสดุสีดำ Piano Black ให้อารมณ์เรียบหรู แบบมีเอกลักษณ์ สวิตซ์ควบคุมต่างๆ ได้ถูกออกแบบให้สะดวกสบายในทุกการใช้งาน โดยที่ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน พร้อมเบาะไฟฟ้าปรับระดับได้ 6 ทิศทาง พลังแห่งการขับเคลื่อนสามารถควบคุมได้ที่ปลายนิ้ว ด้วย Paddle Shift ให้คุณเปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจที่คุณต้องการ พร้อมระบบ Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ สะดวกสบายกว่าด้วย Auto Vehicle Hold ให้คุณไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ในช่วงการจราจรติดขัด รื่นรมย์ทั้งภาพและเสียงด้วยหน้าจอ Touch Screen ขนาดใหญ่กว้าง 8 นิ้ว ให้คุณได้สัมผัสความรู้สึกเต็มอิ่ม สบายยิ่งขึ้นด้วยเบาะหลังที่สามารถปรับเอนได้ถึง 14 องศา ตอบสนองทุกความสบายของผู้โดยสารในทุกการเดินทาง และสามารถพับได้ 60 : 40 เพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ

– หน้าจอ Touch Screen ขนาด 8 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นต่างๆครบครัน

img-2

– เชื่อมต่อระบบ Entertainment

img-3

– แสดงภาพจากกล้องมองหลัง

img-4

– ระบบนำทาง

img-1

– เกียร์แบบ TST 6-Speed พร้อมเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto Vehicle Hold

img-5-1

– เบาะหลังปรับพับได้ 60 : 40

img-6

– เบาะหลังปรับเอนได้ถึง 14 องศา

7

ที่สุดแห่งพลังขับเคลื่นที่ไม่มีใครตามทัน ล้ำหน้าในแบบที่ไม่เคยมีในรถ SUV ระดับเดียวกันมาก่อน ด้วยเครื่องยนต์ Turbo 2.0 ลิตร ให้พลังถึง 218 แรงม้า ที่ 5,300 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 2,500-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 Km/h ภายใน 8.0 วินาที* สามารถรองรับน้ำมัน E85 อีกทั้งยังปล่อยไอเสียต่ำ ผ่านมาตรฐาน มอก. 2540-2554 (หรือเทียบเท่ามาตรฐาน 4 ยูโร) ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ TST 6 สปีด เปลี่ยนเกียร์ได้ราบรื่นและรวดเร็วเพียง 0.2 วินาที ในแต่ละเกียร์ ให้คุณเร่งความเร็วได้ดั่งใจโดยไม่ต้องรอรอบ ทั้งยังสามารถปรับเกียร์เป็นแบบ Manual ที่ให้การขับขี่สนุกเร้าใจมากขึ้น นอกจากนั้น MG GS สามารถสร้างบรรยากาศให้เป็นแบบสปอร์ตมากขึ้นไปอีก ด้วย Meter Sport Mode ที่เปลี่ยนสีชุดแผงหน้าปัดเป็นสีแดงเมื่อปรับเกียร์ Sport Mode

9

– หน้าจอเปลี่ยนสีแดงในโหมด Sport

10

– เครื่องยนต์ Turbo 2.0 ลิตร แรงม้าสูงสุด 218 PS ที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 2,500-4,000 รอบต่อนาที

safety_02 (1)

ปกป้องทุกการขับขี่กับมาตรฐานความปลอดภัยที่ไม่เป็นรองใคร ให้ทุกการควบคุมอยู่ในมือคุณ ด้วย Intelligent All Wheel Drive (AWD) ระบบจะเปลี่ยนจากการขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ เพื่อตอบสนองกับสภาพถนนที่แตกต่างกันโดยอัตโนมัติ มั่นใจได้ในทุกเส้นทางด้วยระบบ Synchronized Protection System 13 ระบบความปลอดภัย ที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียว ให้คุณรู้สึกปลอดภัยทุกการเดินทาง

– ABS ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน

– EBD ระบบช่วยกระจายแรงเบรก

– TCS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล

– CBS ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง

– SCS ระบบควบคุมการทรงตัว

– AVH ระบบป้องกันการลื่นไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง

– BDC ระบบทำความสะอาดจานเบรกอัตโนมัติ

– OHBV ระบบเพิ่มแรงดันไฮดรอลิกเบรกให้เหมาะสม

– MSR ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน

– EBA ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์

– HAS ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน

– TPMS ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง

– EPB ระบบเบรกมือไฟฟ้า

safety_04

โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF ที่เพิ่มความแข็งแกร่ง ช่วยปกป้องห้องโดยสารให้เป็นโซนนิรภัย ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยถุงลมนิรภัย 4 จุด คือ คู่หน้าและด้านข้าง เพิ่มความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีผ้าเบรก ทีมีส่วนผสมของเซรามิก Ceramic Compound Brake Pads ลดความร้อนที่เกิดจากการเบรก ที่ทำให้ระยะเบรกสั้นและแม่นยำกว่าเดิม ทนความร้อนกว่าเดิมถึง 4 เท่า และลดปริมาณฝุ่นเบรกที่ล้อ สมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวลด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบ Macpherson Strut และช่วงล่างหลังอิสระแบบ Multi-Link

safety_03

– ผ้าเบรกส่วนผสม Ceramic Compound Brake Pads

safety_03 (1)

– ถุงลมนิรภัย 4 จุด คู่หน้าและด้านข้าง

0000

ล้ำเกินใครด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี inkaNet ควบคุมได้ทุกที่ ทุกเวลา “อินคาเน็ต” ไม่ได้เป็นแค่แอพพลิเคชั่น แต่เป็นระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ให้คุณเชื่อมต่อ สื่อสาร และสั่งการรถยนต์ MG ผ่านสมาร์ทโฟน ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

– Navigation ระบบการนำทางรถยนต์ ให้ข้อมูลระบบนำทางผ่าน Google Maps และผู้ใช้สามารถเช็คตำแหน่งรถยนต์ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถติดตามตำแหน่งรถยนต์ผ่าน Call Centre ได้แบบ Real Time

– Fuel Consumption แจ้งอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน แสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถ

  • แจ้งพฤติกรรมการขับขี่ พร้อมแสดงผลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน
  • เปรียบเทียบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถ MG ของคุณ กับรถ MG ของคนอื่น เพื่อช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับรถ และประหยัดน้ำมันมากขึ้น

– i-CALL ระบบเลขาฯส่วนตัว ติดต่อ MG Call Centre เพียงปลายนิ้วสัมผัส

  • อำนวยความสะอวกให้คุณในการติดต่อ MG Call Centre เพื่อสอบถามข้อมูล และขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้นต่างๆ
  • MG Call Centre สามารถอำนวยความสะดวกให้คุณโดยการ ส่งเส้นทางการเดินทางมายังหน้าจอวิทยุรถยนต์โดยที่คุณไม่ต้องค้นหาเองให้เสียเวลา

– Electronic Fence ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยกำหนดขอบเขตรัศมีการขับรถยนต์

  • สามารถกำหนดขอบเขตรัศมีของรถ ที่กำหนดไว้ตั้งแต่ 500 ม. ถึง 10 กม. จากจุดศูนย์กลาง
  • ในกรณีรถออกนอกรัศมีขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนผ่าน Push Notification และ SMS เพื่อให้ความปลอดภัยของรถยนต์อยู่ในมือคุณทุกที่ทุกเวลา

– Travel Plan วางแผนการเดินทาง อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ คุณสามารถส่งแผนที่การเดินทางจากคอมพิวเตอร์ ไปยังหน้าจอวิทยุรถยนต์ของคุณ จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะไม่พลาดทุกการเดินทาง

– Remote Vehicle Diagnosis การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ เตือนความผิดปกติของรถยนต์ผ่าน Push Notification

  • เช็คสถานะการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบถุงลมนิรภัย เบื้องต้นผ่านทางแอพพลิเคชั่น
  • ติดต่อ MG Centre เพื่อให้ช่วยตรวจสอบความผิดปกติของรถยนต์ และขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้นได้ทันที

– Vehicle Status Update การตรวจสอบสถานะของรถยนต์ แจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบสถานะปัจจุบันของรถยนต์

  • สถานะของประตูว่าปิดอยู่หรือไม่
  • แจ้งระดับแบตเตอรี่รถยนต์
  • ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง
  • อุณหภูมิภายนอกรถ

– Remote Vehicle Control การควบคุมการทำงานของรถยนต์ อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่

  • สั่งล็อก/ปลดล็อกรถระยะไกลผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน หรือ MG Call Centre
  • ค้นหารถด้วย Find My Car ระบบจะสั่งให้รถเปิดไฟหน้า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหารถในที่มืดได้ง่ายขึ้น

– Vehicle Alarm การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยให้แก่รถของคุณ ระบบจะแจ้งเตือนความผิดปกติผ่านทาง Push Notification บนแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ทราบเมื่อรถมีการเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือ รถมีการสตาร์ทเครื่องยนต์

– Smart SMS รับและส่งข้อความผ่านทางหน้าจอวิทยุรถยนต์ คุณสามารถรับและส่งข้อความ SMS จากหน้าจอวิทยุรถยนต์ไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องอื่นๆ ได้ แม้ไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่ในรถ ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับผู้อื่นได้แม้จะลืมพกโทรศัพท์มือถือ

– Wi-Fi Hotsport แชร์สัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ คุณสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ผ่านสัญญาณ Wi-Fi จากหน้าจอวิทยุรถยนต์ได้ โดยวิทยุรถยนต์จะทำหน้าที่เสมือน Wi-Fi Router ให้คุณเชื่อมต่อกับโลกได้ทุกที่ทุกเวลา

COLOR สี MG GS

MG GS มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ 1. สีส้ม 2. สีน้ำตาล 3. สีขาว 4. สีเงิน 5. สีดำ

car-1

MG GS สีส้ม

car-3

MG GS สีน้ำตาล

car-2

MG GS สีขาว

car-4

MG GS สีเงิน

car-5

MG GS สีดำ

*ของแถม MG GS จัดเต็ม ติดต่อ เซลล์ คุณบี 084-0050440 *เพชรเกษม Line : beblaire

Chevrolet อวดโฉมรถแต่ง Concept ใหม่ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่บู๊ทในงาน Motor Show 2016

$
0
0

Chevrolet อวดโฉมรถแต่ง Concept ใหม่ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่บู๊ทในงาน Motor Show 2016

chevrolet 4

CHEVROLET (1) CHEVROLET (2)

Chevrolet ยกทัพรถตบเท้าร่วมงาน Motor Show 2016 โดยมีตัวชูโรง 2 คัน Colorado Xtreme และ Trailblazer Premier ซึ่งเป็นรถแต่งซึ่งทั้ง 2 คันจะมาแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกันอย่างชัดเจนของรถกระบะและรถเอสยูวี และแสดงให้เห็นถึงทิศทางการออกแบบของผลิตภัณฑ์เชฟโรเลตในอนาคต

Chevrolet-BIMS2016_24

1  3256497810

Chevrolet Colorado Xtreme

ถือเป็นรถที่จะลุยไปได้ทุกที่และรองรับการใช้งานทุกรูปแบบด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถกระบะอเมริกันขนานแท้ เสริมความหล่อทั้งรูปลักษณ์ด้านนอก และภายในที่ดึงดูด ซึ่งแน่นอนว่าการแต่งภายนอกนี้ ช่วยให้ Colorado Xtreme นี้ พร้อมลุยได้อย่างสมบุกสมบันมากยิ่งขึ้น

Chevrolet-BIMS2016_42

ความโดดเด่นของ Colorado Xtreme ได้แก่
• สีภายนอกแบบพิเศษ “Furnace”
• ซาฟารี บาร์ที่ด้านหน้า พร้อมราวไฟแอลอีดีและวินช์
• กันชนท้ายแบบ step ทั้งด้านหลังและมุมกันชน พร้อมคานลาก
• คิ้วซุ้มล้อขนาดใหญ่รองรับชุดยางออฟโรด
• ยางออฟโรด 18 นิ้ว พร้อมตัวล็อกขอบยางพิเศษ
• ฮู้ดสกู๊ปบนฝากระโปรง
• ท่อสน็อกเกิลที่เน้นดีไซน์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
• สปอร์ตบาร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
• สปอยเลอร์ ไฟเบรกดวงที่สามและเสาอากาศในตัว
• แร็คใส่ของบนหลังคาพร้อมราวไฟแอลอีดี
• แผ่นรองพื้นกระบะแบบพิเศษ
o ช่องสายรัดปรับระยะได้ และขยายสำหรับการเปิดกระบะท้าย
o แท่นยางอะไหล่ในตัวและตัวยึดเครื่องมือ
o ชุดน็อตยึดร่องแบบพิเศษ
• ฝาถังน้ำมันแบบพิเศษ
• ตกแต่งภายในห้องโดยสารใหม่
• หน้าจอทัชสกรีนแปดนิ้ว แสดงผลระบบมายลิงค์รุ่นล่าสุด
• มือจับบนแผงแดชบอร์ด
• มาตรวัดการเอียงและการหมุน
• เบาะที่นั่งหุ้มหนัง/ผ้าแบบพรีเมียม
• พรมปูพื้นดีไซน์แบบเดียวกับวัสดุหุ้มเบาะ
• ช่วงล่างยกสูง
• โรลบาร์
• ชุดตกแต่งกราฟฟิก
• อุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน

Chevrolet-BIMS2016_23

Chevrolet Trailblazer Premier

รถเอสยูวีที่ออกแบบมาเพื่อครอบครัวที่ชื่นชอบการออกไปค้นหาเส้นทางใหม่ๆ แต่ยังต้องการความสะดวกสบายและความหรูหรา ด้วยการตกแต่งเสริมความพรีเมียมทำให้รถเอสยูวีรุ่นนี้ให้ความสะดวกสบายเหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและการบุกตะลุยไปบนเส้นทางที่ท้าทาย

Trailblazer Premier แตกต่างจาก Colorado Xtreme ที่ดุดันและแข็งแกร่ง โดยการตกแต่ง ในคันนี้จะเน้นความนุ่มนวลและอ่อนโยนกว่าในแง่ของสีสันและวัสดุ ตอกย้ำด้วยการใช้โครเมียมสีสว่างและวัสดุระดับพรีเมียมอย่างไม้ออสเตรเลียซึ่งถูกคัดสรรและผลิตด้วยมือ

Chevrolet-BIMS2016_33

ความโดดเด่นของ Trailblazer Premiere ได้แก่
• สีภายนอกแบบพิเศษ “Velocity”
• ล้อและยางขนาด 22 นิ้ว
• สปอยเลอร์หลัง
• ชุดกันกระแทกด้านท้าย
• บันไดข้างในตัวพร้อมการตกแต่งด้วยโครเมียมสีสว่าง
• ตกแต่งภายในห้องโดยสารใหม่
• หน้าจอทัชสกรีนแปดนิ้ว แสดงผลระบบมายลิงค์รุ่นล่าสุด
• เบาะหนังพรีเมียม พร้อมการตัดเย็บตาข่ายด้วยมือ
• ตกแต่งภายในประตูด้วยวัสดุไม้แซมด้วยโลหะ
• แผงแดชบอร์ดสีทูโทนที่ได้รับการตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน
• เสริมวัสดุโครเมียม
• พรมปูพื้นดีไซน์เข้ากับวัสดุหุ้มเบาะและแผงแดชบอร์ดซึ่งตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน

Chevrolet-BIMS2016_10

นอกจากความอลังการของรถ Show vehicle ทั้ง 2 คันนี้แล้ว Chevrolet ยังได้จัดแสดงโชว์รถใหม่ อย่าง 2016 Captiva ที่พร้อมจองได้ในงานนี้ ซึ่งมาพร้อมกับราคาพิเศษ

Chevrolet-BIMS2016_13

สำหรับโปรโมชั่นที่เรียกได้ว่าดึงดูดใจแฟนโบว์ไทด์ ก็คือ แคมเปญรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ (trade-in program) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
ลูกค้าที่นำรถทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ มาแลกซื้อ Chevrolet จะได้รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินรถคันเก่า สำหรับเป็นส่วนลดแลกซื้อรถ Chevrolet คันใหม่มูลค่าสูงสุดถึง 50,000 บาท และรับส่วนลดเงินสดสูงสุดถึง 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยต่ำสุด 0.49% และประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี

Chevrolet-BIMS2016_11

พิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงานมอเตอร์โชว์หรือที่ศูนย์ผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลตทั่วประเทศระหว่างวันที่ 21 มีนาคมถึง 3 เมษายน 2559 และรับมอบรถภายในวันที่ 30 เมษายน 2559 จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมฟรีทุกค่าใช้จ่าย  และรับกระเป๋าเดินทางสุดหรูของเชฟโรเลตมูลค่า 3,000 บาท

Chevrolet-BIMS2016_17

ยังไม่จบเพียงเท่านี้ Chevrolet ยังได้จัดกิจกรรมเอาใจสาวกแฟนบอลปีศาจแดง Manchester United โดยลูกค้าที่จองรถเชฟโรเลตระหว่างวันที่ 8 มีนาคมถึง 30 เมษายน 2559 จะมีสิทธิ์ลุ้นไปชมฟุตบอลแบบ Exclusive เกาะติดกันถึงสนาม Old Trafford พบปะนักเตะชื่อดังพร้อมรับประทานอาหารค่ำท่ามกลางบรรยากาศสุดหรูในห้องเชฟโรเลต เซนเทนเนียล สวีท ที่เมือง Manchester ประเทศอังกฤษ ในแบบที่ใครๆก็ให้ไม่ได้ นอกจากเชฟโรเลตเท่านั้น

สำหรับราคาและตารางผ่อนดาวน์ของรถ Chevrolet มีดังนี้

Chev-Price

Chev-Price2

Chevrolet-BIMS2016_19

ผู้เยี่ยมชมงานและลูกค้าเชฟโรเลตจะได้รับของขวัญที่ระลึก อาทิ กระเป๋าผ้าหรือแก้วจากเชฟโรเลต เมื่อลงทะเบียนภายในงาน และรับคูปองจากแมคโดนัลด์เมื่อทดลองขับ

Chevrolet-BIMS2016_14

สามารถพบยนตรกรรมอันน่าตื่นเต้นภายในบูธ Chevrolet A12 อิมแพ็ค ชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี
งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมระหว่างวันที่ 23 มีนาคมถึง 3 เมษายน 2559 ตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น.ในวันธรรมดา และ 11.00 – 22.00 น. ในช่วงสุดสัปดาห์

Chevrolet-BIMS2016_01 Chevrolet-BIMS2016_02 Chevrolet-BIMS2016_03 Chevrolet-BIMS2016_04 Chevrolet-BIMS2016_05 Chevrolet-BIMS2016_06 Chevrolet-BIMS2016_07 Chevrolet-BIMS2016_08 Chevrolet-BIMS2016_09 Chevrolet-BIMS2016_10 Chevrolet-BIMS2016_11 Chevrolet-BIMS2016_12 Chevrolet-BIMS2016_13 Chevrolet-BIMS2016_14 Chevrolet-BIMS2016_15 Chevrolet-BIMS2016_16 Chevrolet-BIMS2016_17 Chevrolet-BIMS2016_18 Chevrolet-BIMS2016_19 Chevrolet-BIMS2016_20 Chevrolet-BIMS2016_21 Chevrolet-BIMS2016_22 Chevrolet-BIMS2016_23 Chevrolet-BIMS2016_24 Chevrolet-BIMS2016_25 Chevrolet-BIMS2016_26 Chevrolet-BIMS2016_27 Chevrolet-BIMS2016_28 Chevrolet-BIMS2016_29 Chevrolet-BIMS2016_30 Chevrolet-BIMS2016_31 Chevrolet-BIMS2016_32 Chevrolet-BIMS2016_33 Chevrolet-BIMS2016_34 Chevrolet-BIMS2016_35 Chevrolet-BIMS2016_36 Chevrolet-BIMS2016_37 Chevrolet-BIMS2016_38 Chevrolet-BIMS2016_39 Chevrolet-BIMS2016_40 Chevrolet-BIMS2016_41 Chevrolet-BIMS2016_42 Chevrolet-BIMS2016_43 Chevrolet-BIMS2016_44 Chevrolet-BIMS2016_45 Chevrolet-BIMS2016_46 Chevrolet-BIMS2016_47 Chevrolet-BIMS2016_48 Chevrolet-BIMS2016_49 Chevrolet-BIMS2016_50 Chevrolet-BIMS2016_51 Chevrolet-BIMS2016_52 Chevrolet-BIMS2016_53 Chevrolet-BIMS2016_54 Chevrolet-BIMS2016_55 Chevrolet-BIMS2016_56 Chevrolet-BIMS2016_57 Chevrolet-BIMS2016_58

รีวิว 2016 Honda Click 125i รถจักรยานยนต์ AT ยอดเยี่ยมแห่งปี

$
0
0

รีวิว 2016 Honda Click 125i รถจักรยานยนต์ AT ยอดเยี่ยมแห่งปี

2016-Honda-Click125i_72

เมื่อวันที่ 13 มค. ที่ผ่านมา A.P. Honda ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์คันแรกของปี 2016 Honda Click 125i ใหม่ ซึ่งเป็นการปรับลวดลาย หลังจากที่เผยโฉม All New Honda Click 125i นี้ไปเมื่อต้นปี 2015 โดยได้ โดม-ปกรณ์ ลัม และบี้-สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่ ก่อนที่ในปีนี้ จะเป็นสัญญาใหม่ของทางหนุ่มหล่อ มาริโอ้ เมาเร่อ มารับบทพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด

2016-Honda-Click125i_06

โดยยังชูจุดขาย Smart Technology 3 อย่าง 1.เครื่องยนต์ eSP 2. Idling Stop 3. Combi Brake

2016-Honda-Click125i_88

แม้ว่าในตลาดรักจักรยานยนต์ A.T. นั้น จะมีคู่แข่งเข้ามาร่วมวงมากขึ้น แต่ Honda Click ยังครองความเป็นผู้นำอันดับ 1 ได้ เพราะอะไร Click 125i โดนใจสาวก AT ได้เป็นอันดับ 1 และ Honda Click 125i ใหม่ นี้ยังได้รับรางวัล Bike of the Year 2016 ในคลาส Best Automatic Sport อีกด้วย

เอาเป็นว่า 9carthai เราไม่พลาดที่จะมารีวิวไขข้อข้องใจดังกล่าวกันครับว่า Honda Click 125i ใหม่นี้ มีดีอย่างไร จะสมกับรางวัลอันทรงคุณค่าที่นี้หรือไม่มาชมกัน

2016-Honda-Click125i_77

ภายนอก

2016-Honda-Click125i_47

Click 125i ใหม่ โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Full LED (ทั้งไฟสูงและต่ำ) ที่มาพร้อมมุมเหลี่ยมคมมีมิติ

2016-Honda-Click125i_39

ไฟท้ายปรับดีไซน์ให้ดูโฉบเฉี่ยวสปอร์ตยิ่งขึ้น

2016-Honda-Click125i_58

ชุดแฟริ่งปกปิดพื้นที่ใต้เบาะด้านล่างเป็นลายแบบเคฟล่า เช่นเดียวกับแผ่นกันความร้อนปลายท่อ ให้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น

2016-Honda-Click125i_03

มาตรวัดแบบอนาล๊อค ปนดิจิตอล ซึ่งจะแสดงผลในส่วนของเกจ์น้ำมัน และ Odometer

2016-Honda-Click125i_02

สวิทช์ด้านขวาจะเป็นปุ่ม Idling Stop

2016-Honda-Click125i_07

กุญแจล๊อคแบบ 2 ชั้น พร้อมปุ่มเปิดพื้นที่เก็บของใต้เบาะ

2016-Honda-Click125i_15

ที่เก็บสัมภาระ Helmet in XL U-Box ที่เก็บหมวกกันน๊อคแบบเต็มใบได้ ซึ่งเราได้ทดสอบสามารถเก็บกระเป๋ากล้องแบบสะพายข้างลงไปได้ด้วย

2016-Honda-Click125i_64

มีตะขอเกี่ยวสัมภาระทางด้านหน้าเอาไว้เพิ่มความสะดวกเวลาเดินทางไปจ่ายตลาดได้ด้วย

2016-Honda-Click125i_70

ขาตั้งคู่ เพื่อความสะดวกในการจอดที่มั่นคงขึ้น

2016-Honda-Click125i_55

ในคันนี้เป็นรุ่นล้อซี่ลวด มีน้ำหนักรถ 111 กก. และความสูงเบาะที่ 767 มม.

2016-Honda-Click125i_engine (2)

เครื่องยนต์ 2016 Honda Click 125i ใหม่ ยังคงเป็น เครื่องยนต์ eSP (Enhanced Smart Power) 125cc (ความจุจริง 124.88cc) หัวฉีด PGM-Fi ระบายความร้อนด้วยน้ำ รองรับน้ำมัน E20

2016-Honda-Click125i_engine (3)

เครื่องยนต์ eSP ของ Honda นั้น ได้พัฒนาในเรื่องของการลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ และระบบระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น ขึ้นชื่อในเรื่องของความแรงเหนือคู่แข่ง รวมไปถึงการพัฒนาระบบการสตาร์ทติดเครื่องยนต์ที่เงียบยังกับรถยนต์ไฮบริด ทั้งหมดนี้ทรงกำลังผ่านสายพาน (V-Matic) แบบไร้เกียร์ หรือ “บิดอย่างเดียว”

2016-Honda-Click125i_04

หลังจากที่บิดกุญแจ กดปุ่มสตาร์ทที่มือเรียบร้อย เสียงเงียบมาก เพราะไม่มีเสียงดังจากไดสตาร์ท ถ้าพร้อมแล้วก็ แค่เปิดคันเร่งกระแทกออกตัวกันได้เลย

2016-Honda-Click125i_89

Honda Click 125i นี้ มีกำลังที่ดีพอตัว แม้จะแบกน้ำหนักตัวระดับ 111 กก. แต่รถก็พุ่งทะยานออกตัวไปข้างหน้าได้รวดเร็ว อัตราเร่งตอนต้นทำได้ดีติดมือ ขณะที่ย่านกลางระดับ 60 กม./ชม. ไปก็ยังอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ การบิดขึ้นสะพานใหญ่ นั้นความเร็วยังไม่ตกลงมาก คือ ขี่ได้อย่างไม่เป็นอันตรายบนถนนใหญ่ แต่ในส่วนปลายระดับ 95 กม./ชม. ไปนั้น ก็อาจเรียกได้ว่าขึ้นได้ค่อนข้างช้าหน่อยแล้ว ตามสภาพของตัวรถ

Top Speed ที่ทางเราสามารถทำได้อยู่ที่ราว 110 กม./ชม. ถ้าก้มหมอบลงอีกนิด มีขึ้นมาอีกหน่อย ราว 114 กม./ชม.
2016-Honda-Click125i_80

ระบบ Idling Stop ที่ช่วยดับเครื่องยนต์เมื่อต้องจอดติดไฟแดง ถือเป็นระบบที่ดีเหมาะสมกับสภาพการจราจรในบ้านเรา และได้รับการคิดค้นมามีมาให้ทำงานได้ชาญฉลาด

ระบบ Idling Stop จะทำงานเมื่อตำแหน่งสวิทช์ด้านขวาถูกกดลงมาที่ด้านล่าง (Idling Stop) มันจะมาคอยตัดการทำงานของเครื่องยนต์โดยทันทีที่คุณหยุดรถ (ปิดคันเร่งเบรกจนความเร็วหยุดนิ่ง) ประมาณ 2-3 วินาทีเท่านั้น ยกเว้นแต่ว่าพึ่งสตาร์ทเครื่องยนต์ และอุณหภูมิของเครื่องยนต์ยังไม่ได้รับการ Warm Up ก่อน ระบบก็จะยังไม่ทำงาน และเมื่อไฟเขียน หรือต้องการออกตัวโดยทันทีเพียงแค่เปิดคันเร่งต่อไปเพียงเท่านั้น ยกเว้นเมื่อ Idling Stop ตัดการทำงานเครื่องยนต์แล้วคุณเตะขาตั้งลง เมื่อนำขาตั้งขึ้นคุณจะต้องสตาร์ทติดเครื่องยนต์ใหม่

2016-Honda-Click125i_76

โดยรวมแล้ว ระบบ Idling Stop นี้ช่วยให้ความสะดวกสบาย และใช้งานง่าย เพียงปล่อยให้ระบบทำงานโดยอัตโนมัติ มันยังช่วยส่งให้รถ Click 125i มีอัตราสิ้นเปลืองตามเคลมสูงถึง 58.9 กม./ลิตร (ECE R40 Mode)

สำหรับการใช้งานจริงน้ำมัน 1 ถังที่ความจุราว 5.5 ลิตรนี้ สามารถวิ่งได้ ทะลุ 200 กม. ได้สบายๆ จากการคำนวนโดยคร่าวๆ เนื่องจากตัวรถไม่มีมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองให้ Click 125i จะทำอัตราสิ้นเปลืองได้ราวๆ 45 กม./ลิตร จากการวิ่งในเมืองปนกับการวิ่งชานเมือง

2016-Honda-Click125i_08

ระบบเบรก ทางด้านหน้าเป็นแบบจานดิสก์ ปั๊มเบรก 1 ลูกสูบจาก Nissin หลังแบบดรัม ได้ระบบเบรก Combi Brake มาช่วยผสานการทำงานของเบรกหน้าร่วมกับเบรกหลัง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของรถจักรยานยนต์ AT Honda เข้ามาช่วยผสานกระจายแรงเบรกจากหลัง->หน้า *ย้ำนะครับ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง Combi Brake คือ การกระจายแรงเบรกจากหลังมาสู่หน้า จะเห็นได้ชัดว่า หากคุณกำเบรกหลังเพียงอย่างเดียวลงหนักๆ (เบรกซ้าย) จะรู้สึกได้เลยว่าก้านเบรกหน้า (ด้านขวา) จะถูกดึงทำงานด้วย อย่างชัดเจน

2016-Honda-Click125i_09

สำหรับการเบรกชะลอความเร็วของ Click 125i นี้ก็ถือว่าทำได้ดี เมื่อคุณปิดคันเร่ง และเบรกทั้งหน้า-หลังลงพร้อมกันอย่างเหมาะสม รถก็จะชะลอความเร็วลงได้ดี แต่หากต้องการกำเบรกซ้ายหนักเพื่อให้การทำงานของ Combi Brake ช่วยหยุดลดได้อย่างทันท่วงที จะต้องกำเบรกทางฝั่งซ้ายลึก ซึ่งอาจเป็นปัญหากับผู้ใช้ 2 นิ้ว กำเบรกเนื่องจากก้านเบรกหนีบนิ้ว

2016-Honda-Click125i_53

ท่านั่งและการควบคุมรถ

2016-Honda-Click125i_37

ความสูงเบาะที่ 767 มม. แม้จะดูไม่สูงเท่าใดนัก แต่เบาะที่ดูแอบกว้างเล็กน้อย อาจทำให้ผู้ที่มีสรีระร่างเล็ก อาจต้องเขย่งได้บ้าง

2016-Honda-Click125i_54

ระยะแฮนด์ที่แคบ ส่งผลให้การขี่มุดรถติดการจราจรใน กทม. นั้นทำได้ไม่ลำบาก แต่กระจกรูปทรงรีนี้ก็อาจจะมาลดความคล่องตัวลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ยากต่อการหลบหลีก เพียงแค่เอี้ยวตัวโยกรถเพียงเล็กน้อยก็สามารถหลบได้

2016-Honda-Click125i_43

แต่จุดหนึ่งที่อาจต้องแนะนำในเรื่องของการควบคุม คือ อาการหน้าเบา การขี่ด้วยความเร็วระดับ 90 กม./ชม. นั้นอาจต้องควบคุมแฮนด์ให้ดี เนื่องจาก อาการชกมวย (Wobble) อาจมีออกมาให้เห็นบ้าง ตามสไตล์รถ AT ที่ช่วงแฮนด์จะถูกยึดรวมกับชุดแฟริ่งหน้า ร่วมกับล้ออัลลอยที่มีหน้ายางล้อหน้ากว้างเพียง 80/90/R14 ดังนั้นการขี่ด้วยความเร็วควรประคองแฮนด์ให้ดี

2016-Honda-Click125i_25

ในด้านของความสบายในการขับขี่นั้น Click 125i ใช้โช้คอัพหลังเดี่ยว Unit Swing นี้เซ็ทมาได้ค่อนข้างลงตัว

2016-Honda-Click125i_61

กับการใช้งานทั่วไป ไม่นิ่มแบบรถ Family ที่เอาไว้จ่ายตลาด และไม่แข็งเท่าพวก Scooter พันธุ์แท้

2016-Honda-Click125i_79

ขี่คนเดียวในเมืองถือว่าลงตัว แต่จากการซ้อน 2 และขี่ด้วยความเร็วอาจยังพบว่าท้ายด้วยนิ่มยวบไปซักเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าเกาะถนนได้ดีในระดับหนึ่งหากไม่มีน้ำหนักกดลงมากนัก

2016-Honda-Click125i_84

สรุป 2016 Honda Click 125i ยอดรถ AT ฮิตติดลมตลอดการณ์ ของ AP Honda ชูจุดเด่นที่แข็งแกร่งกว่ารถคู่แข่งแบรนด์อื่นจาก Smart Technology 3 อย่าง พร้อมรูปลักษณ์ที่สวมงามและดูทันสมัย มีให้เลือกทั้งล้ออัลลอย และล้อซี่ลวด

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล่องเก็บของไซส์ XL และช่องวางของขนาดใหญ่ และยังมีตะขอเกี่ยวของให้อีก ด้านการขับขี่ให้ความคล่องตัวเหมาะแก่การเป็นรถคนเมือง สมรรถนะที่แรงดีในพิกัดคลาสเดียวกัน และยังประหยัดน้ำมันพอตัว

2016-Honda-Click125i_42

ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่ Click 125i นี้จะยอดเยี่ยมจนได้รับรางวัล Bike of the Year 2016 ในคลาส Best Automatic Sport หากคุณสนใจสามารถติดต่อศูนย์ฮอนด้าแถวบ้านได้เลยครับ
2016-Honda-Click125i_29

ขอขอบคุณ A.P. Honda สำหรับรถทดสอบ 2016 Honda Click 125i ล้อซี่ลวด สีส้ม-ดำ คันนี้ ราคาแนะนำที่ 49,500 บาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai

2016-Honda-Click125i_84 2016-Honda-Click125i_85 2016-Honda-Click125i_82 2016-Honda-Click125i_83 2016-Honda-Click125i_88 2016-Honda-Click125i_89 2016-Honda-Click125i_87 2016-Honda-Click125i_80 2016-Honda-Click125i_72 2016-Honda-Click125i_75 2016-Honda-Click125i_76 2016-Honda-Click125i_79 2016-Honda-Click125i_77 2016-Honda-Click125i_61 2016-Honda-Click125i_42 2016-Honda-Click125i_44 2016-Honda-Click125i_45 2016-Honda-Click125i_52 2016-Honda-Click125i_51 2016-Honda-Click125i_46 2016-Honda-Click125i_47 2016-Honda-Click125i_39 2016-Honda-Click125i_16 2016-Honda-Click125i_60 2016-Honda-Click125i_49 2016-Honda-Click125i_30 2016-Honda-Click125i_43 2016-Honda-Click125i_54 2016-Honda-Click125i_53 2016-Honda-Click125i_67 2016-Honda-Click125i_66 2016-Honda-Click125i_03 2016-Honda-Click125i_01 2016-Honda-Click125i_02 2016-Honda-Click125i_19 2016-Honda-Click125i_07 2016-Honda-Click125i_62 2016-Honda-Click125i_11 2016-Honda-Click125i_12 2016-Honda-Click125i_10 2016-Honda-Click125i_64 2016-Honda-Click125i_13 2016-Honda-Click125i_14 2016-Honda-Click125i_15 2016-Honda-Click125i_engine (1) 2016-Honda-Click125i_engine (2) 2016-Honda-Click125i_engine (3) 2016-Honda-Click125i_70 2016-Honda-Click125i_engine (4) 2016-Honda-Click125i_engine (5) 2016-Honda-Click125i_21 2016-Honda-Click125i_04 2016-Honda-Click125i_05 2016-Honda-Click125i_29 2016-Honda-Click125i_06 2016-Honda-Click125i_58 2016-Honda-Click125i_57 2016-Honda-Click125i_65 2016-Honda-Click125i_56 2016-Honda-Click125i_37 2016-Honda-Click125i_08 2016-Honda-Click125i_09 2016-Honda-Click125i_38 2016-Honda-Click125i_25 2016-Honda-Click125i_55 2016-Honda-Click125i_28 2016-Honda-Click125i_32 2016-Honda-Click125i_26 2016-Honda-Click125i_36 2016-Honda-Click125i_18 2016-Honda-Click125i_59

รีวิว 2016 Honda PCX 150 Premium AT ยอดขายอันดับ 1 ฟังก์ชั่นครบ

$
0
0

รีวิว 2016 Honda PCX 150 Premium AT ยอดขายอันดับ 1 ฟังก์ชั่นครบ

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_19

หากพูดถึงรถจักรยานยนต์ AT ยอดนิยมคันหนึ่งในตลาดที่มีความคุ้มค่าจากออปชั่น และ ให้ลุคพรีเมี่ยม ด้วยแล้ว คงหนีไม่พ้น Honda PCX 150 ใหม่ ล่าสุด ซึ่งมากับ สโลแกน Unlock the New Impression “ปลดล๊อกความประทับใจใหม่” ซึ่งมากับฟังก์ชั่น หน้าประทับใจมากมายจน

ซึ่งทางทีมงาน 9carthai ของเรา อดใจไม่ได้ที่จะต้องซื้อมาใช้งานสักคันหนึ่งโดยไม่ลังเล และเนื่องในโอกาสนี้เอง ตัวผมจึงไม่พลาดโอกาสที่จะนำรถคันใหม่มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ชมกันกับรถ 2016 Honda PCX 150 สีดำด้าน ราคา 83,000 บาท คันนี้มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันครับ

*HONDA PCX 150 ราคาประมาณ  83,000. – 85,000. ขึ้นอยู่กับทำเลและร้านค้าที่ซื้อนะครับ

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_10

ภายนอก

2016-Honda-PCX-150i_Headlight_2
ด้านหน้าของ 2016 Honda PCX 150 ใช้ชุดไฟแบบ Built in ชิ้นเดียว ประกอบไปด้วยไฟหน้าแบบ Full LED, ไฟเลี้ยว LED, ไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถ AT อีกด้วย

2016-Honda-PCX-150i_Taillight_1

ทางด้านท้าย ใช้ชุดไฟ Full LED ทั้งหมด ไฟเลี้ยว LED รวมไปถึงไฟส่องทะเบียน LED

2016-Honda-PCX-150i_Headlight_4

วินชิลด์หน้าสีดำ ดูสวยงาม และช่วยลดลมปะทะเวลาขี่ด้วยความเร็ว

2016-Honda-PCX-150i-Dashboard_2

แผงมาตรวัด มาพร้อมมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก และจอแสดงผลดิจิตอล ที่แสดงผล นาฬิกา, เกจ์น้ำมัน, Odometer, Trip และ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย  ทางด้านขวา แสดงไฟสัญญาณ SMART Key, ไฟแสดงความพร้อมเครื่องยนต์, ไฟระบบ Idling Stop ทางด้านซ้าย แสดงไฟสูง และไฟความร้อนเครื่องยนต์

2016-Honda-PCX-150i_Switch_2

สวิทช์ไฟด้านขวา มีปุ่ม Idling Stop เช่นเดียวกับ Click 125i ใหม่ แต่ที่น่าประทับใจ คือ PCX 150 ให้ไฟฉุกเฉินมาด้วย

2016-Honda-PCX-150i_Remote_2

มาพูดรายละเอียดของ Honda Smart Key รีโมทอัจฉริยะ มาพร้อม 3 ฟังก์ชั่น
1. ระบุตำแหน่ง โดยไฟรถจะติดขึ้น และเสียงสัญญาณ
2. กันขโมย เมื่อรถมีการสันสะเทือนหรือเคลื่อนที่ รถจะส่งเสียงร้องทันที
3. เปิด-ปิด สัญญาณรีโมท ซึ่งจะเป็นการล๊อกการเชื่อมต่อกับชุดแผงควบคุม Honda Smart Controller เพื่อความปลอดภัยอีกขั้น
นับได้ว่าเป็นรถเล็กคันเดียวที่นำระบบนี้มาใช้ แม้แต่รถ Honda BigBike อย่างตระกูล 750 ยังไม่ได้ระบบกุญแจ Keyless เลยด้วยซ้ำ

2016-Honda-PCX-150i_Switch_3

ทางด้านแผงควบคุม Honda Smart Control มาพร้อมไฟ Blue Ring LED สวยงามในยามค่ำคืน

2016-Honda-PCX-150i_PowerOutlet_2

นอกจากนี้ทางฝั่งซ้ายของตัวรถจะมีลิ้นชักเก็บของ มาพร้อมช่องจ่ายไฟเอาไว้ให้ชาร์จมือถือได้ (หัวจ่ายแบบเดียวกับที่จุดบุหรี่รถยนต์)

2016-Honda-PCX-150i-UBOX

เมื่อเปิดใต้เบาะจะพบพื้นที่ U-BOX ขนาดใหญ่ 25 ลิตร มี Seat Stopper ล๊อกค้างไว้ สะดวกเวลาหยิบของสัมภาระ
ซึ่งที่จริงมันเก็บหมวกแบบ Open Face แต่ Full Face นั้นต้องบอกว่าขึ้นกับทรงหมวก และขนาดของแต่ละแบรนด์ด้วย ด้วยครับ

2016-Honda-PCX-150i_FuelTank

ถังน้ำมันอยู่เบื้องไปทางด้านหน้า โดยมีตำแหน่งใกล้เคียงกับที่วางเท้าหน้า

2016-Honda-PCX-150i_Handbar

  • หมายเหตุได้มีการเปลี่ยนกระจกมองข้าง + ติดตะขอเกี่ยวของที่บริเวณแฮนด์

2016-Honda-PCX-150i_Brake_1

Honda PCX 150 สวมล้อแม็กขอบ 14” สวมยาง Tubeless จาก Dunlop TT900 ยางหน้าไซส์ 90/90/R14 และยางหลังไซส์ 100/90/R14

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_04

2016 Honda PCX 150 มีน้ำหนักตัว 132 กก.
ความสูงเบาะที่ 761 มม.
ความจุถังน้ำมัน 8 ลิตร

ตำแหน่งท่านั่งขี่

2016-Honda-PCX-150i_Seat

Honda PCX 150 มีตำแหน่งเบาะที่กว้าง และความสูงระดับ 761 มม. นั้นดูจะเป็นอุปสรรคแกผู้มีสรีระค่อนข้างเล็ก
ขณะที่แฮนด์ดูจะงุ้มเข้าหาลำตัวมากไปหน่อย  ทำให้เวลาเลี้ยววงแคบจะติดข้อศอก

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_03

แต่ด้วยเบาะที่ค่อนข้างใหญ่ และตัวเบาะค่อนข้างนุ่ม มันค่อนข้างนั่งสบายทีเดียว แม้จะขี่เดินทางไกล ก็ยังนั่งได้ไม่ปวดเมื่อย โดยผู้ขี่สามารถเขยิบตัวไปชิดขอบเบาะในสเต็ปแรก จะทำให้ตำแหน่งแฮนด์ที่งุ้มเข้าหาตัวมากไปหน่อยนั้น ระยะไม่ชิดลำตัวจนเกินไป

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_07

ขณะที่รถ PCX 150 นี้ คุณสามารถวางตำแหน่งเท้าได้ 2 ตำแหน่ง วางตั้งฉากกับพื้นแบบรถ AT ทั่วไป หรือ เหยียดเท้าไปด้านหน้าให้อารมณ์การขี่ที่ผ่อนคลายแบบรถครุยเซอร์

2016-Honda-PCX-150i_Engine_6

เครื่องยนต์ 2016 Honda PCX 150 ยังคงเป็น เครื่องยนต์ eSP (Enhanced Smart Power) 150cc (ความจุจริง 149.3cc) หัวฉีด PGM-Fi ระบายความร้อนด้วยน้ำ รองรับน้ำมัน E20

2016-Honda-PCX-150i_Engine_1

เครื่องยนต์ eSP ของ Honda นั้น ได้พัฒนาในเรื่องของการลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ และระบบระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น ขึ้นชื่อในเรื่องของความแรงเหนือคู่แข่ง รวมไปถึงการพัฒนาระบบการสตาร์ทติดเครื่องยนต์ที่เงียบยังกับรถยนต์ไฮบริด ทั้งหมดนี้ทรงกำลังผ่านสายพาน (V-Matic) แบบไร้เกียร์ หรือ “บิดอย่างเดียว”

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_03

สำหรับ 2016 Honda PCX นี้มาพร้อมระบบ Keyless ซึ่งง่ายต่อการใช้งาน เพียงแค่พกกุญแจติดตัวมา แล้วบิดหมุนที่ Honda Smart Control คุณก็สามารถกดปุ่มติดเครื่องยนต์ได้ทันที และแน่นอนเสียงเงียบมาก ไม่มีเสียงดังจากไดสตาร์ทมากวนใจ หลังจากนี้เพียงแค่บิดคันเร่งพร้อมลุยกันได้เลย

2016-Honda-PCX-150i_Engine_3

แน่นอนว่าเครื่องยนต์ 150cc แบบ AT นี้ ให้อัตราเร่งแรงดีน่าประทับใจ ออกตัวปรู๊ดปร๊าด ทันใจสั่ง สะดวกอย่างยิ่งกับการใช้งานในเมืองที่ต้องการอัตราเร่งช่วงออกตัวเป็นอย่างดี  เรียกได้ว่าแรงตามมือบิด

2016-Honda-PCX-150i_Engine_2

แต่ด้านความเร็วปลายนั้น น่าเสียดาย เพราะมันน่าจะทำได้มากกว่านี้อีกหน่อย Top Speed ที่ทางเราสามารถทำได้อยู่ที่ราว 117 กม./ชม.  (หน้าปัด) ซึ่งก็ไม่ได้มากมายไปกว่า Click 125i ที่เราเพิ่งได้ทดสอบไปก่อนหน้านั้น ทำความเร็วปลายได้ที่ระดับ 110 กม./ชม. (หน้าปัด) นัก

2016-Honda-PCX-150i_Engine_5

ถ้า Honda PCX 150 นี้ทำความเร็วปลายได้เพิ่มอีกสักหน่อย น่าจะเหมาะสมแก่การเดินทางไกล หรือ ขี่ออกทริปท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_11

สำหรับระบบ Idling Stop ที่อยู่บนสวิทช์ไฟด้านขวา จะมีปุ่ม Idling Stop ให้เปิด-ปิด การทำงาน  เมื่อคุณกดปุ่ม ไฟการทำงาน Idling Stop สีเขียวจะแสดงโชว์บนแผงหน้าปัด เพื่อบอกว่าสแตนบายเตรียมทำงาน โดยจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ทันทีที่คุณหยุดรถ (ปิดคันเร่งเบรกจนความเร็วหยุดนิ่ง) ประมาณ 2-3 วินาทีเท่านั้น ยกเว้นแต่ว่าพึ่งสตาร์ทเครื่องยนต์ และอุณหภูมิของเครื่องยนต์ยังไม่อุ่นพอ

หากต้องการออกตัวโดยทันทีก็แค่เปิดคันเร่งเดินเครื่องต่อ ยกเว้นเมื่อ Idling Stop ตัดการทำงานเครื่องยนต์แล้วคุณเตะขาตั้งลง เมื่อนำขาตั้งขึ้นคุณจะต้องสตาร์ทติดเครื่องยนต์ใหม่

2016-Honda-PCX-150i-Dashboard_1

ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองจากการใช้งานในเมืองและนอกเมือง ค่าเฉลี่ยโชว์ตัวเลขที่ 38.8 กม./ลิตร ซึ่งขี่ใช้งานตามจริง ไม่ต้องเน้นประหยัดกันมากมาย

2016-Honda-PCX-150i_Brake_3

ระบบเบรก ด้านหน้าดิสก์เบรกปั๊มเบรก Nissin 3 ลูกสูบ พร้อมระบบ Combi-Brake ด้านหลังดรัมเบรก

2016-Honda-PCX-150i_Brake_2

เชื่อถือมั่นใจได้ เบรกให้น้ำหนักที่ค่อนข้างแน่น และการกระจายแรงเบรก ทำได้ค่อนข้างแม่นยำพอสมควร การลงน้ำหนักก้านเบรกฝั่งซ้าย เมื่อกดลงน้ำหนักลึก ระบบ Combi-Brake จะค่อยๆทำงาน ซึ่งจะช่วยให้การเบรกหยุดรถทำได้ดียิ่งขึ้น

2016-Honda-PCX-150i_Shock

ระบบกันสะเทือน ช่วงล่าง ของ PCX 150 นับได้ว่ามันค่อนข้างแข็งทีเดียว ซึ่งรถสไตล์ AT สมัยใหม่ เดี๋ยวนี้ มักจะมีช่วงล่างไปในทิศนี้ โดยรวมหากคุณเป็นผู้ขี่ และพบเจอรอยปรุประบนถนน ในกทม. แล้วล่ะก็ จะได้รับแรงสะเทือนที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน  ขณะที่เบาะนั่งตอนท้ายของผู้ซ้อนนั้นดูจะนิ่มนั่งสบายขึ้นมาหน่อย (ตำแหน่งนั่งจะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นโช้คอัพคู่หลังพอดี)

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_14

ขณะที่โช้คอัพที่ดูแข็งเช่นนี้ ยังช่วยให้การขี่บนทางตรงแม้ระดับ Top Speed ที่ 117 ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ ช่วงล่างด้านหลังยังคงรู้สึกแน่นอยู่ ขณะที่ด้านหน้าก็ไม่ส่ายหน้าไม่ไวมากนัก (เมื่อเทียบกับ Click125i) เพราะการใช้แฮนด์บาร์ จับแยกขึ้นมาบนแผงคอนั่นเอง

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_17

แต่ทว่าการเข้าโค้งเรากลับพบว่ามันยังให้อารมณ์ที่ดูไม่ค่อยน่ามั่นใจนัก ช่วงล่างที่ดูแข็ง แต่กลับมีความรู้สึกโหวงเหวง ทางขณะเลี้ยวโค้ง และท้ายรถดูจะติดอาการ Understeer นิดๆ หากเทโค้งเลี้ยวเร็วๆ

HONDA PCX 150 2016 มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ 1.สีน้ำเงิน-ดำ 2.สีดำ 3.สีแดง-ดำ 4. สีขาว-ดำ


2016-Honda-PCX-150i_9carthai_09

สรุป 2016 Honda PCX 150 ใหม่ นี้ ใส่ฟังก์ชั่นไฮไลท์เพิ่มเข้าไป อาทิ Honda Smart Key, Honda Smart Control, ชุดไฟ Full LED, ช่องจ่ายไฟ, Idling Stop, Combi-Brake บอกได้เลยว่า PCX 150 ใหม่ เหมาะสมกับการเป็น Premium AT ที่มาพร้อมออปชั่นครบครัน จัดเต็มกว่ารถ Bigbike ในราคาหลายแสนบาทเสียอีก อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่  38.8 กม./ลิตร  ถือว่าโอเคเลยนะครับ

ขณะที่สมรรถนะการขับขี่ ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ น่าประทับใจ ขี่สนุกแรงบิดติดมือ แต่ปลายไม่ไหล และตำแหน่งผู้ขับอาจจะพบว่า ยังแข็งสะเทือนไปนิด แต่ภาพรวม PCX 150 ถือเป็นรถ AT Premium ที่ให้ฟังก์ชั่นใช้งานมาอย่างลงตัว

 2016-Honda-PCX-150i_Remote_1

จุดเด่น

  • รูปลักษณ์โดดเด่น พร้อมไฟแบบ Full LED
  • Honda Smart Key (สะดวกมากขึ้นรถสตาร์ทได้เลยครับ)
  • ช่องจ่ายไฟสำรอง
  • เบาะใหญ่นั่งสบายทั้งคนขับ และคนซ้อน
  • เทคโลยี Idling Stop + Combi Brake

2016-Honda-PCX-150i_Engine_4

จุดที่น่าจะมีเพิ่มเติม

  • จุ๊บลมทำให้เติมลมจากหัวจ่ายลมที่ปั๊มยาก ควรให้จุ๊บลมแบบข้องอ
  • ตะขอแขวนของ (เนื่องจากในคันนี้ ได้ติดตั้งตะขอเกี่ยวของบริเวณชุดแฮนด์)
  • โช้คอัพที่แน่นหนึบ และซับแรงดีขึ้น

ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai

ดูรายละเอียดสเปคเพิ่มเติม >> ใหม่ NEW HONDA PCX 150 2016 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_22

2016-Honda-PCX-150i_9carthai_01 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_02 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_03 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_04 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_05 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_06 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_07 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_08 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_09 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_10 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_11 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_12 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_13 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_14 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_15 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_16 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_17 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_18 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_19 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_20 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_21 2016-Honda-PCX-150i_9carthai_22 2016-Honda-PCX-150i_Brake_1 2016-Honda-PCX-150i_Brake_2 2016-Honda-PCX-150i_Brake_3 2016-Honda-PCX-150i_Engine_1 2016-Honda-PCX-150i_Engine_2 2016-Honda-PCX-150i_Engine_3 2016-Honda-PCX-150i_Engine_4 2016-Honda-PCX-150i_Engine_5 2016-Honda-PCX-150i_Engine_6 2016-Honda-PCX-150i_Exhaust_1 2016-Honda-PCX-150i_Exhaust_2 2016-Honda-PCX-150i_FootRest 2016-Honda-PCX-150i_FuelTank 2016-Honda-PCX-150i_Handbar 2016-Honda-PCX-150i_Headlight_1 2016-Honda-PCX-150i_Headlight_2 2016-Honda-PCX-150i_Headlight_3 2016-Honda-PCX-150i_Headlight_4 2016-Honda-PCX-150i_Logo 2016-Honda-PCX-150i_PowerOutlet_1 2016-Honda-PCX-150i_PowerOutlet_2 2016-Honda-PCX-150i_Remote_1 2016-Honda-PCX-150i_Remote_2 2016-Honda-PCX-150i_Seat 2016-Honda-PCX-150i_Shock 2016-Honda-PCX-150i_Switch_1 2016-Honda-PCX-150i_Switch_2 2016-Honda-PCX-150i_Switch_3 2016-Honda-PCX-150i_Tail 2016-Honda-PCX-150i_Taillight_1 2016-Honda-PCX-150i_Taillight_2 2016-Honda-PCX-150i_Taillight_3 2016-Honda-PCX-150i_Tyres_1 2016-Honda-PCX-150i_Tyres_2 2016-Honda-PCX-150i_Tyres_3 2016-Honda-PCX-150i_Tyres_4 2016-Honda-PCX-150i-Dashboard_1 2016-Honda-PCX-150i-Dashboard_2 2016-Honda-PCX-150i-Dashboard_3 2016-Honda-PCX-150i-UBOX

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 4 จาก คาชการ์-อุซเบกิสถาน

$
0
0

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 4 จาก คาชการ์-อุซเบกิสถาน

TOYOTA REVO

02

วันที่สิบสาม  :  15 มิ.ย. 2559
เส้นทาง  :  คาชการ์ สาธารณรัฐประชาชนจีน

ในวันนี้ถือเป็นวันแรกที่ คาราวาน Hilux Revo จะหยุดพักกันหนึ่งวัน ที่เมืองคาชการ์ หลังจากเดินทางต่อเนื่องกันอย่างเหนื่อยล้านานถึง 12 วัน รวมระยะทางวิ่งไปแล้วกว่า 7,200 กิโลเมตร

RMN_6541

โดยวันนี้ทีมคาราวานจะไม่มีการขับรถ จะออกเดินทางสำรวจเมืองด้วยรถบัสพร้อมกับไกด์ท้องถิ่นนำทัวร์ เริ่มที่แรกกันที่ตลาดค้าส่งหลักอันขึ้นชื่อประจำเมือง (Kashgar western & Asian Bazaar for International trade) ซึ่งให้ทีมคาราวานได้ซื้อของติดไม้ติดมือกันพอหอมปากหอมคอ

จากนั้นก็ไปสำรวจเมืองเก่า ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ฝั่งหนึ่งเป็นเมืองเก่าที่ไม่ได้รับการบูรณะ ส่วนอีกฝั่งเป็นเมืองเก่าที่สร้างขึ้นมาภายหลัง และได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A (สถานที่ท่องเที่ยวในกลุ่มที่ดีที่สุดของจีน)

หลังจากนั้นทีมคาราวานได้ไปเยี่ยมชมสุสานอาบัค โฮจา (Apak Hoja) อนุสรณ์สถานที่อุทิศให้กับอาบัค โฮจา

เสร็จแล้วจึงเยี่ยมชม มัสยิดอิดกาห์ มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในจีน รองรับคนได้ถึงหนึ่งหมื่นคน

RMN_9462

ก่อนจะหมดวัน ทีมคาราวานไปเดินเล่นชมวิวกันที่จตุรัสก๋วงฉ่าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เตือนให้ทีมรู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราอยู่ในประเทศจีน เพราะวันพรุ่งนี้คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ จะเดินทางไกลข้ามชายแดนจีนเข้าสู่ประเทศคีร์กีซสถานกันแล้ว

16

วันที่สิบสี่  :  16 มิ.ย. 2559
เส้นทาง  :  คาชการ์ สาธารณรัฐประชาชนจีน – ซารีทัช คีร์กีซสถาน

วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายของการเดินทางในสาธารณรัฐประชาชนจีน เตรียมมุ่งหน้าสู่เอเชียกลาง ซึ่งเป้าหมายวันนี้ คือ คีร์กีซสถาน ระยะทางในวันนี้เพียง 310 กิโลเมตร
วันนี้คาราวานออกกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพราะต้องผ่านด่านตรวจชายแดนถึง 3 ด่าน

RMN_8420

ในช่วงแรก เส้นทางเป็นที่ราบกึ่งทะเลทราย ถนนสี่เลน ฝุ่นเยอะมาก ทำให้ทัศนวิสัยไม่ค่อยดี ทำให้ต้องขับขี่กันช้าใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึงด่านขาออกจากประเทศจีน ซึ่งเสียเวลาไปมาก ก่อนที่จะไปถึงด่านตรวจย่อย ซึ่งตรงนี้ไม่เสียเวลามากเท่าด่านแรก

เมื่อผ่านด่านของประเทศจีนมาได้ คาราวานก็วิ่งเข้าเขตที่เรียกว่า “No Man’s Land” หรือดินแดนที่ไม่มีเจ้าของที่อยู่ระหว่างประเทศจีนกับคีร์กีซสถาน ในช่วงนี้ฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ถนนลื่นมาก แต่ช่วงล่างของไฮลักซ์ รีโว่ และดอกยางที่ยังทำหน้าที่รีดน้ำได้อย่างดี ยังช่วยให้ผ่านฉลุยไร้ปัญหา กระทั่งถึงด่านของประเทศคีร์กีซสถานที่อีร์เกชทัม
ด้วยฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลง ทำให้คาราวานต้องพึ่งระบบทำความร้อน (Heater) ที่มีใน Hilux Revo

หลังจากคาราวานเข้ามาในคีร์กีซสถานได้ไม่นาน ก็ขับขึ้นมาเรื่อยๆจนความสูง 3,000 กว่าซึ่งสวยงามเหมือนมองโกเลียผสมกับทิเบต ธรรมชาติแปลกตาสวยงาม สภาพถนนมีทางโค้งค่อนข้างเยอะ และบางช่วงก็มีฝน แต่ความหนึบของช่วงล่าง ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี เรียกว่าสอบผ่านกันสบายๆ

ไม่นานนัก ทีมคาราวานก็มาถึงหมู่บ้านซารีทัช หมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาและธรรมชาติที่สวยงาม เราพักกันที่เกสต์เฮาส์ใจกลางหมู่บ้าน  เน้นการใช้ชีวิตแบบพื้นเมือง ท้องถิ่น

17
วันที่สิบห้า  :  17 มิ.ย. 2559
เส้นทาง  :  ซารีทัช – ออช คีร์กีซสถาน

วันนี้คาราวาน ยังคงอยู่ในประเทศคีร์กีซสถานอีกหนึ่งวัน โดยเดินทางจากซารีทัชไปเมืองออช (Osh) ระยะทางวันนี้เพียง 185 กิโลเมตร ทำให้ช่วงเช้าทีมคาราวานพอมีเวลาได้ชมความงามและสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านซารีทัช

RMN_8757

ก่อนล้อหมุนกันประมาณ 9 โมงเช้า หลังจากขึ้นรถ ทุกคนต่างนำมือถือมาชาร์จไฟตามจุดต่างๆ ของรถ เพราะที่พักเมื่อคืนชาร์จไฟกันลำบาก ไม่ว่าจะเป็นช่อง USB และช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC220 หรือช่องปลั๊กไฟบ้าน ซึ่งใน Hilux Revo Double Cab 2.8G ขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้มีมารองรับการใช้งานครบครัน ซึ่งในวันนี้ได้ถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

เส้นทางวันนี้เป็นถนนสองเลนสวยงาม มีทั้งทางโค้งและทางลงเขามาให้ทดสอบสมรรถนะช่วงล่างเป็นระยะ รวมไปถึงระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน DAC (Downhill Assist Control) ช่วยให้ความมั่นใจในการขับลงทางชันเป็นอย่างดี

เมื่อเข้าเขตเมืองออช ก็แวะรับประทานอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น และเข้าที่พักเช็คอิน เตรียมพร้อมสำรวจเมืองออช เดินเล่นแวะซื้อของฝากท้องถิ่น

จากนั้นในช่วงเย็น ทีมคาราวานได้ไปชมวิวสวย ๆ ของเมืองที่ Solomon’s Throne ซึ่งเป็นเนินเขาใจกลางเมือง หลังจากนั้นก็กลับมาทานอาหาร และเข้าพักเตรียมพร้อมเดินทางต่อไปอุซเบกิสถานในวันพรุ่งนี้

18
วันที่สิบหก  :  18 มิ.ย. 2559
เส้นทาง  :  ออช คีร์กีซสถาน – ทาชเคนต์ อุซเบกิสถาน

ในวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายในประเทศคีร์กีซสถาน เราต้องข้ามชายแดนเข้าสู่ประเทศอุซเบกิสถาน โดยมีเป้าหมายที่เมืองทาชเคนต์ (Tashkent) เมืองหลวง กับระยะทาง 395 กิโลเมตร ซึ่งต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจึงต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า

เมื่อคาราวานล้อหมุน ก็มุ่งหน้าไปยังชายแดนเตรียมออกจากคีร์กีซสถาน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก เมื่อตรวจเอกสารเรียบร้อยก็มุ่งหน้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศอุซเบกิสถานทันที

คาราวานมาถึงด่านตรวจกันเวลาประมาณเที่ยงวัน แต่ด้วยระบบสุดแสนเข้ม ทั้งตรวจแยกรายคน ข้าวของสัมภาระ ทุกชิ้น ถูกตรวจค้น รถก็ต้องตรวจเอกสารอย่างละเอียด แถมเจ้าหน้าที่ทหาร ก็นำสุนัขทหารมาดมกลิ่นตรวจหาสิ่งต้องห้ามบนรถกันอีกหนึ่งรอบเพื่อความมั่นใจ กว่าจะผ่านด่านเข้าสู่ประเทศอุซเบกิสสถานปาไป 6 โมงเย็น

RMN_9832

เมื่อเข้ามาได้แล้วก็ต้องขับเส้นทางในช่วงแรกที่ค่อนข้างขรุขระ ซึ่ง Hilux Revo ก็ไม่เป็นอุปสรรคเมื่อต้องเจอกับทาง Off-Road  เมื่อตรวจดูระยะทางยังเหลืออีกประมาณสามร้อยกว่ากิโลเมตร ทีมคาราวานจึงตัดสินใจแวะรับประทานอาหารเย็นก่อนเดินทางต่อ และก็เติมน้ำมันให้พร้อม

หลังจากออกเดินทาง สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ คาราวาน เจอด่านตรวจอีก 2 ด่าน ซึ่งตรวจกันอย่างละเอียด เสียเวลาไปอีกเป็น ชม.

เมื่อต้องผ่านการตรวจสุดโหดถึง 4 ครั้ง คาราวานรีบหวดทำเวลาเพื่อไปถึงเมืองทาชเคนต์ให้เร็วที่สุด ทั้งที่สภาพถนนในช่วงนี้ค่อนข้างแคบ และมืดมาก ขอบคุณไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Hilux Revo ที่ส่องสว่างเปิดทัศนวิสัยช่วยให้ขับขี่กันได้ปลอดภัยทุกคน แต่แล้วยังไม่พอ เจออุปสรรคจากการขับของรถท้องถิ่นแทรกในขบวนคาราวานตลอดทาง ทำให้ทุกคันต้องขับกันอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งถึงเมืองทาชเคนต์ในเวลาเกือบตี 4 ก่อนที่จะรีบพักผ่อนเพราะอ่อนล้าจากการเดินทาง และการตรวจค้นที่ด่านมาตลอดทั้งวัน

วันที่สิบเจ็ด  :  19 มิ.ย. 2559
เส้นทาง  :  ทาชเคนต์ อุซเบกิสถาน

วันนี้คาราวานจะหยุดพัก 1 วัน เพื่อตรวจเช็คสภาพรถ เพราะเดินทางกันมารวมระยะทางถึง 8,387 กิโลเมตรแล้ว วันนี้จึงถือโอกาสพักทั้งรถและคน เพื่อเตรียมพร้อมเต็มที่สำหรับการเดินทางในช่วงต่อไป และเปลี่ยนมือคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 3 กับลูกค้าผู้ใช้รถไฮลักซ์ วีโก้ และไฮลักซ์ รีโว่ เข้าร่วมพิสูจน์สมรรถนะจริงระดับโลกด้วย

RMN_0250

เริ่มการท่องเที่ยวของวันด้วยการสำรวจสถานที่สำคัญในเมืองทาชเคนต์ สถานที่แรกที่ทีมคาราวานได้ไปเยี่ยมชมคือ ตลาดชอร์ซู (Chorsu Bazaar) และแหล่งช๊อปปิ้งบริเวณใกล้เคียง จากนั้นไปเยี่ยมชมอนุสาวรีย์อมิร์ ติมูร์ (Amir Timur) หรือ ทาเมอร์เลนข่าน

และไปเดินเล่นกันที่ Independence Square ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์อมิร์ ติมูร์ มันเป็นลานขนาดใหญ่ที่เคยใช้จัดกิจกรรมต่างๆ ของสหภาพโซเวียตในอดีต ปัจจุบันได้กลายเป็นสวนสาธารณะ

สำรวจเมืองกันพอสมควร ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วสำหรับคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 2 เดินทางสู่สนามบินเพื่อกลับประเทศไทย และรอผลัดไม้ของคณะสื่อมวลชนและลูกค้าที่จะมาร่วมคาราวานในสเตจ 3 ซึ่งเดินทางมาถึงค่ำคืนนี้

RMN_0283

ตอนต่อไปจะไปลุยที่ไหนกันต่อ 9carthai เราจะมาอัพเดทให้เพื่อนๆ ทราบกัน

สำหรับผู้ที่ต้องการเกาะติดข่าวสาร สามารถติดตามได้ที่นี่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip  พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” ง่าย ๆ เพียงแค่คลิ๊ก พิมพ์ #hiluxrevocaravantrip รับกล้อง GoPro Hero4 และของที่ระลึกอื่น ๆ อีกมากมาย


Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 5 จาก อุซเบกิสถาน-เติร์กเมนิสถาน

$
0
0

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 5 จาก อุซเบกิสถาน-เติร์กเมนิสถาน

cover_resize

20_resize

วันที่สิบแปด : 20 มิ.ย. 2559
เส้นทาง : ทาชเคนต์ อุซเบกิสถาน

วันนี้ถือเป็นวันแรกของคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 3 และลูกค้าผู้ใช้ไฮลักซ์ วีโก้ และ ไฮลักซ์ รีโว่ ในทริปประวัติศาสตร์นี้

ในช่วงเช้านี้สบายๆ ออกสำรวจเมืองทาชเคนต์ ก่อนที่จะเดินกันต่อในช่วงบ่ายมีจุดหมายที่เมืองซามาร์คานด์

เมื่อถึงเวลาที่คาราวานจะเดินทาง กลับพบเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมืองทาชเคนต์กำลังจะมีการประชุมระดับผู้นำประเทศ เข้มงวดในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ทำให้คาราวานไม่สามารถไปไหนได้ต้องพักที่นี่ต่ออีก 1 วัน

ดังนั้นช่วงเย็นคาราวานจึงไปเที่ยวชม Minor Mosque มัสยิดสีขาวที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ใจกลางเมือง ชมความงดงามก่อนพระอาทิตย์ลับฟ้า และจึงกลับมาพักที่โรงแรม ก่อนเดินทางต่อพรุ่งนี้ไปยังเมืองซามาร์คานด์ และเมืองบูคาร่า รวมระยะทางกว่า 586 กิโลเมตร

21_resize

วันที่สิบเก้า : 21 มิ.ย. 2559
เส้นทาง : ทาชเคนต์ – ซามาร์คานด์ – บูคาร่า อุซเบกิสถาน

จากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้คาราวานต้องอยู่ที่ทาชเคนต์กันถึง 2 วัน วันนี้จึงจำต้องเปลี่ยนแผนจะไม่พักที่เมืองซาร์มาคานด์ แล้ว คาราวานจะแค่พักชมเท่านั้น ก่อนมุ่งหน้าตรงไปเมืองบูคาร่า รวมระยะทางวันนี้ 586 กิโลเมตร

วันนี้เดินทางกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า และต้องพบกับสภาพอากาศค่อนข้างร้อนและแห้งแล้ง และยังต้องทำเวลาอีก ดังนั้นทุกคนจำต้องอาศัยสมรรถนะเครื่องยนต์ใหม่ GD Efficient Boost ของ ไฮลักซ์ รีโว่ กันอย่างเต็มที่ ทำให้เวลาแค่บ่ายโมงทีมคาราวานก็มาถึงเมืองซาร์มาคานด์ รับประทานอาหารและแวะเที่ยวชมกันเล็กน้อย โดยสถานที่ที่ทีมคาราวานได้ไปเยี่ยมชม คือ จตุรัสรีจีสตาน อันโด่งดัง สัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวอุซเบกิสถาน

จากนั้นคาราวานก็ออกเดินทางต่อไปยังเมืองบูคาร่าทันที เพื่อให้ถึงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน จะได้มีโอกาสสำรวจเมืองนี้กันต่อ เนื่องจากระยะทางยังอีกไกล จึงต้องใช้ความเร็วบนสภาพถนนที่ชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อและขรุขระ แต่ด้วยโครงสร้างแชสซีส์ และระบบช่วงล่าง DCS ที่ออกแบบระบบรองรับการสั่นสะเทือนใหม่ให้แหนบยาวขึ้น โช๊คอัพใหญ่ขึ้น จึงช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี รวมถึงให้ความมั่นคง นั่งสบาย นุ่มนวล และคาราวานต้องขอบคุณขุมพลัง GD Efficient Boost ที่ได้ให้พลังงานขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะกันตั้งแต่เช้า ยันเย็น ทำให้คาราวานมาถึงเมืองบูคาร่ากันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ดังที่ตั้งเป้าไว้

ทีมคาราวานไปดูแสงสุดท้ายกันที่จตุรัสสำคัญที่สุดในเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยมัสยิด และ เสามินาเรต ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของบูคาร่า

หลังจากที่ทีมคาราวานเก็บภาพความประทับใจ กันแล้วก็มุ่งหน้าไปพักผ่อน ราตรีสวัสดิ์กันคืนนี้ พรุ่งนี้เตรียมลุยต่อกับภารกิจข้ามแเดนสู่ประเทศเติร์กเมนิสถาน
22_resize

วันที่ยี่สิบ : 22 มิ.ย. 2559
เส้นทาง : บูคาร่า อุซเบกิสถาน – แมรี่ เติร์กเมนิสถาน

ในวันนี้นับเป็นวันที่ 20 ของการเดินทางของทริปประวัติศาสตร์ เตรียมมุ่งหน้าสู่ประเทศเติร์กเมนิสถาน คาราวานจึงออกจากบูคาร่ากันตั้งแต่ 7 โมงเช้า ปลายทาง เมืองแมรี่ ระยะทางรวม 400 กิโลเมตร

การเดินทางเราแล่นผ่านเมืองเก่าและป้อมปราการ Ark วิ่งเข้าสู่ความแห้งแล้ง เพื่อมุ่งหน้าสู่ด่านขาออกประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งยังคงเข้มงวดเสียเวลากันมาก แต่นับว่ายังเร็วกว่าตอนขาเข้าอยู่ไม่น้อย

เมื่อออกจากอุซเบกิสถานและผ่านเขต No Man’s Land ก็เข้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศเติร์กเมนิสถาน ซึ่งมีความละเอียดและเข้มงวดไม่ต่างกัน เสียเวลาตรวจรถทีละคัน เปิดสัมภาระทุกชิ้น

เมื่อผ่านพ้นด่านตรวจอันเข้มงวด คาราวานรีบมุ่งหน้าสู่เมืองแมรี่ ถนนนอกเมืองในช่วงแรกนี้ค่อนข้างขรุขระเกือบตลอดทางและมีทางโค้ง แน่นอนว่าสมรรถนะช่วงล่าง DCS ยังทำหน้าที่ได้ดีเช่นเคย พร้อมด้วยระบบควบคุมการทรงตัว VSC ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างราบรื่น หนึบ

ระหว่างทางทีมคาราวานแวะที่เมืองเมิร์ฟ แวะชม Mausoleum of Sultan Sanjar ซึ่งเป็นสุสานของ Ahmad Sanjar บุคคลที่สำคัญในอดีตของเติร์กเมนิสถาน ก่อนมุ่งหน้าสู่เมืองแมรี่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร

วันนี้ทีมคาราวานมาถึงกันดึกพอสมควร จึงมีเวลาเพียงแค่เดินชมมัสยิดกลางเมือง ก่อนพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเดินทางสู่เมืองอาชกาบัต เมืองหลวงของเติร์กเมนิสถาน พรุ่งนี้

23_resize

วันที่ยี่สิบเอ็ด : 23 มิ.ย. 2559
เส้นทาง : แมรี่ – อาชกาบัต เติร์กเมนิสถาน

วันนี้จะเดินทางสู่เมืองอาชกาบัต (Ashgabad) เมืองหลวงของประเทศเติร์กเมนิสถาน โดยมีระยะทาง 376 กิโลเมตร โดยก่อนเดินทางมีการแวะเติมน้ำมันกันก่อน

ระหว่างทางผ่านอาคารบ้านเรือนต่างๆ ชาวเติร์กจะมายืนโบกรถอยู่ตลอด ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของที่นี่ สามารถโบกรถและขอโดยสารกับรถที่ผ่านไปมาได้ หากจอดรับก็จะมีการหารค่าโดยสารกันด้วยความสมัครใจ

สำหรับเส้นทางวันนี้แทบไม่ต่างจากเมื่อวาน เป็นทางตรงแต่ขรุขระและมีฝุ่น แถมอากาศร้อนจัดสูงถึง 40 องศาเซลเซียส แม้จะร้อนแต่แอร์ของ ไฮลักซ์ รีโว่ ก็ให้ความเย็นชุ่มฉ่ำ พร้อมช่อง Cool Box เกือบเครื่องดื่มรักษาความเย็นทำให้ผู้โดยสารได้สดชื่นกันตลอดการเดินทาง นับว่าช่วยดับกระหายคลายร้อนจากอากาศอันระอุภายนอกได้เป็นอย่างดี

เวลาผ่านไปไม่นาน คาราวานก็ถึงเมืองอาชกาบัต เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเติร์กเมนิสถาน มีความโอ่อ่า สะอาด และสวยงามอลังการ

เวลาบ่ายโมงคาราวานแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่น จากนั้นเดินทางเข้าโรงแรม ก่อนจะออกมาเที่ยวชมเมืองกันอีกครั้งในช่วงเย็น โดยมีไกด์ท้องถิ่นนำเที่ยวชมตลาด เสร็จแล้วก็ขึ้นรถบัสชมเมือง ผ่านอนุสาวรีย์รูปม้า สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเติร์กเมนิสถาน แล้วไปต่อกันที่ สนามกีฬาที่แห่งใหม่ ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ในปีหน้า ก่อนไปชมกันที่อนุสรณ์สถานประจำเมือง

หลังเที่ยวชมกันเสร็จเย็นก็มารับประทานอาหารท้องถิ่น ซึ่งอยู่บนอาคารสูงดื่มด่ำชมวิวสวยของเมืองหลวง

End-Cover

ในตอนต่อไปคาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่ จะเดินทางไปไหนกันต่อ ทาง 9carthai เราจะมาเกาะติดให้ทุกท่านรับชมกันต่อ

ผู้สนใจสามารถติดตามกันได้ที่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” ง่าย ๆ เพียงแค่คลิ๊ก และพิมพ์ #hiluxrevocaravantrip รับกล้อง GoPro Hero4 และของที่ระลึกอื่น ๆ อีกมากมาย

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 6 จาก เติร์กเมนิสถาน-อิหร่าน

$
0
0

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 6 จาก เติร์กเมนิสถาน-อิหร่าน

Hilux Revo Caravan Trip

2

วันที่ยี่สิบสอง : 24 มิ.ย. 2559
เส้นทาง : อาชกาบัต เติร์กเมนิสถาน – มัชฮัด อิหร่าน

ในวันนี้ ถือเป็นวันสุดท้ายที่คาราวาน Hilux Revo จะอยู่ในเติร์กเมนิสถาน แม้อยู่กันเพียง 3 วัน แต่ด้วยความสะอาดของบ้านเมือง และความเป็นมิตรของผู้คนทำให้พวกเราได้รับความประทับใจกันไม่น้อย

และวันนี้ทางคณะสื่อมวลชนของเติร์กเมนิสถาน ได้เข้ามาสัมภาษณ์พูดคุยกับทีมคาราวานเพื่อทำข่าวกันอีกด้วย นอกจากนี้เรายังได้ไปชมสนามกีฬาที่จะใช้จัดการแข่งขันเอเชียนอินดอร์เกมส์ในปีหน้า ก่อนจะลากันไป

เมื่อเสร็จสิ้น ก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการเดินทาง ซึ่งเป้าหมายวันนื้อยู่ที่เมืองมัชฮัด (Mashhad) ประเทศอิหร่าน ระยะทางไม่มากนัก 280 กิโลเมตร ต้องขอบคุณด่านตรวจทั้งสองประเทศที่ช่วยให้เราเดินทางกันต่ออย่างราบรื่น ทำให้วันนี้ทีมคาราวาน ใช้เวลาไม่นานก็ผ่านเข้าประเทศอิหร่านมาได้

หลังออกจากด่านชายแดน เราจะพบเส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนคดเคี้ยว ต้องมีการขึ้น-ลงเขากันตลอด แต่ด้วยระบบ DAC (Downhill Assist Control) ที่ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะลงทางชัน ทำให้ผู้ขับไม่ต้องแตะเบรก สบายไม่เมื่อยเท้า ภูมิประเทศในช่วงนี้เป็นทะเลทรายแห้งแล้งสลับกับหุบเขาตลอดทาง ขณะที่อากาศร้อนจัดมาก ระหว่างทางชาวอิหร่านให้ความสนใจต้อนรับคาราวาน Hilux Revo เราตลอดทาง ทั้งโบกมือทักทาย อีกทั้งขอถ่ายรูป

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มาถึงเมืองมัชฮัด เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอิหร่าน อยู่ใกล้ชายแดนประเทศอัฟกานิสถานและเติร์กเมนิสถาน ด้วยความที่พรุ่งนี้คาราวานต้องเดินทางกันอย่างยาวไกลเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองสำคัญอีกแห่งหนึ่งของอิหร่าน คาราวานจึงรีบพักผ่อนเพื่อเตรียมความพร้อมลุยกันต่อในวันพรุ่งนี้

3

วันที่ยี่สิบสาม : 25 มิ.ย. 2559
เส้นทาง : มัชฮัด – ยาซ์ด อิหร่าน

ในวันนี้จะถือเป็นอีกหนึ่งวันเดินทางบนเส้นทางสายไหม ที่ไกลมากทีเดียว เพราะทีมคาราวานต้องมุ่งหน้าสู่เมืองยาซ์ด (Yazd) กับระยะทางถึง 930 กิโลเมตร ทำให้คาราวานต้องออกเดินทางกันแต่เช้า มีโอกาสที่จะได้สัมผัสเมืองมัชฮัดจากการชมวิวมุมสูงของเมือง จากห้องรับประทานอาหารเช้าสุดหรูของโรงแรมเพียงเท่านั้น

เมื่อได้เวลาก็เคลื่อนขบวนกันทันที แน่นอนว่าสภาพอากาศยังร้อนระอุต่อเนื่องเพราะเป็นที่ราบทะเลทราย รวมไปถึงระยะทางไกล ดังนั้นขุมพลัง GD Efficient Boost จึงถูกรีดออกมาใช้กันอย่างเต็มที่ในวันนี้

เส้นทางในวันนี้ไม่แตกต่างจากเมื่อวาน เป็นที่ชุมชนสลับที่ราบทะเลทราย คาราวานแวะพักเป็นช่วงๆ และเติมน้ำมัน การหาร้านอาหารกลางวัน นับเป็นเรื่องยาก เพราะช่วงนี้เป็นช่วงถือศีลอดของประเทศอิหร่าน แต่ก็พอมีร้านข้าวและเนื้อแกะรสดีพอให้ทีมคาราวานได้ทานกัน

แน่นอนการเดินทางไกลเช่นนี้ ความสบายจากพื้นที่ในห้องโดยสารถือเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากตัวห้องโดยสารที่กว้างแล้ว ช่วงล่างที่ดีช่วยลดแรงสั่นสะเทือนก็ทำให้นั่งได้สบายแม้เดินทางไกล นอกจากนั้น ช่อง USB และช่องปลั๊กไฟบ้าน ช่วยให้ผู้โดยสารที่ต้องนั่งในรถนานๆ ไม่รู้สึกเบื่อ เพราะสามารถฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถือที่โหลดเตรียมพร้อมกันมา

กว่าทีมคาราวานจะถึงที่พักก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ทุกคนจึงรับประทานอาหารเย็นกันแบบง่ายๆ ก่อนจะแยกย้ายพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยมาสำรวจความงามของเมืองยาซ์ดกันต่อ

4

วันที่ยี่สิบสี่ : 26 มิ.ย. 2559
เส้นทาง : ยาซ์ด – ชีราซ อิหร่าน

เช้าวันนี้ทีมคาราวานได้มีโอกาสออกสำรวจเมืองยาซ์ดกันก่อนจะเดินทางไปยังเมืองชีราช

สถานที่แรกที่ไปสำรวจกันในวันนี้ คือ Amir Chakhmagh จตุรัสสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองยาซ์ด จากนั้นไปต่อกันที่ Masjid Jama มัสยิดหลักของเมือง ก่อนจะปิดท้ายด้วยการไปชมเมืองเก่าที่มีอายุยาวนาน แล้วจึงกลับไปรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ

เป้าหมายของวันนี้คือ เมืองชีราซ (Shiraz) ระยะทางราว 455 กิโลเมตร สภาพเส้นทางยังคงไม่ต่างไปจากเดิมนัก

ก่อนจะเข้าสู่เมืองชีราซ คาราวานได้แวะเยี่ยมชมเพอร์เซโปลิส (Persepolis) แหล่งโบราณคดีชื่อก้องโลก อันเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ซึ่งเป็นเมืองหลวงอาณาจักรยิ่งใหญ่ของเปอร์เซีย ก่อนที่จะที่ถูกทำลาย

ทีมคาราวานอยู่เพอร์เซโปลิสกันจนใกล้ค่ำ จึงมุ่งหน้าสู่เมืองชีราซ ที่มีระยะทางอีกราว 40 กิโลเมตร อาหารเย็นวันนี้เราเปลี่ยนมาทานพิซซ่าและสปาเกตตี้กันบ้าง หลังจากรับประทานอาหารท้องถิ่นมาหลายมื้อ จากนั้นแยกย้ายกันไปพักผ่อน เตรียมลุยเมืองต่อไปของอิหร่านกันต่อ

5

วันที่ยี่สิบห้า  :  27 มิ.ย. 2559
เส้นทาง  :  ชีราซ – อีสฟาฮาน อิหร่าน

วันนี้นับเป็นวันที่ 25 ของการเดินทางบนเส้นทางสายไหม มุ่งหน้าสู่ อีสฟาฮานมีระยะทาง 479 กิโลเมตร ที่ต้องเดินทางกัน เราออกสายกว่าปกติเล็กน้อย ก่อนออกเดินทางเราได้แวะชมประตูเมืองและกำแพงเมืองเก่าของเมืองชีราซกันก่อนจาก

สำหรับเส้นทางวันนี้ก็เหมือนเดิม ด้วยลักษณะภูมิประเทศคล้ายๆกัน ถนนมีทั้งสองเลนและสี่เลน ซึ่งผ่านทั้งทางเขาและทางพื้นราบ โดยตลอดเส้นทางจะต้องขับผ่านหมู่บ้านเป็นระยะ

ด้วยการเดินทางไกลยาวๆ ที่สามารถรักษาความเร็วให้คงที่ได้ ดังนั้นระบบ Cruise Control ก็ถูกใช้อีกครั้ง ทำให้ผู้ขับไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ช่วยลดความเมื่อยล้า

แม้บางช่วงลมจะแรง แต่ช่วงล่างของไฮลักซ์ รีโว่ ก็ยังนิ่ง หนึบ ไม่ทำให้ผิดหวัง
ในช่วงที่ผ่านหมู่บ้าน คาราวานจะได้รับการทักทายอยู่ตลอดเส้นทาง

การเดินทางของคาราวานเราจะใช้ GPS เป็นตัวนำทาง พร้อมกับไกด์ท้องถิ่นซึ่งมีความป่วนฮาอยู่ตลอด
และไม่นานในช่วงบ่ายแก่ๆ ก็มาถึงเมืองอีสฟาฮานเป็นที่เรียบร้อย

วันนี้ทานข้าวเที่ยงกันตอนประมาณบ่ายสามครึ่ง เพราะร้านอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะปิด เนื่องจากอยู่ในช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิม

จากเช็คอินเข้าพักโรงแรมในเมืองอีสฟาฮาน เพื่อไม่ให้เสียเวลาคาราวานได้ออกไปเดินเล่น มีเป้าหมายแรกห่างจากโรงแรมประมาณ 20 นาที  คือ สะพานคาจู (Khaju Bridge) สะพานที่เก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอีสฟาฮาน

จุดที่เป็นไฮไลท์ของเมืองที่พลาดไม่ได้ คือ จัตุรัส นัค เอ ฌะฮาน (Naqsh-E-Jahan) ที่ได้ชื่อว่า เป็นจตุรัสที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก รองจากจตุรัสเทียนอันเหมิน  ณ กรุงปักกิ่ง

รอบ ๆ จัตุรัสจะมีร้านค้าตั้งเรียงรายเพื่อให้บริการทั้งร้านขายของทั่วไป เสื้อผ้า ของที่ระลึก หรือแม้แต่พรมเปอร์เซียที่ขึ้นชื่อ

ในช่วงเย็นนี้เราจะเห็นคนพื้นเมืองต่างมาพักผ่อน ทำกิจกรรมร่วมกัน ณ จัตุรัส ซึ่งสะท้อนภาพบรรยากาศ การใช้ชีวิตของผู้คนที่นี่ได้เป็นอย่างดี

สำหรับในวันพรุ่งนี้เตรียมมุ่งสู่เมืองหลวงเตหะราน และเตรียมต้อนรับคณะสื่อมวลชนที่จะมาเปลี่ยนมือร่วมเดินทางในช่วงที่ 4 กันต่อ!!

6

วันที่ยี่สิบหก  :  28 มิ.ย. 2559
เส้นทาง  :  อีสฟาฮาน – เตหะราน อิหร่าน

ในวันนี้เราจากเมืองอีสฟาฮาน เวลา 9 โมงเช้า ด้วยระยะทาง 515 กิโลเมตร เส้นทางเป็นที่ราบกึ่งทะเลทรายสลับกับภูเขาดินเป็นระยะๆ ระหว่างทางทีมคาราวานพบอุปสรรคเล็กๆ รถหนึ่งคันยางรั่ว แต่ปัญหานี้ก็หมดไป เพราะมีรถ Hilux Revo Mobile Service มาช่วยแก้ไข จึงวิ่งต่อได้อย่างไร้ปัญหา

ทีมคาราวานได้แวะชมหมู่บ้านอะบียาเนห์ (Abyaneh Village) ซึ่งเส้นทางต้องไต่ขึ้น-ลงเขา และมีโค้งเยอะ แต่ไม่เป็นอุปสรรคการเข้าโค้งของช่วงล่าง DCS ที่ยังหนึบ เกาะถนนทำให้ไม่นานเราก็มาถึงที่หมายหมู่บ้านอะบียาเนห์ เพื่อพักและรับประทานอาหารกลางวัน

หลังอาหารกลางวัน ก็เดินทางต่อกับสภาพเส้นทางที่ยังคงเป็นที่ราบกึ่งทะเลทรายตลอดทางเมื่อเข้าสู่ชุมชนจะได้เห็นมัสยิดเป็นระยะๆ

วันนี้เราแวะเติมน้ำมันกันด้วย ซึ่งราคาน้ำมันในอิหร่านตกลิตรละ 3 บาทเท่านั้น และในที่สุดทีมคาราวานมาถึงกรุงเตหะรานเป็นที่เรียบร้อยราว 2 ทุ่ม เข้าโรงแรมเพื่อทานอาหารเย็นกันเลย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทีมคาราวาน รู้สึกหงุดหงิดบ้าง คือ การจราจรและการขับขี่ของคนพื้นที่ ไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยว ปาดหน้า ปาดหลัง เสียบข้าง สร้างความวุ่นวายให้กับขบวนคาราวาน ต้องเบรก และเร่งเครื่องยนต์ตลอดเวลา แต่ด้วยประสบการณ์ และรถทำให้ทีมคาราวานมาถึงโรงแรมด้วยความปลอดภัย

เตหะราน เป็นเมืองหลวงของประเทศอิหร่านและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแถบประเทศตะวันออกกลาง และยังเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทั้งอุตสาหกรรมน้ำมัน อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจการบินพาณิชย์ ในภูมิภาคตะวันออกกลางอีกด้วย

วันนี้นับเป็นคืนสุดท้ายของกลุ่มที่ 3 และเป็นวันแรกของกลุ่มที่ 4 ที่เพิ่งเดินทางมาถึง
พรุ่งนี้ในตอนต่อไปคาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่ จะเดินทางสู่เมือง Tabriz ซึ่งเป็นชายแดนของประเทศอิหร่านกันต่อ ทาง 9carthai เราจะมาเกาะติดให้ทุกท่านรับชมกันต่อ

ผู้สนใจสามารถติดตามกันได้ที่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” ง่าย ๆ เพียงแค่คลิ๊ก และพิมพ์ #hiluxrevocaravantrip รับกล้อง GoPro Hero4 และของที่ระลึกอื่น ๆ อีกมากมาย

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 7 จาก อิหร่าน – ตุรกี

$
0
0

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 7 จาก อิหร่าน – ตุรกี

TOYOTA REVO

day29_2_resize

วันที่ยี่สิบเจ็ด : 29 มิ.ย. 2559
เส้นทาง : เตหะราน – ทาบริซ อิหร่าน

หลังจากที่เดินทางกันมานานถึง 27 วัน ทางทีมคาราวาน Hilux Revo ได้เดินทางมาแล้วรวมระยะทางกว่า 12,408 กม. ถือได้ว่า Hilux Revo ทั้ง 9 คัน สอบผ่านความอึด ได้เป็นอย่างดี

ในวันนี้จะเป็นการต้อนรับคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 4 ด้วยระยะทาง 623 กิโลเมตร เป้าหมายที่เมืองทาบริซ (Tabriz) ซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายในประเทศอิหร่าน

ทีมคาราวานออกเดินทางช่วงเวลา 8 โมงเช้า ได้ไปบอกลา เตหะรานกันที่หอคอย Azadi tower แลนด์มาร์คประจำเมือง

day29

เส้นทางของวันนี้หลังจากออกจากเขตเมือง ก็เป็นที่ราบกึ่งทะเลทรายอีกครั้ง และตลอดทางจะพบกับด่านตรวจความเร็วมาเป็นระยะๆ ดังนั้นการเลือกใช้ Cruise Control ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องเหยียบคันเร่ง

เมื่อใกล้เมืองทาบริซ สภาพภูมิประเทศมีความเปลี่ยนแปลง จากรูปแบบทะเลทรายสลับเขา เริ่มมีต้นไม้ปกคลุมบ้างเล็กน้อย และไม่นานนักคาราวานก็เดินทางมาถึงเมืองทาบริซ กันในช่วงเย็นซึ่งมีเวลาพอให้เดินเล่นพักผ่อนชมวัฒนธรรมของคนในชุมชน เล็กน้อยแบบไม่ไกลจากโรงแรม เมืองนี้จะอยู่กันสบายๆ ไม่แออัดเหมือนกรุงเตหะราน

เราเดินเล่นกันจนมาถึง มัสยิดบลูมอสก์ ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี คศ.1465 แต่ตอนที่ไปถึงก็ได้เวลาปิดแล้ว จึงไปเดินเล่นกันต่อยังจตุรัสกลางเมืองที่มี City Hall

เมื่อสมควรแก่เวลาจึงรีบกลับไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้มีภารกิจข้ามแดนไปยังประเทศตุรกี ซึ่งแต่ละประเทศจะมีขั้นตอนในการตรวจเอกสารผ่านเข้าเมืองไม่เหมือนกัน แม้ระยะทางอาจจะไม่ไกลนัก แต่ก็มีความเสี่ยงว่าจะใช้เวลากันนาน ดังนั้นต้องเตรียมความพร้อมโดยออกกันแต่เช้าวันพรุ่งนี้

day30_resize

วันที่ยี่สิบแปด : 30 มิ.ย. 2559
เส้นทาง : ทาบริซ อิหร่าน – โดคูเบยาซิต ตุรกี

วันนี้ทีมคาราวานพร้อมเดินทางข้ามประเทศไปยังตุรกีกันแต่เช้า ซึ่งห่างจากเมืองทาบริซไม่ไกลนักประมาณ 290 กิโลเมตร ทีมคาราวานออกจากโรงแรมกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการยื่นเอกสารผ่านแดนจากประเทศอิหร่านเข้าไปยังประเทศตุรกี

เส้นทางวันนี้สองข้างทางยังคงเป็นที่ราบสลับขึ้นลงเขามีภูเขาดินทรายตลอดทาง แต่ก็มีต้นไม้ปกคลุมเขาบ้างเล็กน้อย ไม่นานนักทีมคาราวานก็มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งต้องต่อคิวเข้าแถวเตรียมตรวจกัน

ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง นักเดินทางจะใช้เวลากันไม่มากนักเนื่องจาก ประเทศตุรกีไม่ต้องขอวีซ่า เพราะฉะนั้นขั้นตอนไม่ซับซ้อน แต่สำหรับรถที่จะผ่านแดนต้องมีการตรวจสอบกันละเอียด ซึ่งใช้เวลา และทีมคาราวานเราก็ได้เผื่อเวลามาแล้ว ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าไม่นานนัก

day30

เมื่อผ่านด่านกันเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าเพื่อเข้าเมืองโดคูเบยาซิต (Dogubeyazit) พ้นด่านมาด้านหน้าก็ได้เห็นภูเขาอารารัต (Ararat) รออยู่เบื้องหน้าทันที ภูเขาแห่งนี้มีความสูงถึง 5,137 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในตุรกี และมีหิมะปกคลุมตลอดปี คล้ายภูเขาไฟฟูจิ ญี่ปุ่น ชาวเปอร์เซียจะเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “โคอินูห์”

ทีมคาราวานแวะขึ้นเขาเพื่อไปชม “เรือโนอาห์” (Noah’s Ark) ซึ่งต้องขับรถไต่ขึ้นเขาค่อนข้างชัน พอขึ้นไปถึงด้านบนจะเห็นร่องรอยที่เค้าเชื่อกันว่านี่คือร่องรอยของเรือโนอาห์ในตำนาน ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ที่กล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิลของชาวยิว รวมไปถึงคัมภีร์อัลกุราอ่านของชาวมุสลิม โดยเล่ากันว่าพระผู้เป็นเจ้าของชาวยิวได้ช่วยเหลือโนอาห์กับสมาชิกในครอบครัว 7 คน และสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างละหนึ่งคู่ จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตคนไปหมดโลก โดยบอกให้โนอาห์ต่อเรือยาวขนาด 137 เมตร และนำทุกคนกับสัตว์ต่าง ๆ ไว้บนนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์เรือโนอาห์ก็ลอยอยู่บนผืนน้ำเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อน้ำลด เรือก็ลอยมาติดที่เทือกเขาแห่งนี้

หลังจากชมวิวเก็บภาพเสร็จ ก็ได้เวลาลง ที่โค้งชัน ดังนั้นระบบ DAC ที่ช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน โดยไม่ต้องแตะเบรก ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

จากนั้นทีมคาราวานได้เข้าไปที่ตีนเขา เพื่อเก็บภาพ ก่อนออกเดินทางไปยังเมือง โดคูเบยาซิต และเช็คอินเข้าพักกันที่นี่

ในช่วงค่ำ ก็มีชาวคณะบางคนไปเดินเล่นที่บริเวณถนนคนเดิน ยิ่งค่ำคนก็จะยิ่งเยอะ เพราะอยู่ในช่วงถือศีลอดเช่นดียวกัน แต่เดินไม่นานนักก็ต้องกลับเข้าโรงแรมพักผ่อน เก็บแรงเดินทางกันต่อในวันพรุ่งนี้

ในพรุ่งนี้เราจะมาเดินทางกันต่อภายในประเทศตุรกีกัน

day1_r

วันที่ยี่สิบเก้า : 1 ก.ค 2559
เส้นทาง : โดคูเบยาซิต – มาร์ดิน ตุรกี

เข้าสู่วันที่ 29 ของการเดินทางตามรอยเส้นทางสายไหม เรายังเดินทางกันต่อในตุรกีกันวันนี้ และตลอดทางของคณะสื่อมวลชนกรุ๊ปที่ 4 จะอยู่ตุรกีกันยาวๆ เพราะตุรกีเป็นประเทศที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างใหญ่

ในวันนี้ทีมคาราวาน มีเป้าหมายปลายทางอยู่ที่เมืองมาร์ดิน (Mardin) ระยะทาง 700 กิโลเมตร

เริ่มออกเดินทาง เราก็กลับเข้ามาสู่ถนนใหญ่ 4 เลน กับธรรมชาติที่รายล้อมไปด้วยความสวยงาม ขับไปสักพักจะเข้าสู่ถนนสองเลนที่ตัดผ่านขุนเขา หลังจากออกมาได้ก็จะกลับมาถนนใหญ่ 4 เลนอีกครั้ง

เส้นทางมีโค้งบ้างเป็นระยะ มาให้ทดสอบความหนึบและแกร่งของช่วงล่วง DCS ช่วยการเดินทาง พอมีความสนุกสนานให้สัมผัสกันโดยไม่เบื่อนัก

day1

เราแวะพักทานอาหารกลางวันที่ทะเลสาบวาน (Van) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี มีสีสันสวยงามของสีเทอร์ควอยส์กลืนกับสีสดของท้องฟ้าได้อย่างลงตัว มื้อนี้ทีมคาราวานหุงข้าวทานกันเองกับอาหารที่เตรียมมาจากกรุงเทพฯ เพราะยังอยู่ในช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิม

หลังจากเดินทางกันต่อ ก็มาแวะถ่ายภาพสะพานโบราณสมัยยุคออตโตมัน ประมาณ 600 ปี ที่เมือง Mostar

หลังจากที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เส้นทางเริ่มแคบเป็นเลนสวน โค้งเขา และยังขรุขระตลอดทาง ซึ่งได้ช่วงล่าง DCS ที่ช่วยการยึดเกาะเป็นอย่างดี และไฟหน้า LED Projector ที่ให้ความสว่าง ซึ่งช่วยนำทางพาคาราวานมุ่งหน้าสู่เมืองมาร์ดินกันได้โดยปลอดภัย

วันนี้ทีมมาถึงกันค่อนข้างค่ำ จึงทานอาหารค่ำที่โรงแรมแล้วเช็คอิน พักผ่อนกันเลย
พรุ่งนี้คณะคาราวานจะมาสำรวจเมืองมาร์ดินกันต่อครับ

Day2_

วันที่สามสิบ : 2 ก.ค. 2559
เส้นทาง : มาร์ดิน – อะดิยามัน ตุรกี

ในวันนี้ก่อนออกเดินทาง เราได้ออกมาเดินเล่นชมเมืองมาร์ดิน (Mardin) กันก่อน
เมืองมาร์ดินมีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องประดับ ถั่วพิสตาชิโอ และละครซีรี่ส์หลายๆ เรื่อง เมืองนี้มีพรมแดนติดกับประเทศซีเรีย ซึ่งโรงแรมที่ทีมคาราวานพักห่างจากพรมแดนประมาณ 30-40 กิโลเมตร โดยมีภูเขากั้นอยู่

การเดินทางในวันนี้เข้าสู่วันที่ 30 ซึ่งภารกิจการเดินทางไปยังเมืองอะดิยามัน (Adiyaman) วันนี้มีระยะทาง 441 กิโลเมตร

เส้นทางช่วงแรกเป็นถนนสี่เลนขับผ่านที่ราบสลับเขา มีทางโค้งตามแนวเขาเข้ามาทดสอบสมรรถนะช่วงล่างของ Hilux Revo เป็นระยะ บางช่วงก็เป็นเมือง ที่ต้องจอดรถติดสัญญาณไฟแดงกัน Hilux Revo มีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start & Stop System) ทำให้เครื่องยนต์ได้พัก ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษอีกด้วย

ในวันนี้มื้อเที่ยง ทีมคาราวานแวะทานอาหารกันในบรรยากาศวิวสวยๆ ของอ่างเก็บน้ำหลังเขื่อน Ataturk ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในตุรกี น้ำในเขื่อนมีสีสวยราวกับสีของทะเลสาบวาน (Van) ที่เราผ่านมาเมื่อวานนี้

Day2_resize

ช่วงบ่ายเราเดินทางกันต่อไปยังเทือกเขาเนมรุต (Nemrut) เส้นทางช่วงนี้เป็นการขึ้น-ลงเขา ทางโค้งสลับทางราบตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงจุดขึ้นเขา เส้นทางเป็นเลนสวน แคบ มีทางโค้งและชัน แต่ช่วงล่าง DCS ทำหน้าที่ได้ดีไร้ปัญหา และไม่นานก็มาถึงยอดเขาเนมรุต (Nemrut) ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 2,134 เมตร

ภูเขาเนมรุต (Nemrut) ถือเป็นสถานที่ที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก หรือ UNESCO
ประกอบไปด้วยโบราณสถาน ประกอบกับวิวทิวทัศน์ยอดเขาที่สามารถเห็นวิวทิวเขาโดยรอบแบบ 360 องศา
ชมความงามกันพอหอมปากหอมคอ ก็กลับลงเส้นทางเดิม ระบบ DAC ก็ยังช่วยเหลือเราขณะลงทางชันเหมือนเคย ไม่ต้องแตะเบรกเช่นเคย มั่นใจและปลอดภัย นอกจากนี้ การใช้เกียร์ Sequential Shift ที่ใช้ควบคุมเกียร์ ทำให้การขับขี่เข้าโค้งได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

เดินทางกันสักพัก ก็มาถึงที่พัก เพื่อรับประทานอาหารเย็นและเตรียมตัวพักผ่อน เตรียมลุยวันถัดไป

ในตอนหน้า เพื่อนๆ มีนัดกับเมืองสุดสวยและยอดฮิต เมืองคัปปะโดเกีย (Cappadocia) !

ซึ่งยังคงเดินทางกันต่อในประเทศตุรกี อย่าลืม ทาง 9carthai เราจะมาอัพเดทให้เพื่อนๆ รับชมกันต่อ

ผู้สนใจสามารถติดตามกันได้ที่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” ง่าย ๆ เพียงแค่คลิ๊ก และพิมพ์ #hiluxrevocaravantrip รับกล้อง GoPro Hero4 และของที่ระลึกอื่น ๆ อีกมากมาย

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 8 ตะลุยตุรกี สู่ อิสตันบูล

$
0
0

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 8 ตะลุยตุรกี สู่ อิสตันบูล

Cover

3jul_2

วันที่สามสิบเอ็ด  :  3 ก.ค. 2559
เส้นทาง  :  อะดิยามัน – คัปปะโดเกีย ตุรกี

ในวันนี้ ถือเป็นวันที่คาราวาน Hilux Revo เดินทางครบ 1 เดือนเต็มแล้ว กับการเดินทางอันหฤโหด เป้าหมายวันนี้เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ … คัปปะโดเกีย (Cappadocia) ระยะทางวันนี้กว่า 611 กิโลเมตร ซึ่งคาวานออกเดินทางกันใน 8 โมงเช้า

การเดินทางวันนี้ถนนยังคงเป็น 4 เลน ขับชิดขวาตามกฎจราจรของตุรกี มีการเร่งแซงเค้นสมรรถนะอัตราเร่งของเครื่องยนต์ GD Efficient Boost บ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งยังทำได้ดีไร้ปัญหา เส้นทางนี้มีทางโค้งค่อนข้างกว้าง แต่ไม่ค่อยรับกับการขับขี่เท่าไหร่ แต่ด้วยช่วงล่าง DCS ยังคงหนึบเกาะถนน เกียร์แบบ Sequential Shift ช่วยให้การขับขี่ปรับเปลี่ยนความเร็วได้ตามต้องการ ช่วยให้ขับสนุกและปลอดภัยยามเข้าโค้งได้ดี หลังจากนั้นไม่นานทีมคาราวานก็มาถึงเมืองคัปปะโดเกีย ในเวลาประมาณ 16:00 น. พอมีเวลาให้เดินท่องเที่ยวกันเล็กน้อย

3Jul_resize

เมืองคัปปะโดเกีย (Cappadocia) มีความสำคัญมาแต่โบราณ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมในการค้าขาย แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ทอดยาวจากตุรกีไปจนประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปี ภูมิประเทศบริเวณนี้เปลี่ยนแปลงดูน่าพิศวง เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวย (คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรงเท่าที่ธรรมชาติจะสร้างสรร ชนพื้นเมืองจึงเรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” (Fairy Chimney) สถานที่แห่งนี้ ยังได้รับการรับรองจากยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย

เมื่อได้เวลาอันสมควร คณะคาราวานได้ขับรถไปยังโรงแรม Gamirasu Cave Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่ปรับปรุงจากบ้านที่เป็นที่อยู่อาศัยเดิมของคนยุคก่อนที่อยู่ในช่องเขาหินตามหน้าผา บางห้องไม่มีเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม เพราะช่วงดึก อากาศค่อนข้างเย็น

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเมืองคัปปะโดเกีย สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้ คือ การขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคนละ 140  ยูโร พรุ่งนี้จะพาไปชมวิวเมืองคัปปะโดเกียกันแบบ 360 องศา จากบอลลูนกันต่อ

4Jul_5

วันที่สามสิบสอง  :  4 ก.ค. 2559
เส้นทาง  :  คัปปะโดเกีย – พามูคคาเล่ ตุรกี

การเดินทางวันนี้มีเป้าหมายที่เมืองพามูคคาเล่ ระยะทาง 648 กม. โดยต้องตื่นกันแต่เช้ามืด เพื่อขึ้นบอลลูนเพื่อชมวิวสวย ๆ ของเมือง และแสงแรกของวัน ณ เมืองคัปปะโดเกีย กันก่อนออกเดินทาง ซึ่งใช้เวลาลอยเที่ยวชมเมืองประมาณ 1 ชม.

4Jul_3

เส้นทางวันนี้มีความสวยงามมีโค้งขึ้น-ลงเนินมาให้ไฮลักซ์ รีโว่ได้ทดสอบสมรรถนะกันอยู่ตลอดทาง ระยะทางวันนี้แม้จะยาว แต่ใน Hilux Revo คันนี้ ช่วยให้คุณเดินทางได้ไม่เมื่อยล้านัก พวงมาลัยตอบสนองดี ควบคุมง่าย ช่วงล่าง DCS ให้ความหนึบ แน่น แกร่ง ซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างนุ่มนวล ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจึงไม่เพลีย เมื่อยล้ากัน

และในวันนี้คณะคาราวานขับมาจนถึง พามูคคาเล่ (Pamukkale) ในช่วงเย็น ๆ อากาศที่นี่ไม่ร้อนมาก

เมื่อมาถึงพามูคคาเล่ ทีมคาราวานไม่รอช้าที่จะเอาเท้าแช่น้ำแร่ เพราะเชื่อกันว่าน้ำแร่นี้สามารถช่วยรักษาโรคหัวใจ ไขข้ออับเสบ ความดันโลหิตสูง และอีกหลายโรคด้วยกัน เมื่อได้เวลาก็ไปเช็คอินกันที่โรงแรม พรุ่งนี้เตรียมมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศตุรกีที่เมืองอิสเมียร์ (Izmir) กันต่อ

5Jul_08

วันที่สามสิบสาม  :  5 ก.ค. 2559
เส้นทาง  : พามูคคาเล่ – อิซเมียร์ ตุรกี

หลังจากที่เมื่อวานคณะคาราวานมีโอกาสได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ วันนี้จึงออกเดินทางกันแต่เช้า ถึงแม้เมืองอิซเมียร์ (Izmir) จะระยะทางเพียง 310 กิโลเมตร แต่ระหว่างทางมีสถานที่สำคัญ ที่พลาดไม่ได้ คือ เมืองเอฟฟิซุส (City of Ephesus) เมืองโบราณที่เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionia) จากกรีกที่อพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมืองอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล

5Jul_09

เส้นทางในช่วงต้น เป็นถนนสี่เลน ผ่านธรรมชาติอันสวยงามสลับกับชุมชน แต่หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ วิวสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนสู่ความสวยงามของทะเลอีเจียน บางช่วงเป็นทางโค้ง ให้พิสูจน์ช่วงล่าง DCS และไม่นานนัก คาราวานก็มาถึงเมืองคูซาดาสี ที่ตั้งของเมืองโบราณเอฟฟิซุส (Ephesus)

ใช้เวลาชมเมืองเอฟฟิซุสถึง 2 ชั่วโมงเต็ม จึงออกเดินทางกันต่อ ในช่วงถนน Local road ที่เป็นเลนสวน และต้องเจอกับรถของคนท้องถิ่นที่ขับเร็วกันพอสมควร ทำให้คาราวานต้องมีการเร่งแซงในบางจังหวะ สลับกับการเบรกชะลอความเร็ว ทั้งเครื่องยนต์ GD Efficient Boost และประสิทธิภาพของระบบเบรก ก็ทำงานได้ไร้ที่ติ ผ่านไปไม่นานก็เข้าสู่เมืองอิซเมียร์ ปลายทางของวันนี้

อิซเมียร์จัดว่าเป็นเมืองที่มีความคึกคักและทันสมัยที่สุด เมื่อเทียบกับหลายๆ เมืองของตุรกี ให้ความรู้สึกคล้ายอยู่ในเมืองตากอากาศของยุโรป

วันนี้คณะคาราวานมีโอกาสได้ไปสำรวจเมืองกัน โดยสถานที่แรกคือ ปราสาท Kadifekale ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นปราสาทเก่าที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ได้ชมวิวของเมืองอิซเมียร์จากมุมสูง เห็นภาพของอาคารบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายเคียงคู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างสวยงาม

และเนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูร้อน ทำให้เวลากลางวันยาวนานกว่าปกติ ซึ่งกว่าจะหมดแสงสุดท้ายของวันก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่ม คณะคาราวานจึงพอมีเวลาช่วงเย็นได้ไปเดินเล่นริมอ่าว และไปชมจตุรัส Konak สัญลักษณ์สำคัญของเมืองที่มีหอฬิกาหินอ่อนประจำเมืองตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางจตุรัส ก่อนจะกลับที่พักเตรียมมุ่งหน้าสู่เมืองอิสตันบูลในวันพรุ่งนี้

6Jul_5

วันที่สามสิบสี่  :  6 ก.ค. 2559
เส้นทาง  :  อิซเมียร์ – อิสตันบูล ตุรกี

วันนี้ถือเป็นวันที่ 34 ของการเดินทางแล้ว ซึ่งวันนี้เราจะลาเอเชีย กันที่อิสตันบูล (Istanbul) เมืองท่องเที่ยวสำคัญของตุรกีที่หลายคนใฝ่ฝัน

คณะคาราวานเริ่มออกเดินทางแต่เช้า เนื่องจากระยะทางที่ยาวไกล 670 กิโลเมตร และมีภารกิจแวะเยี่ยมชมสถานที่สำคัญระหว่างทางอีกหนึ่งแห่ง สภาพถนนในวันนี้เป็นถนนสี่เลน การขับขี่ค่อนข้างสบาย เราเลือกใช้ Power Mode ในการเร่งความเร็ว เพื่อให้ไปถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด ขับผ่านวิวทะเลสวยๆ ต่อด้วยที่ราบหุบเขา สักพักคณะคาราวานก็มาถึงสถานที่สำคัญ “กรุงทรอย” (Troy หรือ City of Troia) หลายคนคงเคยชมภาพยนตร์เรื่อง Troy (2004) นี่ล่ะ เมืองในภาพยนตร์

6Jul_3

อยู่กรุงทรอยกันพักหนึ่ง ก็รีบออกเดินทางต่อ โดยวิ่งเรียบชายทะเลมุ่งหน้าไปยังท่าเรือเฟอร์รี่เพื่อนำรถข้ามมามาร์ลา แล้วเดินหน้าต่อไปยังอิสตันบูล ขั้นตอนที่ท่าเรือไม่ยุ่งยากมากนักใช้เวลาเพียง 20 นาที คาราวานไฮลักซ์รีโว่ก็ข้ามฟากกันมาได้อย่างปลอดภัย

จากนั้นมุ่งหน้าสู่อิสตันบูล ผ่านวิวสวยๆ ของทุ่งดอกทานตะวันที่ปลูกกันตลอดสองข้างทาง เพลิดเพลินได้ไม่นาน ก็เจอกับการจราจรที่ติดขัด จึงปรับโหมดการขับมาเป็น Eco Mode เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน ซึ่งกว่าจะพ้นมาได้ก็เสียเวลาไปพอสมควร กว่าจะเข้าอิสตันบูลปาเข้าไปช่วงค่ำแล้ว ถนนบางช่วงมืด ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ของ Hilux Revo ส่องสว่างนำทางจนถึงที่พักในอิสตันบูลโดยสวัสดิภาพ

ในตอนต่อไปเราจะพาทุกท่านมาเที่ยวชมเมืองอิสตันบูล และเตรียมต้อนรับคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 5 จะมารับช่วงต่อเดินทางเข้ายุโรปกัน ซึ่งทาง 9carthai เราจะมาอัพเดทให้เพื่อนๆ รับชมกันต่อ

ผู้สนใจสามารถติดตามกันได้ที่นี่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” ง่าย ๆ เพียงแค่คลิ๊ก และพิมพ์ #hiluxrevocaravantrip รับกล้อง GoPro Hero4 และของที่ระลึกอื่น ๆ อีกมากมาย

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 9 ตะลุยตุรกี สู่ ออสเตรีย

$
0
0

Hilux Revo Caravan Trip ตอนที่ 9 ตะลุยตุรกี สู่ ออสเตรีย

day35 (2)_resize

วันที่สามสิบห้า : 7 ก.ค. 2559
เส้นทาง : อิสตันบูล ตุรกี – พลอฟดิฟ บัลแกเรีย

ในวันนี้คาราวาน Hilux Revo เดินทางมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายในทวีปเอเชียแล้วมุ่งหน้าสู่ทวีปยุโรป โดยจะข้ามช่องแคบบอสฟอรัสสู่อิสตันบูลฝั่งยุโรปและมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองพลอฟดิฟ (Plovdiv) ประเทศบัลแกเรีย โดยผู้รับไม้ต่อจะเป็นคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 5 ซึ่งเดินทางมาถึงอิสตันบูลเมื่อเช้ามืดวันนี้

ในช่วงเช้าวันนี้คณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 4 ก่อนกลับได้ออกสำรวจเมืองอิสตันบูล เมืองเดียวของตุรกีที่มีพื้นที่อยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) และทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส)

ในขณะเดียวกัน ทีมคาราวานพร้อมคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 5 ก็ออกเดินทางเป้าหมาย คือ เมืองพลอฟดิฟ ประเทศบัลแกเรีย ระยะทาง 446 กิโลเมตร คาราวานได้ขับผ่านช่องแคบบอสฟอรัสที่คั่นกลางระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรปกลางกรุงอิสตันบูล เมื่อข้ามสะพานมาก็ถือว่าเข้าสู่ทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการ ปิดฉากภารกิจในทวีปเอเชีย

day35 (1)_resize

ทีมคาราวานได้เตรียมข้ามชายแดนจากประเทศตุรกีเข้าสู่ประเทศบัลแกเรีย ซึ่งเสียเวลาที่ด่านขาออกจากประเทศตุรกีกันพอสมควร รถต้องสแกนกันหลายรอบ เสียเวลากันนาน ขณะการตรวจค้นอันเข้มข้น คณะคาราวานจึงถือโอกาสพักผ่อนเอนกายนอนกันภายในรถ ที่เรียกได้ว่ากว้างขวางและนั่งสบายที่สุดคันหนึ่ง บางคนเปิดโน้ตบุคชาร์จไฟทำงานกันในรถ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ด่านขาเข้าบัลแกเรีย ซึ่งขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเร็วกว่าที่คาดไว้ เพราะไม่มีการค้นรถ

จากนั้นคาราวานเข้าสู่ประเทศบัลแกเรีย ซึ่งวันนี้เรามาถึงพลอฟดิฟกันดึกมากแล้ว  พรุ่งนี้คาราวานจะพาสำรวจความสวยงามของเมืองพลอฟดิฟพร้อมชิมโยเกิร์ตชื่อดังกันต่อ

Day36 (1)_resize

วันที่สามสิบหก : 8 ก.ค. 2559
เส้นทาง : พลอฟดิฟ – รูเซ บัลแกเรีย

ในวันนี้ถือเป็นการเดินทางวันแรกในยุโรป เริ่มล้อหมุน 9 โมงเช้า เป้าหมายวันนี้ คือ เมืองรูเซ (Ruse) บริเวณชายแดนประเทศบัลแกเรีย มีระยะทาง 305 กิโลเมตร

โดยช่วงเช้านี้มีโปรแกรมเยือนเมืองเก่าพลอฟดิฟ (Plovdiv) ซึ่งห่างจากโรงแรมเพียง 15 นาที เราเริ่มเดินเล่นกันที่เขตเมืองเก่า มีร้านค้ามากมาย อาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ยังดูเก่าและคงความคลาสสิก

จากนั้นออกเดินทางต่อ เส้นทางในวันนี้ Hilux Revo ได้แสดงสมรรถนะหลายอย่าง

ช่วงถนนขรุขระ ช่วงล่าง DCS ของรถก็ยังนิ่ง แน่น

ภายในห้องโดยสารรู้สึกก็ยังคงให้ความสบายตลอดเส้นทาง

เมื่อขึ้นเขา และเป็นเลนสวน ไม่ว่าจะโค้งกว้างและแคบ รถยังคงเกาะแน่นหนึบ พวงมาลัยมีความแม่นยำในการเข้าโค้งเช่นเคย ช่วงลงทางชันการเบรกถือเป็นเรื่องสำคัญ เบรกได้อย่างมั่นใจ รถไม่ส่าย สมดุลดี

Day36 (2)_resize

เมื่อมาถึงยอดเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์จารึกถึงการปลดแอกของประเทศบัลแกเรีย และคาราวานได้แวะทานอาหารกลางวัน พร้อมกับชมวิวบนยอดเขาแห่งนี้ สวมงามสบายตาจากความเขียวชอุ่ม

จากนั้นเราออกเดินทางกันต่อ สภาพถนนยังคงเป็นสองเลน ผ่านเส้นทางธรรมชาติสลับกับชุมชน บางครั้งต้องเร่งแซงรถใหญ่ที่ขับอยู่ด้านหน้า การชิฟต์เกียร์ด้วยระบบ Sequential Shift ทำให้การเร่งแซงดี มั่นใจยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับกำลังเครื่องยนต์ GD Efficient Boost ได้อย่างลงตัว

เรามาถึงปลายทาง คือ เมืองเวลิโค เทอร์โนโว (Veliko Tarnovo) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยานตา (Yantra) เมืองนี้เปรียบเสมือนเมืองหลวงเก่าของประเทศ ซึ่งมีความคึกครื้นเพราะจะมีการจัดงานดนตรีช่วงค่ำ เมื่อได้เวลามุ่งหน้าสู่เมืองรูเซ (Ruse) กันต่อ

เมืองรูเซ (Ruse) เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยว จึงให้คำนิยามของเมืองนี้ว่า ”กรุงเวียนนาน้อย” (Little Vienna)

เมื่อเราเช็คอินเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินสำรวจเมืองที่ถนนคนเดินกันสักหน่อย แต่ร้านส่วนใหญ่ปิดกันแล้ว เมื่อเราเดินจนสุดทางก็กลับโรงแรมที่อยูใกล้ ๆ กัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางวันต่อไป

37 (2)_resize

วันที่สามสิบเจ็ด : 9 ก.ค. 2559
เส้นทาง : รูเซ บัลแกเรีย – บูคาเรสต์ – บราซอฟ โรมาเนีย

วันนี้ เราจะมาเดินทางข้ามประเทศกันต่อ จึงออกเดินทางกันแต่เช้า แม้ระยะทางเพียง 274 กิโลเมตร แต่ต้องเผื่อเวลาด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ชายแดนประเทศโรมาเนีย มีจุดหมายที่เมืองบราซอฟ (Brasov)

เมื่อเดินทางมาได้ไม่นาน คาราวานก็เข้าสู่ด่านตรวจขาออกของบัลแกเรีย และขาเข้าของโรมาเนีย ซึ่งไม่ได้ใช้เวลานานอย่างที่คิด เจ้าหน้าที่ตรวจเพียงแค่หนังสือเดินทางเท่านั้น ทำให้เราเข้าสู่ประเทศโรมาเนียได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะทั้งบัลแกเรียและโรมาเนียได้เข้ามาเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่างๆ จึงไม่ยุ่งยากมาก

เส้นทางช่วงต้นหลังจากผ่านเข้ามาเป็นถนนสองเลน ทิวทัศน์สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้และทุ่งหญ้าเขียวคาราวานได้แวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่เมืองบูคาเรสต์ (Bucharest) เมืองหลวงของโรมาเนีย ซึ่งการจราจรวุ่นวายพอสมควร Hilux Revo ทั้ง 9 คัน ต้องพยายามขับเกาะกลุ่มกัน มีการเร่งเครื่องยนต์และแตะเบรกกันตลอดเวลา พลังขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ GD Efficient Boost ตอบสนองได้ดี ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใด ผ่านมาไม่นานก็มาถึงร้านอาหารไทย “คุณนาย” กับเมนูอาหารที่คุ้นเคยแต่ไม่ได้ทานกันนานมากแล้ว ทั้งกะเพราหมู แกง ยำเนื้อ ปลาหมึกผัดพริก เรียกได้ว่าเป็นมื้อที่เจริญอาหารที่สุดสำหรับทุกคน

37 (1)_resize

และก่อนจะลาเมืองบูคาเรสต์ คาราวานได้ขับไปวนที่ประตูชัย Triumph Arch ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหล่าทหารหาญชาวโรมาเนียที่เสียชีวิตจากการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 1

จากนั้นจึงเดินทางกันต่อ เพื่อไปแวะชมปราสาทบราน (Bran Castle) หรือ ปราสาทแดร๊กคูล่า (Dracula’s Castle) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทที่สวยงามที่สุดในโรมาเนีย ตั้งอยู่บนยอดเขา เราจึงต้องขับขึ้นเขากันอีก ช่วงล่วง DCS ก็ทำงานดีเช่นเคย

เราได้เยี่ยมชมตัวปราสาททั้งภายนอกและภายในกันอย่างใกล้ชิด โดยภายในมีการตกแต่ง จัดแสดงไว้เสมือนจริง คล้ายพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่จำลองยุคสมัยในอดีต คาราวานเดินชมส่วนต่างๆ ของปราสาทกันจนครบถ้วน จึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองบราซอฟ (Brasov) จุดหมายของวันนี้

เมื่อเดินทางผ่านเส้นทางธรรมชาติและบ้านเรือนแบบโบราณกันมาสักพัก คาราวานก็เข้าสู่เมืองบราซอฟ เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมเมืองหนึ่งของประเทศโรมาเนีย มีความเก่าแก่ที่สามารถสืบประวัติไปได้ถึงสมัยยุคหินกันเลยทีเดียว คาราวานเริ่มสำรวจเมืองจากป้อมปราการบนเนินเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของที่พัก ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองเก่าที่สวยที่สุด มองลงไปจะเห็นจัตุรัสที่ว่าการเมือง (The Council Square) ตั้งเด่นเป็นศูนย์กลางอยู่ภายในเมืองเก่า
หลังจากเดินเล่นกันจนค่ำ ก็ได้เวลากลับไปพักผ่อน เตรียมความพร้อมเดินทางกันต่อในโรมาเนีย

day38 (2)_resize

วันที่สามสิบแปด : 10 ก.ค. 2559
เส้นทาง : บราซอฟ – เซียไวร่า – ออราเดีย โรมาเนีย

การวันนี้คาราวานเรา ยังคงอยู่กันที่โรมาเนีย วันนี้เดินทางต่อไปยังเมืองเก่าสุดคลาสสิกอีกแห่ง นั่นคือ เมืองมรดกโลกเซียไวร่า (Sighisoara) และไปจบการเดินทางวันนี้ที่เมืองออราเดีย (Oradea) เมืองชายแดนโรมาเนีย ก่อนจะเข้าสู่ประเทศฮังการีในวันพรุ่งนี้

เราออกเดินทางกัน 9 โมงเช้า ระยะทางรวม 423 กิโลเมตร วิ่งจากเขตทรานซิลเวเนีย บนถนนสองเลน ผ่านหุบเขาและโค้งค่อนข้างหลากหลาย สองข้างทางยังเป็นบรรยากาศของทุ่งใหญ่และต้นไม้สลับกับแนวเขาสีเขียว ผ่านหมู่บ้านโบราณเล็ก ๆ และปราสาทหรือป้อมปราการขนาดย่อมบนเนินเขาเป็นระยะ

ไม่นานนัก คาราวานก็เดินทางมาถึงเมืองเซียไวร่า (Sighisoara) เมืองป้อมปราการบนเนินเขา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของโรมาเนีย

day38 (1)_resize

คณะคาราวานเริ่มเดินชมเมือง ตั้งแต่ หอนาฬิกาโบราณอายุกว่า 600 ปี ใกล้ๆ กันจะเห็นอาคารสีเหลือง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าชายวลาดอีกด้วย

หลังจากเดินเล่นและรับประทานอาหารกลางวันกันเป็นที่เรียบร้อย คาราวานจึงเดินทางกันต่อ โดยเส้นทางช่วงนี้เป็นถนนสี่เลน ซึ่งเราเค้นสมรรถนะกำลังเครื่อง GD Efficient อย่างเต็มที่ ไม่นานจึงมาถึงเมืองออราเดีย

เมืองนี้ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนประเทศฮังการีเพียง 8 ไมล์เท่านั้น เราได้ออกไปเดินเล่นในเมืองเก่าและจตุรัสกลางเมืองในช่วงเย็น วันนี้มีการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลยูโรนัดชิงชนะเลิศ ระหว่างฝรั่งเศสและโปรตุเกสที่กลางจตุรัส ทำให้วันนี้คึกคักเป็นพิเศษ หลังจากเดินเล่นกันสักพักก็กลับมาพักผ่อน เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางข้ามไปยังประเทศฮังการีในวันพรุ่งนี้

day39 (2)_resize

วันที่สามสิบเก้า : 11 ก.ค. 2559
เส้นทาง : ออราเดีย โรมาเนีย – บูดาเปสต์ ฮังการี

ในวันนี้ เราจะลาประเทศโรมาเนีย เตรียมมุ่งหน้าสู่ กรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของประเทศฮังการี ดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่า กรุงปารีสแห่งยุโรปตอนกลาง ระยะทางรวมวันนี้ 318 กิโลเมตร

คาราวานวิ่งออกจากเมืองออราเดีย มาบนเส้นทางที่ค่อนข้างเรียบ ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงด่านตรวจชายแดน ขั้นตอนการผ่านแดนของทั้งโรมาเนียและฮังการีเป็นไปอย่างราบรื่น ตรวจวีซ่าและหนังสือเดินทางเท่านั้น คณะคาราวาน Hilux Revo ทั้งหมดก็เข้าสู่ประเทศฮังการีได้ทันที

หลังจากผ่านชายแดน คาราวานวิ่งสู่ถนนไฮเวย์ 4 เลน เค้นสมรรถนะกำลังเครื่องยนต์ GD Efficient Boost กันอีกครั้ง แม้จะเดินทางมาถึงวันที่ 38 ของการเดินทางแล้ว รถยังแรงดีไม่มีตก สามารถเร่งทำความเร็วแบบต่อเนื่อง ได้ตลอดเส้นทาง ขอบคุณเครื่องยนต์ที่ทรงพลังจาก Hilux Revo เพราะทำให้เราเดินทางถึงกรุงบูดาเปสต์ได้ราบรื่นภายในเวลาไม่นาน

day39 (1)_resize

เรามาถึงบูดาเปสต์ในช่วงบ่าย เคลื่อนขบวนข้ามสะพาน Chain bridge สะพานหลักของเมืองที่ทอดข้ามแม่น้ำดานูบและทำหน้าที่เชื่อมสองฝั่งของเมืองเข้าหากัน คาราวานมุ่งหน้าสู่ด้านบนของฝั่งเมืองเก่า โดยเข้าพักภายในพื้นที่ที่เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองที่โรงแรม Hilton Budapest

จากนั้นก็เที่ยวชมเมืองกันสักหน่อย จุดท่องเที่ยวหลักด้านหน้าโรงแรม ที่เรียกว่า Fisherman Bastion ซึ่งสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน รำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกราน ป้อมชาวประมงแห่งนี้ ถือเป็นจุดชมวิวรอบเมืองบูดาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง

คณะคาราวานแยกย้ายกันไปชอปปิ้งและเดินเล่นตามอัธยาศัย ในช่วงค่ำจะพบภาพความสวยงามของอาคารรัฐสภาที่เปิดไฟ ซึ่งอาคารรัฐสภาฮังการี (Hungary Parliament) เป็นรัฐสภาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ดื่มด่ำภาพความงดงามริมฝั่งแม่น้ำดานูบกันพอสมควรแล้ว คณะคาราวานจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน เก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ กับภารกิจวิ่งผ่าน 5 ประเทศภายในวันเดียว

day40 (2)_resize

วันที่สี่สิบ : 12 ก.ค. 2559
เส้นทาง : บูดาเปสต์ ฮังการี – สโลวาเกีย – สาธารณรัฐเช็ก – ออสเตรีย – เบิร์ชเทสการ์เดน เยอรมัน

วันนี้นับเป็นวันที่ท้าทายมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะต้องเดินทางวันเดียวข้ามแดนกันถึง 5 ประเทศ กับระยะทางรวม 690 กิโลเมตร ปลายทางอยู่ที่เมืองเบิร์ชเทสการ์เดน ประเทศเยอรมัน

คาราวานเริ่มออกเดินทางกันแต่เช้า เส้นทางส่วนมากในวันนี้ยังคงเป็นถนนสี่เลน คาราวานจึงใช้ความเร็วกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเร่งทำความเร็วมากแค่ไหนแต่ภายในห้องโดยสารก็ยังคงนิ่งสนิท และเงียบ มอบสุนทรีย์ได้อย่างผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียด

ไม่นานนัก เราก็เข้าสู่เขตแดนของประเทศสโลวาเกีย (Slovakia) โดยมีปราสาทบราติสลาว่า (Bratislava Castle) มองให้เห็นกันไกลๆ จากนั้นก็เข้าสู่ประเทศสาธารณรัฐเช็ก (Czech) ซึ่งเส้นทางที่คาราวานผ่านห่างจากกรุงปรากไม่ถึงร้อยกิโลเมตร ก็มาถึงเส้นแบ่งแดนเช็กและออสเตรีย (Austria) มีป้ายต้อนรับของทั้งสองประเทศตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ในวันนี้เราได้ฟังเพลงจากคลื่นวิทยุที่ค้นหาอัตโนมัติกันถึง 5 ประเทศ สามารถหาคลื่นวิทยุด้วยปุ่มบังคับบนพวงมาลัยสะดวก เพลิดเพลิน และปลอดภัย

ในวันนี้บางช่วงจะมีฝนตกลงมา ให้ทดสอบสมรรถนะของการยึดเกาะบนถนนที่เปียกลื่นกันบ้าง เพื่อย้ำความมั่นใจในช่วงล่าง DCS ไม่ว่าจะวิ่งด้วยความเร็วบนทางด่วนที่มีโค้งกว้าง สลับเนินขึ้น-ลงเขา ก็ยังมั่นใจเอาอยู่

day40 (1)_resize

ในที่สุดเราก็มาถึงปลายทางที่เมืองเบิร์ชเทสการ์เดน (Berchtesgaden) ประเทศเยอรมัน (Germany)
คาราวาน Hilux Revo เคลื่อนตัวผ่านหุบเขาที่เขียวชอุ่มและสวยงามในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในวันที่มีฝนตกลงมาแบบนี้ อากาศหลังฝนตกเย็นสบายและสดชื่น เราพักกันที่ Grunberger Hotel ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา แต่กว่าจะมาถึงก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อนทันทีที่มาถึงเพราะเหนื่อยล้ากันมาทั้งวันกับการเดินทางข้าม 5 ประเทศรวดในวันเดียว

day41 (1)_resize

วันที่สี่สิบเอ็ด : 13 ก.ค. 2559
เส้นทาง : เบิร์ชเทสการ์เด้น เยอรมัน – ลินซ์ ออสเตรีย

ในวันนี้คาราวานเราไม่เร่งรีบนัก เพราะจุดหมายปลายทางของวัน คือ เมืองลินซ์ ประเทศออสเตรีย ซึ่งอยู่ห่างเพียง 206 กิโลเมตรเท่านั้น เราจึงพอมีเวลาที่แวะเยี่ยมชมอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเยอรมันที่อยู่ระหว่างทาง นั่นคือ เคลสไตน์เฮาส์ (Kehlsteinhaus) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า รังอินทรีย์ (Eagle’s Nest) สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศเยอรมัน

การเดินทางไปเคลสไตน์เฮาส์ คณะคาราวานต้องขับรถขึ้นเขาที่มีความโค้งและชันพอสมควร แน่นอนช่วงล่าง DCS ใน Hilux Revo หนึบเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ช่วยพาคาราวานผ่านขึ้นมาได้อย่างสบายจนถึงที่หมาย ปัจจุบันเคลสไตน์เฮาส์ได้แปลสภาพเป็นภัตตาคารและจุดชมวิวบนเทือกเขาแอลป์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง น่าเสียดายที่อากาศวันนี้ปิด เราจึงรีบออกเดินทางกันต่อ

เนื่องจากฝนเพิ่งตกลงมา ทำให้การขับรถในช่วงขาลงลำบากมาก ทั้งลาดชันแล้ว ยังเปียกลื่น ขอบคุณระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ DAC ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบเบรก ABS และระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ซึ่งทั้งหมดนี้ เข้ามาช่วยให้คาราวานเราผ่านเส้นทางอันตรายไปได้ด้วยความมั่นใจและปลอดภัยดีทุกคน

day41 (2)_resize

คาราวานขับผ่านเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามของประเทศออสเตรีย สองข้างทางถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ บางช่วงจะเห็นยอดเขาที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่ ไม่นานเราก็เดินทางกันมาถึงลินซ์ (Lienz) เมืองเก่าเปี่ยมเสน่ห์ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ คาราวานเลือกพักกันที่นี่เพื่อเตรียมตัวควบ Hilux Revo ไปพิสูจน์สมรรถนะกันต่อที่ยอดเขากลอสกล็อกเนอร์ (GrossGlockner) ยอดเขาที่สูงที่สุดในออสเตรีย ที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามและเป็นเส้นทางสุดท้าทายในฝันของนักขับจากทั่วโลก

ในตอนต่อไป 9carthai เราจะพาทุกท่านมาติดตามเส้นทางสุดท้าทายของกลอสกล็อกเนอร์กันต่อ
เพื่อนๆสามารถรับชม ข้อมูลข่าวสารกันได้ที่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง

Viewing all 532 articles
Browse latest View live