Quantcast
Channel: Advertorial Archives - รถใหม่ 2025-2026 รีวิวรถ, ราคารถใหม่, ข่าวรถใหม่, รถยนต์
Viewing all 534 articles
Browse latest View live

Hilux Revo Caravan Trip ปิดฉากตอนสุดท้าย ทริปสร้างสถิติ กรุงเทพฯ-เวนิส อิตาลี

$
0
0

Hilux Revo Caravan Trip ปิดฉากตอนสุดท้าย ทริปสร้างสถิติ กรุงเทพฯ-เวนิส อิตาลี

day45_3_resize

Day42_2_resize

วันที่สี่สิบสอง  :  14 ก.ค. 2559   
เส้นทาง  :  กลอสกล็อกเนอร์ ออสเตรีย

ในวันนี้ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของการเดินทางในทวีปยุโรปคาราวาน Hilux-Revo จะไปท้าพิสูจน์สมรรถนะระดับโลกบน “กลอสกล็อกเนอร์” (GrossGlockner) ยอดเขาที่ถือว่าสูงที่สุดของออสเตรียและเป็นเส้นทางในฝันสุดท้าทายของคนที่รักการขับขี่จากทั่วโลก

ยอดเขากลอสกล็อกเนอร์ (GrossGlockner) หรือชื่อเต็มว่า The GrossGlockner High Alipine Road คือ ส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ในประเทศออสเตรีย ถือว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของออสเตรีย โดยมีความสูง 3,798 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีเส้นทางขับรถยาวประมาณ 49 กิโลเมตร ติดอันดับ 1 ใน 10 ของถนนที่มีความโรแมนติกที่สุดในโลก มีไฮไลท์ คือ วิวสุดงดงาม และมีโค้งคดเคี้ยวมากมายทุกรูปแบบ ทั้งโค้งหักศอก โค้งตัวเอส และโค้งตัวยู พับซ้อนกันไปมาบนทางขึ้น-ลงเขาแคบ ๆ และลาดชัน ซึ่งความยากเหล่านี้ ได้กลายเป็นความท้าทายที่บรรดานักขับจากทั่วโลกต่างก็อยากมาพิสูจน์ฝีมือที่นี่กันสักครั้ง

Day42_1_resize

คาราวานได้ออกเดินทางจากตัวเมืองลินซ์ มุ่งหน้าสู่ยอดเขากลอสกล็อกเนอร์ที่อยู่ห่างไปราว 40 – 50 กิโลเมตร ความท้าทายยิ่งสนุกกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ฝนตกลงมาอย่างหนัก และถือว่าเป็นฝนที่หนักที่สุดตั้งแต่ออกเดินทางกันมา ทำให้ถนนลื่นตั้งแต่เริ่มขึ้นเขา ทัศนวิสัยในการมองเห็นถูกลดทอนลงไป คาราวานต้องฝ่าไปบนทางโค้งหลายรูปแบบที่ทั้งแคบและชัน แต่ความหนึบของช่วงล่าง DCS และกำลังแรงบิดสูงสุดในรอบกว้างของเครื่องยนต์ GD Efficient Boost ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะ แกร่ง ผ่านทุกโค้งของกรอสกล็อคเนอร์มาได้อย่างเหนือชั้น

กระทั่งขึ้นไปถึงจุดชมวิว น่าเสียดายที่หลาย ๆ มุมได้ถูกเมฆหมอกจากฝนปกคลุมเอาไว้ แต่ก็ยังดูสวยงามตามธรรมชาติ และเนื่องจากหิมะเพิ่งตกเมื่อคืน บนยอดเขาเลยยังมีหิมะปกคลุมอยู่บ้าง อากาศมีอุณหภูมิประมาณ 1-3 องศาเซลเซียส หนาวหน่อย แต่ระบบทำความร้อน (Heater) ภายในรถสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย

คาราวานขับชมวิวและแวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันตลอดทาง เพื่อเก็บบันทึกไว้ในความทรงจำว่าครั้งหนึ่งได้มาพิชิตเส้นทางที่ถือว่าท้าทาย และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

Day42_3_resize

เมื่อถึงเวลาลงเขาสายฝนก็ยังตามมาส่งอย่างไม่ลดละ ทั้ลลื่นทั้งชัน แต่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะลงทางชัน หรือ DAC ช่วยเราได้มากชะลอความเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทัศนวิสัยที่เต็มไปด้วยเมฆฝน ก็แบบนี้ต้องขอบคุณไฟตัดหมอกที่มามอบความสว่างให้คาราวาน Hilux-Revo ขับตามกันปลอดภัยกลับเข้าสู่เมืองลินซ์ได้อย่างสวัสดิภาพ

วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของคาราวาน Hilux Revo ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะจริงระดับโลก ฝ่าฟันทุกอุปสรรค ทุกสภาพถนน ได้อย่างเหนือชั้น พรุ่งนี้คาราวานก็จะเข้าสู่ประเทศอิตาลี ประเทศสุดท้ายบนเส้นทางสายไหมกันแล้ว จะไปที่ไหนมาอัพเดทกันต่อพรุ่งนี้ครับ

Day43_2_resize

วันที่สี่สิบสาม  :  15 ก.ค. 2559   
เส้นทาง  :  ลินซ์ ออสเตรีย –  ลีวินโญ อิตาลี

ใกล้เข้ามาทุกทีกับภาระกิจ สู่ปลายทางที่ประเทศอิตาลี ในสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ Hilux Revo โดยวันนี้คาราวานจะมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศอิตาลี ประเทศสุดท้ายของการเดินทาง แต่วันนี้ยังไม่ใช่เมืองปลายทาง เพราะจุดหมายของคาราวานในวันนี้ คือ ลีวินโญ (Livigno) หมู่บ้านปลอดภาษีชายแดนประเทศอิตาลี มีระยะทาง 344 กิโลเมตร แม้ระยะทางไม่มาก แต่คาราวานเริ่มออกเดินทางกันแต่เช้า เพราะเส้นทางส่วนใหญ่ในวันนี้ต้องขับตัดผ่านภูเขา จึงต้องเผื่อเวลาในการขับขี่

Day43_1_resize

เมื่อจากเมืองลินซ์มาได้ไม่นานก็ถึงจุดเขตแดนเข้าประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางเป็นการขับอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์อันสวยงาม ยิ่งในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ สองข้างทางจึงเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่ม อากาศสดชื่นแต่ไม่ร้อนจนเกินไป

เส้นทางในวันนี้เต็มไปด้วยทางโค้ง ช่วงล่างที่หนึบของ Hilux Revo ก็ทำให้การเข้าโค้งเป็นไปได้อย่างสนุก มั่นใจทุกครั้ง และด้วยความที่เป็นถนนสองเลนค่อนข้างแคบ อีกทั้งรถในประเทศอิตาลีก็เยอะ เราจึงต้องเบรกกันตลอดเวลา ซึ่งระบบเบรกของ Hilux Revo ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีตลอดเส้นทาง ส่วนในช่วงที่เป็นทางตรง ระบบเกียร์ Sequential Shift ก็ช่วยให้การขับขี่สบายขึ้น เรียกได้ว่าขับสนุกกันทุกสภาพถนน

Day43_3_resize

ช่วงบ่ายหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ คาราวานได้ขับเข้าไปยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์กันเล็กน้อย ในเส้นทางที่ใกล้กับเมืองท่องเที่ยวอย่างเซนต์มอริซ (St.Moritz) เพื่อให้ได้บรรยากาศของถนนหนทางสวย ๆ ท่ามกลางความสงบของธรรมชาติเรียบทะเลสาบอันสวยงาม ก่อนจะวกกลับมายังประเทศอิตาลีอีกครั้ง จนกระทั่งมาถึงเมืองปลายทางที่ลีวินโญ

ลีวินโญ (Livigno) เป็นหมู่บ้านปลอดภาษีในหุบเขาริมชายแดนระหว่างประเทศอิตาลีและสวิสเซอร์แลนด์ ในฤดูร้อนคนจะนิยมมาเดินเล่นพักผ่อนในอากาศสบายๆ ส่วนในฤดูหนาวมีชื่อเสียงมากด้านการเล่นสกี คาราวานเราเดินทางมาถึงกันตอนค่ำ อากาศหนาวกว่าที่คิดไว้มาก ทุกคนจึงรีบแยกย้ายกันไปพักผ่อน เตรียมตัวลุยพรุ่งนี้กันต่อ

Day44_1_resize

วันที่สี่สิบสี่  :  16 ก.ค. 2559   
เส้นทาง  :  ลีวินโญ – เมตเต้ส์ อิตาลี

เข้าสู่วันที่ 44 ของการเดินทางใกล้เข้ามาทุกขฯ ทุกคนตื่นตัวพร้อมและออกมารับอากาศหนาวเย็นของลีวินโญกันแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวเดินทางเข้าสู่เส้นชัย สุดทางสายไหมของมาร์โค โปโลที่กรุงเวนิส ประเทศอิตาลี ทีมคาราวานเริ่มออกเดินทางจากลีวินโญกันช่วงสาย ๆ เส้นทางยังคงสวยงามคล้ายคลึงกับเมื่อวานนี้ มีทางโค้งเข้ามาทดสอบสมรรถนะของช่วงล่าง DCS เป็นระยะ แต่ไฮลักซ์ รีโว่ก็ยังคงแกร่ง หนึบ และเข้าโค้งได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะเดินทางอย่างหนักต่อเนื่องมา 44 วันแล้วก็ตาม เสริมความสะดวกสบายให้การขับขี่ด้วยระบบเกียร์ Sequential Shift ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นตลอดทาง

Day44_2_resize

คาราวานแวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่เมืองซีร์มิโอเน่ (Sirmione) เมืองท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของอิตาลีที่มีทะเลสาบล้อมรอบทั้งสองด้าน อีกทั้งยังอายุเก่าแก่เกือบ 2,000 ปี แต่ด้วยเวลาอันจำกัดจึงทำได้เพียงแวะรับประทานอาหารไทยกันเท่านั้น เราเดินทางกันต่อเส้นทางในช่วงบ่ายเป็นถนนสี่เลน GD Efficient Boost จึงถูกเค้นกำลังกันเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีการทำความเร็วและเร่งแซงในบางช่วง ซึ่งเครื่องยนต์ Hilux Revo ยังแรงดีไม่มีตก

Day44_3_resize

คาราวานมาถึงกรุงเวนิสในช่วงเย็น โดยหยุดคาราวานไว้ที่ฝั่งเมตเต้ส์ (Metres) ก่อนจะข้ามไปสู่เกาะเวนิสในวันพรุ่งนี้ ซึ่งวันนี้กรุงเวนิสจะมีการจัดงานเทศกาลประจำปีที่ชื่อว่า Festa del Redentore หรืองานแสดงพลุสุดยิ่งใหญ่ของเวนิส ที่บริเวณจตุรัสซานมาร์โค (San Macro) อันเป็นช่วงเวลาที่พอดีกับการเดินทางของคาราวาน เปรียบเสมือนการร่วมเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จของการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการเดินทางของคาราวาน Hilux Revo เวลาประมาณเที่ยงคืน พลุก็เริ่มจุดขึ้นอย่างสวยงาม ถือเป็นการต้อนรับคณะคาราวานสู่บ้านเกิดของมาร์โค โปโลได้อย่างน่าประทับใจ

ในวันพรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว เราจะข้ามฝั่งและชมความสวยงามของเกาะเวนิส พร้อมทั้งบรรยากาศของพิธีปิดการเดินทางอย่างเป็นทางการกันต่อ

day45_2_resize

วันที่สี่สิบห้า  :  17 ก.ค. 2559  
เส้นทาง  :  เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

ในวันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายในการเดินทางสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ “ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก กรุงเทพฯ – อิตาลี”  หลังจากผ่านการเดินทางอันยาวนานถึง 45 วัน กับเส้นทางสุดหฤโหดกว่า 20,156 กิโลเมตร วันนี้ภารกิจสุดท้าย คือ การนำรถ Hilux Revo ไปให้ถึงเกาะเวนิส สุดทางเส้นทางสายแพรไหมตามบันทึกการเดินทางของมาร์โค โปโล (Marco Polo) นักเดินทางค้าขายและนักสำรวจชื่อดังชาวอิตาลี

ในวันนี้ คณะคาราวานเราได้รับเกียรติจาก คุณวุฒิกร สุริยะฉันทนานนนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นำขบวน Hilux REvo ออกจากเมตเต้ส์ (Metres) เพื่อลงแพยนต์ล่องไปรอบเกาะเวนิส โดยตลอดเส้นทางจะเห็นอาคารบ้านเรือน และสถาปัตยกรรมสำคัญหลายแห่ง ตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งน้ำ ซึ่งถือเป็นมนต์เสน่ห์ของนครแห่งสายน้ำที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ใช้เวลาไม่นานคณะคาราวานก็เข้าเทียบท่าที่ ซาน จิโอร์จิโอ (San Giorgio) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิหารซาน มาร์โค (St.Mark’s Basilica) สัญลักษณ์สำคัญของกรุงเวนิส

day45_1_resize

เมื่อถึงซาน จิโอร์จิโอ คณะคาราวานได้รับการต้อนรับจากผู้บริหารของสื่อมวลชน ที่มารอรับการเดินทางของคาราวานบนเส้นทางสายไหมที่ยาวที่สุดในโลก ขึ้นที่เกาะเวนิส สู่จุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ คาราวานทุกคนดีใจ และภูมิใจที่ได้ร่วมคาราวาน กับความคิดในใจที่ว่า…เราถึงเวนิส เราทำได้ กับการพิสูจน์สมรรถนะจริงของ Hilux Revo ที่ขับเคลื่อนพาคณะเดินทางจากกรุงเทพมาถึงกรุงเวนิส กับเวลา 45 วันแห่งการเดินทางสุดหฤโหด ทุกรูปแบบเส้นทางที่ท้าทาย แถมยังพบกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ทุกรูปแบบทั้งอากาศร้อน แห้งแล้ง พายุฝน ลูกเห็บ ทะเลทราย ยันหิมะตก ซึ่ง Hilux Revo ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าเส้นทางจะเป็นเช่นไร อากาศจะโหดร้ายเพียงไหน ก็สามารถฝ่าฟันพาเรามาถึงจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ ต้องขอบคุณ เครื่องยนต์ใหม่ GD Efficient Boost ช่วงล่าง DCS อุปกรณ์ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกที่ช่วยให้การเดินทางแม้จะไกลแค่ไหนก็สะดวกสบาย ตอกย้ำ Hilux Revo ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง

ในช่วงบ่ายทีมคาราวานได้เข้าไปสัมผัสกับมหานครแห่งสายน้ำที่บริเวณซาน มาร์โก ชมมหาวิหารซาน มาร์โกและเก็บภาพเป็นที่ระลึก นอกจากนั้นยังได้ไปเยี่ยมเยียนบ้านของมาร์โก โปโล ที่อยู่บนเกาะเวนิสอีกด้วย เมื่อได้เวลาคาราวานได้เข้าเช็คอินที่โรงแรม JW Marriott ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัว และในช่วงค่ำก็มีงานเลี้ยงขอบคุณคณะคาราวานที่ร่วมเดินทาง เป็นการเลี้ยงปิดท้ายการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ของคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ครั้งนี้

Toyota Hilux Revo ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง


พระเอกตัวจริง ที่ช่วยให้ชีวิตปลอดภัยมากขึ้น Honda SENSING ทำความรู้จักเทคโนโลยีอัจฉริยะล่าสุดไปพร้อมๆกันที่นี่

$
0
0

พระเอกตัวจริง ที่ช่วยให้ชีวิตปลอดภัยมากขึ้น Honda SENSING ทำความรู้จักเทคโนโลยีอัจฉริยะล่าสุดไปพร้อมๆกันที่นี่

Honda-Accord-Hybrid-TH-Launch_22

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับ ยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดจากฮอนด้า กับ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่  เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา เรียกได้ว่าสร้างกระแสความน่าสนใจทั้งจากราคารุ่น Top ที่ถูกลงและมีการปรับเพิ่มออพชั่นต่างๆให้ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น

ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ชูจุดขายด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดี แรงทรงพลัง แต่ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ

ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ + มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ฮอนด้าเรียกว่า Sport Hybrid i-MMD (Intelligent Multi-Mode Drive)สามารถสร้างกำลังได้ถึง 215 แรงม้า แรงแต่ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 23.8 กม./ลิตร และปล่อยไอเสียต่ำแค่ 99 กรัม/กม. นอกจากนี้ยังวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวใน EV Drive ได้ถึงความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. รวมไปถึงการปรับปรุงแบตเตอรี่ Li-ion ใหม่ ที่มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพดีขึ้น

อย่าลืมว่ารถที่มีสมรรถนะสูงยิ่งต้องการความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น ซึ่ง Honda Accord Hybrid ได้มากับเทคโนโลยี Honda SENSING ใหม่ล่าสุด ซึ่งเรียกได้ว่า option ทั้งหลายเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถยุโรปราคาสูง แต่ Honda Accord Hybrid นั้นมีมาให้เรียกได้ว่าครบครันและคุ้มค่าเลยทีเดียว

ดังนั้นในวันนี้เราขอพาแฟนๆ ทุกท่าน มารู้จักกับเทคโนโลยี Honda SENSING ใน New Honda Accord Hybrid  กันอย่างละเอียดกันครับ

Honda SENSING ถือเป็นมิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย โดยผสานการทำงานของเรดาร์กับกล้องด้านหน้าในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน พร้อมแจ้งเตือนผู้ขับ และยังช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับและเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน

ประกอบไปด้วย 4 เทคโนโลยี ความปลอดภัย ดังนี้

CMBS

CMBS (Collision Mitigation Braking System) หรือ ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนน

ในถนนประเทศไทย เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอกันบ่อย จู่ๆ ก็มีคนเดินโผล่ออกมาตัดหน้ารถโดยที่ไม่ได้มองรถกันก่อนเลย และสิ่งที่คุณต้องทำคือ รีบเหยียบเบรกให้เร็ว หากคุณเหยียบไม่ทันก็จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

แต่ใน แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ คุณไม่ต้องกังวล เพราะ ระบบ CMBS จะช่วยตรวจจับด้านหน้ารถ ช่วยเตือนผู้ขับให้ลดความเร็ว เมื่อมีรถคันข้างหน้า รถสวนทางหรือคนเดินถนน อยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย แต่หากคุณยังไม่มีการตอบสนองใดๆ และเสี่ยงต่อการชน  ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงของอุบัติเหตุได้ มั่นใจไม่ว่าสถานการณ์ฉุกเฉินจะโผล่มาแบบไม่คาดฝันก็ตาม

CMBS:

ACC

 ACC ( Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน

หากคุณต้องขับรถบนเส้นทางไฮเวย์ มาอย่างสบายๆ และอยู่ดีๆก็มีรถขับมาแซงอยู่ด้านหน้า ถ้า หากคุณขับรถทั่วๆไป สิ่งที่คุณต้องทำคือ แตะเบรกเพื่อชะลอความเร็ว  หรือถ้าใช้  Cruise Control แบบเดิมก็จะต้องมาตั้งค่ากำหนดความเร็วกันใหม่

แต่ด้วยระบบ ACC ใน แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ รถจะชะลอรถให้คุณเองโดยไม่ต้องแตะเบรก โดยกะระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่เหมาะสม และเมื่อรถข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวออกไป แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ก็จะเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นไปยังความเร็วที่ได้ตั้งเอาไว้ในตอนแรก  ให้อัตโนมัติ

โดยที่ไม่ต้องมายกเท้าแตะเบรก และเดินคันเร่งให้เมื่อย เพียงแค่ควบคุมพวงมาลัยให้อยู่ในเลนอย่างปลอดภัยก็เพียงพอ

ACC: 

 LKAS

LKAS (Lane Keeping Assist System ) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ

หากคุณขับรถเดินทางไกล แล้วเกิดการเมื่อยล้า ในบางครั้ง เริ่มปวดแขนเวลาคุมพวงมาลัย และรถกำลังจะออกนอกเลน ต้องมาคอยเติมกำลังแขน ดึงพวงมาลัยกลับเข้ามาอยู่ภายในเลน  แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี  โดยกล้องด้านหน้าจะตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยช่วยผู้ขับให้ควบคุมรถอยู่ในเลนปกติ ทำให้คุณใช้แรงน้อยลง และมั่นใจยิ่งขึ้นว่าไม่ขับออกนอกเลน จนอาจทำให้เกิดอันตรายอย่างแน่นอน

LKAS:

 RDM

RDM  (Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning (LDW)) ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ

เคยไหมที่บางครั้งอาจขาดสมาธิในการขับรถ เช่นมัวแต่ดูโทรศัพท์ หรือ แต่งหน้า หรือจะก้มหยิบของ หรือที่เกิดขึ้นบ่อยๆจนเป็นข่าวทั่วไปคือ หลับใน จนทำให้รถเป๋ออกนอกเลน ขับคร่อมเลน และนั่นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ แต่ตอนนี้ผู้ใช้รถจะมีตัวช่วย กับระบบที่อยู่ใน แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่

เพราะระบบ RDM ใน แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ จะเข้ามาเตือนคุณทันทีว่ากำลังขับออกนอกเลน, คร่อมเลนอยู่โดยไม่ตั้งใจ ระบบก็จะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอพร้อมการสั่นที่พวงมาลัย หากคุณยังไม่ทำการแก้ไขให้รถกลับเข้ามาในเลน  มีการเบี่ยงมากขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยให้รถกลับเข้ามาในเลน แต่หากยังออกนอกช่องทางอยู่อีก (ในกรณีเส้นทึบ) ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว  เพื่อลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

RDM:

Honda-Accord-Hybrid-TH-Launch_26

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับ Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัย ที่เหนือชั้น และทำงานผสมผสานกันได้อย่างดีเยี่ยม

อย่าลืมนะครับว่ารถแรงสมรรถนะดี ใครๆก็ขับได้ แต่เรื่องระบบความปลอดภัย ที่จะช่วยทั้งชีวิตของผู้ขับ และเพื่อนร่วมถนนถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่ง Honda SENSING ถือเป็นระบบป้องกันเชิง Active ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ ก่อนที่จะไปป้องกันในเชิง Passive ซึ่งอาจจะช้าไปแล้ว

เชื่อว่าเพื่อนๆ ฟังกันแล้วคงสนใจเทคโนโลยีใน  ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ กันแล้วล่ะสิ รอติดตามชมกันได้เลย ทาง 9carthai เราจะเก็บภาพบรรยากาศและรายละเอียด ในกิจกรรม Test Drive ช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้มาให้เพื่อนๆรับชมกันก่อนใครกับ Honda Accord Hybrid ใหม่ เร็วๆนี้  หรือหากสนใจรายละเอียดก็สามารถไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.honda.co.th/th/accordhybrid/

คู่มือทดลองขับเพื่อช่วยเลือกรถคันโปรด

$
0
0

คู่มือทดลองขับเพื่อช่วยเลือกรถคันโปรด

Ecosport-Guide-to-TestDrive_063

ในวันนี้ 9carthai และ Ford เราขอพาทุกท่านมาพบกับวิธีการเลือกรถคันโปรด ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อรถคันที่ใช่ ที่ชอบ ตอบโจทย์การใช้งานของคุณอย่างครบถ้วนกัน

เมื่อเดินทางมาถึงโชว์รูม มี 4 ปัจจัยเป็นเกณฑ์การเลือกรถดังต่อไปนี้

Ecosport-Guide-to-TestDrive_122

สำรวจรอบคันรถ

Ecosport-Guide-to-TestDrive_003

– สังเกตสีรอบคันรถ ความเงาของสี การสะท้อนแสง รวมถึงความทนทานต่อรอยขีดข่วน

Ecosport-Guide-to-TestDrive_014

– สำรวจความประณีตในการประกอบรถ สังเกตรอยต่อระหว่างชิ้นส่วนว่ามีความสม่ำเสมอกันตลอดคันEcosport-Guide-to-TestDrive_108

– เช็ควัสดุของตัวรถว่ามีความแข็งแกร่งทนทานเพื่อมอบความปลอดภัยในการใช้งาน หรืออาจหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ารถได้รับการทดสอบและรับรองเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือบ้างหรือไม่

Ecosport-Guide-to-TestDrive_005

– ลองเปิดประตูรถเพื่อเช็คว่ามีความกว้างที่เหมาะสม สามารถเข้าออกได้อย่างสะดวก จากนั้นลองปิดประตูแล้วฟังเสียง เนื่องจากเสียงที่หนักแน่นสามารถบอกถึงความแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ซึ่งยังส่งผลถึงความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ควรเช็คว่าบานประตูสามารถเปิดได้กว้างเพียงพอกับการนำคาร์ซีทเข้าไปติดตั้งที่เบาะหลัง ถ้าเป็นไปได้ลองเอาคาร์ซีทไปติดตั้งเพื่อเช็คความสะดวกสบายในการติดตั้ง หรืออาจจะพาลูกของคุณไปลองรถพร้อมกัน เพื่อเช็คว่าลูกสามารถเข้าและออกจากตัวรถได้สะดวกหรือไม่

Ecosport-Guide-to-TestDrive_086

– สำรวจความจุของรถ และประเมินเมื่อเทียบกับพฤติกรรมการใช้งานของเรากับรถคันนี้ว่าความจุของรถเหมาะสม พอเพียงหรือไม่ เช่น ลองเปิดท้ายรถเพื่อให้เห็นว่ามีความกว้างเพียงพอต่อความต้องการของเราหรือไม่ สำหรับผู้ที่เดินทางเป็นประจำ ควรพิจารณาว่าประตูท้าย (หรือกระโปรงท้ายกรณีรถเก๋ง) เปิดได้กว้างพอที่จะยกกระเป๋าเดินทางใส่ได้โดยสะดวกหรือไม่ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาและมีถุงอุปกรณ์จำนวนมาก ควรมองหารถที่สามารถพับเบาะหลังได้เพื่อบรรทุกสัมภาระจำนวนมากหรือสิ่งของที่มีขนาดยาวได้ เป็นต้น

Ecosport-Guide-to-TestDrive_130

– สำหรับการเลือกซื้อรถ SUV หรือ รถกระบะ ควรพิจารณาเรื่องความสูงของรถเพื่อรองรับการใช้งานในกรณีที่ต้องขับผ่านน้ำลึก หรือในกรณีน้ำท่วม สำหรับรถกระบะควรพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องความสามารถในการลากจูงและการบรรทุกน้ำหนักอย่างน้อย 1 ตันขึ้นไป เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สมบุกสมบัน

Ecosport-Guide-to-TestDrive_121

สำรวจภายในรถ

Ecosport-Guide-to-TestDrive_078

– พิจารณาการตกแต่งภายในและความประณีตภายในรถ รถพรีเมี่ยมบางรุ่นจะมาพร้อมกับคอนโซลแบบนิ่มเพื่อเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนปะทะ

Ecosport-Guide-to-TestDrive_031

– พิจารณาวัสดุของเบาะนั่งและพวงมาลัยว่าเป็นแบบที่ชอบหรือไม่

Ecosport-Guide-to-TestDrive_142

– เบาะที่นั่งรองรับร่างกายได้ดีหรือไม่ เบาะที่ดีควรจะแน่นและบังคับให้กระดูกสันหลังของผู้ขับขี่ตั้งตรงโดยอัตโนมัติเพื่อมอบความปลอดภัยที่มากขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงหมอนรองศีรษะก็ไม่ควรที่จะเอียงไปด้านหลังจนรู้สึกสบายเกินไป เพราะอาจจะเกิดอันตรายกับกระดูกต้นคอเมื่อเกิดการชน

Ecosport-Guide-to-TestDrive_120

– เบาะที่นั่งด้านหลังควรจะยาวพอที่จะรองรับช่วงต้นขาได้ทั้งหมดเมื่อนั่งลงไป เพราะผู้โดยสารด้านหลังจะสามารถนั่งทางไกลได้โดยไม่ปวดเมื่อย

Ecosport-Guide-to-TestDrive_129

– สำรวจห้องโดยสารว่ามีความสูงและกว้างถูกใจตามที่ต้องการ

Ecosport-Guide-to-TestDrive_033

– สำรวจช่องเก็บสิ่งของว่าเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ ลองจินตนาการถึงเวลาใช้งานจริงว่าต้องเอาอะไรขึ้นรถไปด้วยบ้าง เช่น บางคนต้องมีแก้วกาแฟติดตัวเป็นประจำ บางคนชอบวางโทรศัพท์ไว้ใกล้มือ ลองดูว่าช่องใส่ของเหล่านี้มีเพียงพอและสามารถหยิบถึงได้โดยง่ายหรือไม่

Ecosport-Guide-to-TestDrive_032

ทดลองขับ
– ลองปรับตำแหน่งที่นั่งให้สบายที่สุด แล้วพิจารณาว่ายังสามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ดีอยู่หรือไม่ รวมถึงเช็คการมองกระจกหลังและกระจกข้างว่าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน จากนั้นเอื้อมมือลองใช้ปุ่มคอนโทรลต่างๆ เพื่อเช็คความสะดวกสบายในการใช้งาน ผู้ขับขี่ไม่ควรที่จะต้องเอี้ยวตัวมากเกินไปเพื่อปรับเสียงวิทยุหรือใช้งานปุ่มต่างๆ เพื่อความปลอดภัยเวลาขับรถ

Ecosport-Guide-to-TestDrive_044

– ปรับตำแหน่งพวงมาลัยให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ ไม่บังหน้าปัทม์

Ecosport-Guide-to-TestDrive_030

– ลองสตาร์ทเครื่องแล้วนั่งเฉยๆ ผู้ขับขี่ไม่ควรรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องดีเซลก็ตาม รถยนต์ที่ดีควรได้รับการออกแบบให้ดูดซับแรงสะเทือนอย่างเพียงพอ

Ecosport-Guide-to-TestDrive_042

– ลองเปิดหน้าต่าง ฟังความดังของเสียงเครื่องยนต์ว่าเป็นอย่างไร และเปรียบเทียบกับเวลาปิดหน้าต่างเพื่อเช็คว่าเสียงเครื่องยนต์เข้ามาในห้องโดยสารมากเกินไปหรือไม่

– ถ้ามีโอกาสขับออกไปช่วงแดดจ้า ให้ลองสังเกตว่าในห้องโดยสารมีอะไรที่สะท้อนแสงแยงตาเวลาขับหรือไม่ เพราะว่าเวลาขับจริงๆแล้ว ผู้ขับจะต้องอยู่ในสภาวะนั้นเป็นเวลานาน จึงไม่ควรที่จะมีอะไรมารบกวนทัศนวิสัย รวมถึงลองเปิดแอร์ดูว่าเย็นเร็วหรือไม่ หากว่าเร่งความแรงของแอร์แล้วต้องรอเวลานานกว่าอากาศจะเย็นสบายทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร อาจจะไม่สะดวกสบายเท่าไรเวลาใช้งานจริงในสภาวะอากาศร้อนจัดอย่างในประเทศไทย

– ลองขับด้วยความเร็วระดับต่ำ สำหรับพวงมาลัยที่มีระบบไฟฟ้าควรมีน้ำหนักเบาในขณะขับที่ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำเพื่อมอบความสบายให้แก่ผู้ขับขี่ จากนั้นลองขับช้าๆ สลับกับเบรค เพื่อดูว่าความลึกของเบรคเหมาะสมหรือไม่ เบรคไม่ควรไวเพียงแค่แตะก็เบรคกะทันหัน ไม่นุ่มนวล แต่ก็ไม่ควรลึกเกินไปเพราะว่าอาจเกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ ลองเช็ควงเลี้ยวของพวงมาลัยว่าแคบพอหรือกว้างเกินไป โดยเฉพาะรถคันใหญ่หรือรถกระบะ บางคันอาจจะมีรัศมีวงเลี้ยวที่กว้างกว่าซึ่งผู้ขับขี่บางคนอาจจะรู้สึกว่าขับยาก และควบคุมลำบากในเวลาที่ต้องเลี้ยวมุมแคบ หรือต้องกลับรถเพราะไม่สามารถถอยหลังตั้งลำใหม่ได้

– ลองขับผ่านลูกระนาดในความเร็วต่ำเพื่อเช็คว่าพวงมาลัยมีการดึงกลับหรือไม่ รวมถึงการลองปล่อยมือออกจากพวงมาลัยเล็กน้อย พวงมาลัยไม่ควรปัดไปมาจนเกินไปเมื่อวิ่งบนลูกระนาด รถที่ดีควรจะมีระบบที่ดึงพวงมาลัยกลับ ไม่ให้หมุนไปมาจนเกินไปเมื่อวิ่งบนถนนขรุขระ

Ecosport-Guide-to-TestDrive_043

– ถ้าสามารถทดสอบบนทางโค้งได้ ลองเข้าโค้งด้วยความเร็วประมาณ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำรวจว่ารถแกว่งหรือไม่ โดยเฉพาะรถยกสูงอย่างกระบะ หรือรถ SUV อาจจะมีอาการโยนได้ รถที่ดีต้องมีช่วงล่างแน่น ไม่เทไปข้างใดข้างหนึ่งเวลาเข้าโค้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่และมอบความปลอดภัยที่สูงขึ้น

– เพิ่มความเร็วขึ้นมาที่ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลองหมุนพวงมาลัยเร็วให้เหมือนกับว่าต้องหลบสิ่งกีดขวางในระยะกระชั้นชิด เมื่อทำความเร็วขึ้นมาแล้ว พวงมาลัยไฟฟ้าควรจะหนักขึ้นเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมรถ นอกจากนี้ลองดูว่าตัวรถมีการทรงตัวที่ดีพอเมื่อมีการหักหลบ เพราะจะลดความเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำได้

– ลองเหยียบให้ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง สังเกตความเร็วรอบของเครื่องยนต์ โดยทั่วไปแล้ว ไม่ควรเกิน 2,000 รอบ/นาทีในความเร็วระดับนี้ ถ้ารอบยิ่งต่ำก็จะยิ่งประหยัดน้ำมันดีขึ้น

– เมื่อได้ความเร็วที่สูงขึ้น ลองฟังเสียงในห้องโดยสารและเปรียบเทียบกับเวลาที่รถติดเครื่องแต่จอดนิ่ง เพื่อเช็คว่าเสียงเครื่องยนต์ขณะที่รถวิ่งอยู่เข้ามาในห้องโดยสารหรือไม่ รวมถึงเช็คเสียงลมที่ปะทะกับตัวรถว่าเข้ามาในห้องโดยสารมากเกินไปหรือไม่

– หากสามารถขับด้วยความเร็วในระยะทางยาวได้ ลองไล่ความเร็วจากระดับต่ำไปสูงโดยใช้สไตล์การขับแบบปกติ แล้วลองดูว่าเกียร์หน่วงหรือไม่ เกียร์ที่ดีควรจะส่งให้อัตราเร่งเป็นไปได้อย่างใจโดยไม่กระชาก

Ecosport-Guide-to-TestDrive_050

เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย

นอกเหนือจากสมรรถนะการขับขี่ที่จะมอบความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ ปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ต่างนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้มีความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อรถ อาทิ

– ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ เมื่อกดปุ่ม ระบบจะควบคุมความเร็วตามที่คุณกำหนด และจะรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าให้อัตโนมัติ โดยระบบจะช่วยเบรกและเร่งความเร็วให้ตามระยะห่างจากรถคันหน้าโดยที่คุณไม่ต้องคอยเหยียบเบรกและคันเร่ง หรือปิด-เปิดระบบควบคุมความเร็วใหม่

– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ในเหตุการณ์ที่รถของคุณเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวระบบจะช่วยหักพวงมาลัยเล็กน้อยเพื่อช่วยให้รถคุณกลับเข้ามาในเลน หากทิศทางของรถยังคงเบี่ยงออกเลน ระบบจะเตือน โดยการสั่นที่พวงมาลัย

– ระบบเตือนการชนด้านหน้า กล้องเรดาร์หน้ารถจะคอยตรวจจับระยะห่างระหว่างรถคันหน้า หากระบบพบความเสี่ยงที่จะเกิดการชน ไฟเตือนจะขึ้นบนกระจกหน้ารถคุณ และถ้ารถเคลื่อนไปในระยะกระชั้นชิดกว่านั้นไฟจะกระพริบ พร้อมมีเสียงเตือน โดยระบบจะเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้พร้อม เพื่อให้รถหยุดได้เร็วขึ้นเมื่อคุณแตะเบรก

– ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ ระบบจะคอยสังเกตพฤติกรรมในการขับขี่ของคุณอยู่ตลอดเวลา โดยใช้กล้องหน้ารถในการตรวจจับลักษณะการวิ่งของรถบนเส้นถนน ถ้ารถเริ่มส่ายไปมาผิดปกติ ระบบจะประเมินถึงความจำเป็นที่ผู้ขับขี่ต้องหยุดพักและจะมีสัญญาณเตือนขึ้นบนหน้าจอแสดงผล

–  ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ ระบบจะทำการตรวจจับแสงไฟด้านหน้ารถ เมื่อมืดสนิทระบบจะทำการเปิดไฟสูงอัตโนมัติ และเมื่อตรวจจับพบแสงไฟของรถที่สวนมา ระบบจะปิดไฟสูงให้ทันที

– ระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด จะช่วยเตือนหากมีรถวิ่งตัดผ่านด้านหลังในขณะที่คุณกำลังถอยรถออกจากช่องจอด

– ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ เซ็นเซอร์ที่ติดอยู่บริเวณกระจกหน้ารถทำการตรวจจับ หากรถเข้าใกล้รถคันหน้าเร็วเกินไป ระบบจะเตรียมควบคุมเบรก หากผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ทันท่วงที ระบบจะลดแรงบิดของเครื่องยนต์และเบรกอัตโนมัติ เพื่อป้องกันหรือลดแรงปะทะจากการชน

– ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ระบบจะช่วยหาช่องจอดที่เหมาะสม และถอยรถเข้าจอดอัตโนมัติโดยคุณเพียงแค่ควบคุมเกียร์และเบรกเท่านั้น

Ecosport-Guide-to-TestDrive_049

– ระบบการสั่งงานด้วยเสียง ระบบจะพร้อมรับฟังคำสั่งจากคุณ ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อเพื่อสั่งโทรออก หรือเล่นเพลงที่คุณชอบ โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย หรือละสายตาจากท้องถนน เป็นประโยชน์เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับคู่มือแนะนำในทดลองขับ เพื่อเลือกรถคันโปรดที่ตอบโจทย์การใช้งานคุณที่สุด หากเพื่อนๆ สนใจรถที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยเป็นเลิศ แล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมพร้อมทดลองรถที่โชว์รูม Ford ใกล้บ้านกันนะครับ

Nissan Intelligent Safety  มิติใหม่ของความปลอดภัยในรถยนต์ 

$
0
0

Nissan Intelligent Safety  มิติใหม่ของความปลอดภัยในรถยนต์  

NISSAN TEANA ใหม่

คุณเคยสังเกตการแข่งขันแรลลี่มั้ย? ว่าทำไมถึงต้องมีเนวิเกเตอร์อีกคนนั่งคู่ไปกับนักแข่ง นั่่นก็เพราะเมื่อเราควบคุมพาหนะที่มีความเร็วสูง ระบบประสาทรับรู้และการตัดสินใจของคนขับเพียงคนเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการควบคุมรถให้ปลอดภัย จึงต้องมีเนวิเกเตอร์มาช่วยนำทางและช่วยสังเกตเหตุการณ์รอบๆ ไปพร้อมกัน

บนถนนหนทางที่เราขับรถกันในชีวิตประจำวันก็เช่นกัน ปัจจุบันก็เต็มไปด้วยยวดยานพาหนะ สภาพถนนที่แตกต่าง และสารพัดปัจจัยที่มากเกินกว่าผู้ขับขี่เพียงลำพังจะคาดการณ์หรือตัดสินใจในภาวะฉุกเฉินได้ ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลายจึงต่างพยายามจะคิดค้นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่จะมาช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งเราจะพบได้ในอุปกรณ์หลายอย่างที่ติดมากับรถ อาทิ ระบบเบรก ABS ระบบช่วยควบคุมการหักเลี้ยวขณะเข้าโค้ง(ATC) หรือกล้องมองหลังช่วยในการเข้าจอดรอบทิศทางโดยกล้อง 4 จุดรอบคัน(AVM) ฯลฯ ซึ่งเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยนี้ปัจจุบันได้ก้าวล้ำไปมาก ในรถหนึ่งคันอาจมีอุปกรณ์และเซ็นเซอร์ต่างๆ นับร้อยจุดที่ติดตั้งอยู่และจะออกมาช่วยเหลือเราให้ขับขี่อย่างปลอดภัยในยามฉุกเฉิน โดยที่บางครั้งเราอาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำว่าระบบความปลอดภัยนั้นได้เริ่มทำงานแล้ว

 Nissan Intelligent Safety Shield  
นิสสันเป็นอีกค่ายรถยนต์หนึ่งที่มุ่งมั่นพัฒนาระบบความปลอดภัยในรถพัฒนาอย่างจริงจัง ซึ่งเรียกขานระบบความปลอดภัยของเขาว่า “Nissan Intelligent Safety Shield®” ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยรวมในรถที่่แบ่งหน้าที่การทำงานออกเป็น 3 กลุ่มหลักคือ Monitor, Respond และ Protect โดยขั้นตอนการทำงานจะเกิดขึ้นเรียงตามลำดับเริ่มจาก

Monitor  
ด้วยการสแกนตรวจสอบรอบตัวรถ รวมถึงรถคันหน้า และวัตถุรอบข้างด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อแจ้งผู้ขับขี่ถึงสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ระบบเหล่านี้ได้แก่ Blind Spot Warning (BSW) แจ้งเตือนจุดอับสายตา Around View Monitor (AVM) ที่จะจำลองภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอบริเวณคอนโซล ช่วยให้คุณมองเห็นรอบทิศทางแบบ 360 องศา ด้วยกล้อง 4 จุดรอบคัน แล้วนำมาประมวลผลเป็นภาพจากมุมสูงเพิ่มความปลอดภัยขณะจอดรถได้มากยิ่งขึ้น

AVM1.jpg.ximg.l_12_m.smart 1

หรือ Lane Departure Warning (LDW) ระบบเตือนให้รักษาตำแหน่งรถในช่องทางซึ่งจะแจ้งเตือนเมื่อรถเคลื่อนไหวในทิศทางที่ออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจขณะที่มีความเร็วสูงกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง


Respond  

เป็นระบบที่จะสั่งการทำงานให้รถตอบสนองแก้ไขอาการผิดปกติติดในการทรงตัวให้ตัวรถกลับมาอยู่ในการควบคุมได้อย่างเดิม ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับความผิดปกติของตัวรถ เช่นการลื่นไถล ล้อล็อคเมื่อเบรกรุนแรง หรืออาการหน้าดื้อโค้งและท้ายปัด ซึ่งจะสั่งงานให้ระบบเบรก ABS ทำงาน  หรือระบบ TCS  เป็นระบบที่ช่วยให้คุณขับขี่บนถนนที่มีความลื่นได้ดีขึ้นโดยล้อไม่หมุนฟรี ระบบช่วยควบคุมทิศทางขณะเลี้ยว Active Trace Control (ATC) ช่วยให้เข้าโค้งได้ปลอดภัยขึ้นป้องกันอาการหน้าดื้อโค้ง อาการหลุดโค้งขณะหักเลี้ยว โดยระบบ ATC จะส่งแรงเบรกไปชะลอ 2 ล้อด้านในที่หักเลี้ยว เพื่อช่วยรักษาทิศทางของตัวรถให้เคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือระบบ Brake Assist (BA) ที่ช่วยให้เราเบรกรถได้ระยะสั้นลงด้วยการสั่งเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกสูงสุดในกรณีที่เราเหยียบเบรกไม่แรงพอ

ATC.jpg.ximg.l_6_m.smart

ABS.jpg.ximg.l_6_m.smart


Protect  
และสุดท้ายเมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้ นิสสันก็ยังมีระบบความปลอดภัยแบบ Protect ที่จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย อาทิ ระบบถุงลมนิรภัยที่ทำงานร่วมกับการเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ ถุงลมSRS คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง รวม 6 จุดที่จะกางออกมาปกป้องผู้โดยสารซึ่งช่วยลดอาการบาดเจ็บขณะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น

1469162590375

แล้วระบบเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้จริงกับรถยนต์ในเมืองไทยหรือยังล่ะ?  แน่นอนครับถ้าคุณมีโอกาสได้ลองขับนิสสัน เทียน่า รุ่นใหม่ คุณจะพบว่าระบบเหล่านี้ได้ถูกติดตั้งไว้ในรถของคุณทั้งหมดแล้ว และยังมีระบบใหม่ๆ ที่นิสสัน เทียน่าได้นำมาเซอร์ไพรซ์ผู้ใช้รถชาวไทยอีกหลายอย่างในนิสสันเทียน่า


3D1.jpg.ximg.l_full_m.smart

อาทิ  Up 3D Display ระบบหน้าจอแบบ 3 มิติ ที่จะแสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการขับขี่ทั้งหมดราวกับคุณมีเนวิเกเตอร์ส่วนตัวเดินทางไปด้วย โดยจะผสานการทำงานของระบบเตือนต่างๆ เข้าด้วยกัน อาทิ ระบบเตือนให้รักษาตำแหน่งรถในช่องทาง (Lane Departure Warning: LDW) ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW)  ที่เยี่ยมมาก ๆ สำหรับคนที่ต้องถอยรถจอดในอาคารจอดรถแคบ ๆ นอกจากนี้ยังมีลูกศรนำทางและระยะทางก่อนถึงทางแยกข้างหน้าบอกผู้ขับขี่ให้เตรียมเปลี่ยนเลนได้อย่างถูกต้อง แจ้งข้อมูลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย ความเร็วเฉลี่ย ระยะทางที่ขับขี่ แจ้งเตือนต่างๆ เช่น เมื่อคุณปิดประตูไม่สนิทหรือเปิดไฟทิ้งไว้ ฯลฯ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความสะดวกสบายและความปลอดภัยส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์นิสสัน เทียน่า ยังมีเทคโนโลยีแห่งความปลอดภัยอีกมากมายในรถคันนี้ที่จะสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ขับขี่เสมือนมีเนวิเกเตอร์หรือ Co-Driver ที่จะช่วยระแวดระวังให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้ขับรถคันนี้เพียงลำพังอีกต่อไป

NISSAN TEANA ใหม่

Ext3.jpg.ximg.l_12_m.smart

ลองควบสองพี่น้อง GL-Class Mercedes-Benz GLA250 AMG Dynamic และ GLC 250d 4MATIC AMG Dynamic ครอสโอเวอร์ และ SUV สปอร์ต จากค่ายตราดาว หล่อหรูดูดีสมสมรรถนะ

$
0
0

ลองควบสองพี่น้อง GL-Class Mercedes-Benz GLA250 AMG Dynamic และ GLC 250d 4MATIC AMG Dynamic ครอสโอเวอร์ และ SUV สปอร์ต จากค่ายตราดาว หล่อหรูดูดีสมสมรรถนะ

MBTH-Caravan_4

เมื่อช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา ทาง Mercedes-Benz Thailand ได้จัดทริป Mercedes-Benz Star Charity ควบรถ SUV ตระกูล GL-Class ลงทำความดีเพื่อสังคม โรงเรียน เยาววิทย์ จังหวัดพังงา

MBTH-Caravan_6

ซึ่งในครั้งนี้ ทาง Mercedes ได้นำทัพสื่อมวลชนร่วมเดินทางในเส้นทางกรุงเทพฯ – พังงา ทดสอบสมรรถนะยนตกรรมในกลุ่ม SUV ครบทั้งพอร์ทโฟลิโอจำนวนรวมกว่า 15 คัน ได้แก่ Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium, Mercedes-Benz GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC Exclusive, Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic โดย 9carthai ของเราได้รับเกียรติในการเข้าร่วมทริป Mercedes-Benz Star Charity #StarDrive ทำความดีเพื่อสังคมในครั้งนี้ด้วย

และ ทางเราได้มีโอกาสควบรถ 2 รุ่น ได้แก่ GLA250 AMG Dynamic และ GLC250d AMG 4Matic ซึ่งเราจะขอมานำเสนอกับการีวิวรถทั้ง 2 รุ่นนี้กันครับ

เริ่มที่ GLA250 AMG Dynamic กันก่อนเลย

GLA250-AMG-Dynamic_32

ดีไซน์ภายนอก GLA นั้นถือเป็นรถในสไตล์ Compact Crossover เล็ก ที่ดีไซน์ออกแบบได้ถึงภาพความหรูในแบบรถ Mercedes ยุคใหม่ แต่คงความสปอร์ตไว้อย่างชัดเจน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าครีบระบายอากาศคู่ที่ช่วยเน้นให้ตัวรถกว้างขึ้น ตกแต่งด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียมแบบ 2 แถบ พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ตรงกลาง ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ ไฟหน้าแบบไบซีนอน (bi-xenon) ไฟ daytime แบบ LED

GLA250-AMG-Dynamic_35

ล้อ AMG ขนาด 19”  และชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง

GLA250-AMG-Dynamic-Interior_9

นอกจากนี้ยังมากับออปชั่นหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความดูดีมีระดับในรถ Compact Crossover คันนี้

GLA250-AMG-Dynamic-Interior_8

ดีไซน์ภายใน ยังคงยุดพื้นฐานจาก A-Class ที่เน้นความ Compact เรียบง่าย แต่ฟังก์ชั่นครบครัน ดูสปอร์ตและสง่างาม

เบาะนั่งหุ้มหนัง Artico สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง

เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ

GLA250-AMG-Dynamic-Interior_7

เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3 / 2:3 หรือจะพับราบเพื่อขยายพื้นที่วางของจาก  421 ไปเป็น 1,235  ลิตร ก็ทำได้

GLA250-AMG-Dynamic_11

ระบบปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติ ที่ช่วยให้คุณแม่บ้านไม่ต้องมาเหนื่อยจากการปิดประตูท้ายอันแสนหนัก แบบที่พบใน GLA200 Urban อีกต่อไป

GLA250-AMG-Dynamic-Interior_6

ด้วยการที่ทริปนี้เราเน้นเดินทางกันไกลพอสมควร GLA นั้นจึงอาจพบว่าภายใน GLA นั้น อาจอึดอัดไปบ้าง ตัวเบาะแบบ Semi Bucket Seat ที่ทำให้การนั่งนั้นถูกบล็อกอยู่ในทรง ไม่สามารถตะแคงคอนอนได้ แต่หากคุณต้องการขับขี่แบบสปอร์ตละ ก็ความกระชับต่อสรีระการขับนั้น GLA250 นี้ ถือว่าทำได้ดีไม่แพ้รถสปอร์ตเลย

GLA250-AMG-Dynamic_21

อีกจุด ก็คือ ทัศนวิสัยภายในห้องโดยสารที่ดูค่อนข้างแคบ และมีมุมอับพอสมควร ได้แก่ ที่เสา B  ด้านข้าง และกระจกมองหลัง

GLA250-AMG-Dynamic_25

ด้านเครื่องยนต์ เป็นเบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ ความจุกระบอกสูบ 1,991cc กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-1,400 จับคู่เกียร์ 7 Speed DCT มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุดสูงถึง 235 กม./ชม.

GLA250-AMG-Dynamic_17

แม้ว่าจะมาในคราบ Crossover แต่ด้วยขนาดตัวที่เล็ก และมากับขุมพลังที่แรงเช่นเดียวกับ Sport Compact อย่าง A250 AMG จึงทำให้รถ GLA250 AMG คันนี้ ที่เป็นรถเล็กคันน้องสุดของขบวน เป็นรถที่ขับสนุกและดูจี๊ดจ๊าด แถมคล่องตัวที่สุดในขบวนนี้

GLA250-AMG-Dynamic_24

อัตราเร่งช่วงออกตัว หวือหวา แรงในแบบรถสปอร์ต ยิ่งทอร์คที่มาหนักตั้งแต่รอบต่ำช่วยให้รถพุ่งทะยานออกตัวอย่างรวดเร็ว ถ้ากดคันเร่งแรงไปหน่อย อาจพบอาการล้อฟรีเล็กๆ ก่อนที่ระบบ TCS จะเข้ามาช่วยตัดกำลังให้ได้ Grip การยึดเกาะที่เหมาะสม เรียกได้ว่าต้องการความเร้าใจเมื่อใด แค่ Kick Down ลงไป รอบเครื่องลากเข้าสู่ Redine คุณก็ได้พบอัตราเร่งที่ดึงให้หลังติดเบาะได้อย่างสนุกสนาน

นอกจากนี้ระบบเกียร์ DCT 7 Speed ช่วยให้การส่งกำลังเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง ไม่ว่าจะ Shift เกียร์เอง หรือ ให้รถเปลี่ยนเกียร์เองอัตโนมัติ ก็ทำได้รวดเร็ว ไหลลื่น ขณะที่ ยังคงให้ความเร้าใจในจังหวะเปลี่ยนเกียร์อยู่พอสมควร

GLA250-AMG-Dynamic-Interior_3

ในส่วนของการควบคุมนั้น พวงมาลัยผ่อนแรงไม่เบานัก อาจมีผลจากล้อ 19” แต่ถือว่าน้ำหนักนั้นตึงมือดี ให้การควบคุมที่มั่นคงดี ในการขับเคลื่อนที่ความเร็วสูง แต่เชื่อได้ว่าถ้ามาขับในเมือง อาจจะหนักมือไปเสียหน่อย หากต้องหักวงเลี้ยวบ่อยๆ ที่ความเร็วต่ำ

GLA250-AMG-Dynamic_13

ขณะที่ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับรถ A-Class เลย ให้อารมณ์ติดสปอร์ต ขับสนุก และเกาะถนนได้อย่างดิบดีบนพื้นถนนที่เป็นทางเรียบ ขณะที่การขับผ่านเส้นทางกึ่ง Off-Road นั้น ก็ยังพอทำได้ ให้ความแน่นเฟิร์มจากช่วงล่างระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการใช้ล้อขอบ 19” แบบสปอร์ต อาจจะให้สัมผัสที่แข็งกระด้างไปนิด

คือสรุปได้ว่า ลุยแบบเล็กๆ ใช้งานบนเส้นทางถนนที่ไม่สมประกอบนั้น ยังทำได้สบาย แต่ถ้าละเอาไปขับลุย Off-Road แบบพี่ใหญ่ คันอื่นๆ อาจจะยังไม่เหมาะนัก กับสไตล์ขับ 2 ล้อหน้า Crossover เช่นนี้

มาต่อที่ Mercedes-Benz GLC250d 4MATIC

GLC250d-AMG_01_resize

ดีไซน์ภายนอก Mercedes-Benz GLC250d 4MATIC ยังคงยึดปรัชญาทางการออกแบบที่สวยงามและเรียบง่าย ตามแบบฉบับรถยนต์ C-Class W205 ซึ่ง GLC 250 d 4MATIC มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน คือ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD  และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic

GLC250d-AMG_03_resize

ทั้งสองมาพร้อมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System  และไฟ daytime แบบ LED fibre-optic  ระบบไฟหน้าเลี้ยวตามพวงมาลัย ALS และระบบ Cornering Light พวงมาลัยเลี้ยวตามขณะเข้าโค้ง

GLC250d-AMG_02_resize

ลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้ายเสริมภาพสปอร์ตไปในตัว นอกจากนี้ยังมี Panoramic Sunroof ปรับไฟฟ้า ติดตั้งมาให้

โดย รุ่น OFF-ROAD จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19” ขณะที่ AMG Dynamic ใช้ล้อ AMG 20” และชุดแต่ง AMG bodystyling  (กันชนหน้า-หลัง)

GLC250d-AMG_05_resize

โครงสร้างตัวถัง GLC ใช้วัสดุอลูมิเนียมและโลหะความทนทานสูง ทำให้น้ำหนักของตัวรถเบาลงกว่ารถยนต์รุ่น The GLK-Class ถึง 50 กิโลกรัม

GLC250d-Interior_09

ดีไซน์ภายใน GLC-Class ได้ถอดแบบออกมาจาก C-Class ที่ออกแบบโดยเน้นความหรูหรา ทันสมัย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้ ทั้งสองรุ่นถูกตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Open-pore brown ash wood

GLC250d-Interior_02

หน้าจอ Multimedia แบบ Freestand ตั้งอยู่บนแผลคอนโซลด้านบน โดยสามารถควบคุมผ่านปุ่มวงกลมที่ใช้บิดหมุน หรือจะผ่านแผง Touch Pad ก็ทำได้

GLC250d-Interior_05

รุ่น AMG Dynamic คันนี้ยังมาพร้อมเครื่องเสียง Burnester สุดพรีเมี่ยม เช่นเดียวกับ C-Class

GLC250d-Interior_03

ด้านเทคโนโลยี GLC Class ทั้ง 2 รุ่น มากับระบบ PARKTRONIC ช่วยจอด และ Dynamic Select ปรับโหมดขับขี่ได้ถึง 5 แบบ
– Eco, Comfort, Sport, Sport+ และ Individual

GLC250d-Interior_06

เบาะนั่งปรับไฟฟ้านั้น ยังคงให้ความกระชับได้ดีเช่นเดียวกับ C-Class และให้ความสบายพอตัว ในขณะที่เบาะนั่งตอนท้ายนั้นอาจจะดูแคบไปเสียหน่อยหากต้องนั่งโดยสารเดินทางไกลเป็นเวลานาน

GLC250d-Interior_07

ในส่วนของห้องสัมภาระท้ายขนาด 550 ลิตร เมื่อพับเบาะลงราบด้วบระบบอัตโนมัติความจุจะมีมากถึง 1,600 ลิตร

GLC250d-AMG_24_resize

เครื่องยนต์แบบดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 2,143cc มอบกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 -1,800 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ถ่ายทอดกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ด้วยระบบ 4MATIC มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.6 วินาที และความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม. ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียถึง Euro 6 หากเทียบกับรถ GLK-Class จะลดการใช้พลังงานลงกว่า 19%  และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง 19% เช่นกัน

GLC250d-AMG_11_resize

ในด้านของสมรรถนะการขับขี่ด้วยขุมพลังดีเซล ที่เน้นทอร์ค จากรอบต่ำ ช่วยเรียกแรงบิดมาได้ทันที แม้ทอร์คจะหนัก แต่ด้วยรูปแบบเกียร์และเครื่องยนต์ GLC250d นั้นไม่ได้ ดูจัดจ้านแบบ GLA250 เน้นความราบรื่น สมูทนุ่มนวลของการส่งกำลังเครื่องยนต์

ขณะที่การใช้งานนั้น พบว่ายังคงมีกำลังที่ดี และแรงเพียงพอต่อการใช้งานไม่ว่าจะขับใกล้ หรือ ไกล และในด้านของความประหยัดนั้นถือว่าทำได้ดีในสไตล์เครื่องดีเซล

 GLC250d-AMG_14_resize

ขณะที่การควบคุมและช่วงล่างนั้น เราได้ขับ GLC250d บนทุกสภาพอากาศทุกสภาพถนนในทริปนี้ ต้องบอกเลยว่า GLC250d 4 MATIC คันนี้ ทำได้ดีในทุกสภาพพื้นถนน ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ การขับด้วยความเร็วสูงทรงช่วงล่างยังคงแน่นหนึบ และไม่แข็งกระด้างแม้จะใช้ล้ออัลลอยขนาดถึง 20”  ขณะที่การขับลุยแบบ Off-Road นั้นยังทำได้ดี ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ไม่ว่าพื้นจะเปียกลื่น หรือทางขรุขระเพียงใด GLC คันนี้ก็พร้อมลุยได้ทุกสภาวะ เพียงแต่ในรุ่น Off-Road นั้นดูจะมากับภายนอกที่พร้อมลุยกว่าอีกนิดจากขอบล้อที่เล็กลง 1” และ ระยะ Ground Clearance ที่มีมากกว่าอีกหน่อย

GLA250-AMG-Dynamic_31

สรุป Mercedes-Benz GL-Class ทั้ง 2 รุ่น นั้น GLA250 AMG Dynamic ถือเป็นรถ Crossover Sport เล็กสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่สมรรถนะนั้นถือได้ว่าแรงเอาเรื่อง อัตราเร่งทำได้ดีเกาะกลุ่มไม่แพ้ พี่ใหญ่ GL คันอื่นๆ (ดีกว่าด้วยซ้ำไป) แต่ภายในห้องโดยสารที่แคบเบาะนั่งในสไตล์ Semi-Bucket Seat ที่ให้อารมณ์สปอร์ต อาจไม่ใช่ความสุนทรีย์กับการที่ต้องเดินทางไกลเท่าใดนัก เพราะมันเน้นการขับสไตล์ Fun to Drive มากกว่า

GLC250d-AMG_24_resize

ขณะที่ GLC250d รถ SUV ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากของ Mercedes-Benz ตระกูล GL นี้ ถือเป็นรถที่ครบเครื่องพร้อมลุยในทุกรูปแบบถนน แม้ว่าอาจจะไม่ใช่รถที่มีพื้นที่โดยสารมากนัก แต่ GLC250d มากับสมรรถนะการขับขี่ที่ทำได้ดีทั้งทาง On-Road รวมถึงความพร้อมในการขับลุยทาง Off-Road ได้จริง จากระบบ 4MATIC และ เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ที่ให้มาครบครัน ขณะที่ลูกเล่นฟังก์ชั่นในการใช้งาน ยังคงความไฮเทคทันสมัยมาจาก C-Class
เรียกได้ว่า GLC250d AMG Dynamic 4MATIC นี้ ถือได้ว่าเป็นรถคันเดียวที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานอย่างครอบคลุมทุกการใช้งาน ในทุกรูปแบบ Lifestyle

MBTH-Caravan_1

GLA250 AMG Dynamic ราคา 2,440,000 บาท
GLC250d 4MATIC OFF-ROAD ราคา 3,240,000 บาท
GLC250d 4MATIC AMG Dynamic ราคา 3,690,000 บาท

ขอขอบคุณ Mercedes-Benz ประเทศไทย  สำหรับรถทริป Mercedes-Benz Star Charity ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver

GLA250-AMG-Dynamic-Interior_8 GLA250-AMG-Dynamic-Interior_1 GLA250-AMG-Dynamic-Interior_2 GLA250-AMG-Dynamic-Interior_3 GLA250-AMG-Dynamic-Interior_4 GLA250-AMG-Dynamic-Interior_5 GLA250-AMG-Dynamic-Interior_6 GLA250-AMG-Dynamic-Interior_7 GLA250-AMG-Dynamic-Interior_9 GLA250-AMG-Dynamic_21 GLA250-AMG-Dynamic_32 GLA250-AMG-Dynamic_34 GLA250-AMG-Dynamic_35 GLA250-AMG-Dynamic_36 GLA250-AMG-Dynamic_37 GLA250-AMG-Dynamic_11 GLA250-AMG-Dynamic_13 GLA250-AMG-Dynamic_17 GLA250-AMG-Dynamic_24 GLA250-AMG-Dynamic_25 GLA250-AMG-Dynamic_30 GLA250-AMG-Dynamic_31 GLC250d-Interior_09 GLC250d-Interior_08 GLC250d-Interior_02 GLC250d-Interior_01 GLC250d-Interior_03 GLC250d-Interior_04 GLC250d-Interior_05 GLC250d-Interior_06 GLC250d-Interior_07 GLC250d-AMG_01_resize GLC250d-AMG_02_resize GLC250d-AMG_03_resize GLC250d-AMG_04_resize GLC250d-AMG_05_resize GLC250d-AMG_06_resize GLC250d-AMG_07_resize GLC250d-AMG_09_resize GLC250d-AMG_11_resize GLC250d-AMG_14_resize GLC250d-AMG_24_resize GLC250d-AMG_25_resize GLC250d-AMG_26_resize GLC250d-AMG_35_resize GLC250d-AMG_42_resize GLC250d-AMG_44_resize MBTH-Caravan_6 MBTH-Caravan_2 MBTH-Caravan_7 MBTH-Caravan_1 MBTH-Caravan_4 MBTH-Caravan_5

ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดรถยนต์เครื่องเล็ก แรงม้าสูงขึ้น ด้วยน้ำมันเครื่องประสิทธิภาพสูงจาก TOTAL (โททาล)

$
0
0

ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดรถยนต์เครื่องเล็ก แรงม้าสูงขึ้น ด้วยน้ำมันเครื่องประสิทธิภาพสูงจาก TOTAL (โททาล)

Gros plan sur un bidon de lubrifiant Total Activa INEO ECS 5W30, au relais Goulvents.

หากมองถึงเทรนด์ของการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาป ในปัจจุบันนี้นั้น เราจะสังเกตได้ว่า แนวทางของการพัฒนาเครื่องยนต์รถใหม่ๆ นั้น มักจะใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กลง แต่ประสิทธิภาพสูง (Downsizing) ซึ่งถือเป็นเทรนด์ ในยุคหลายปีหลังนี้ที่ประเทศไทยเริ่มนำมาใช้ ตามหลังประเทศในกลุ่มยุโรป

จุดเริ่มต้นในไทยนั้นน่าจะเริ่มมาจากช่วงปี 2010 ที่ Nissan ได้เปิดตัวรถยนต์ Eco Car คันแรกของเมืองไทย กับ Nissan March ก่อนที่ค่ายรถอื่นๆ จะเริ่มทยอยทำรถยนอีโคคาร์มาจำหน่าย เพื่อมาตรการทางภาษี โดยเฉพาะมาตรการภาษีรถยนต์คันแรกที่ผู้ซื้อรถจะได้รับภาษีคืน หลายหมื่นถึงหลักแสนบาท

ขณะที่เทรนด์การ Downsizing และเพิ่มกำลังด้วยการใช้ระบบอัดอากาศในประเทศไทยนั้น ได้เริ่มมาจาก Ford Fiesta Ecoboost 1.0 ซึ่งเข้ามาทำตลาดช่วง 3 ปีที่แล้ว จนมาถึงรถยนต์ในรุ่นท๊อปของคลาส Compact ทั้ง Nissan Sylphy 1.6 Turbo, Honda Civic 1.5 Turbo และ Ford Focus Ecoboost 1.5 จะเห็นได้ว่าล้วนหันมาใช้เครื่องบล็อกเล็กลง 1.5-1.6 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งให้กำลังมากกว่าหรือเท่ากับการใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ในรุ่นท๊อป

ในส่วนของรถกระบะนั้นก็มีการนิยม Downsizing เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้จากรถ Pick Up Isuzu D-Max 1.9 Blue Power ที่เข้ามาทำตลาดเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งให้กำลังมากกว่าหรือเท่ากับการใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แบบเดิม เช่นกัน

ซึ่งสาเหตุของการพัฒนาใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กลงนี้นั้น มีด้วยกันหลายอย่าง ทั้งช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองในการใช้พลังงาน, ลดการใช้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ลง ทำให้เครื่องยนต์มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาขึ้น, รวมไปถึงลดการปล่อยไอเสียลง หรืออาจมองไปถึงโครงสร้างภาษีของรถอีกด้วย

แต่จะมีใครทราบถึง ผลกระทบที่มีต่อเครื่องยนต์ที่ลดขนาดลง แต่ต้องแบกกำลังอัดที่สูงมากขึ้นด้วยหรือไม่

เพราะว่าการ Downsizing เครื่องให้เล็กลง ส่งผลให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักมากขึ้น จึงยิ่งต้องการการปกป้องเครื่องยนต์ที่ดียิ่งขึ้นและการรักษากำลังอัดจึงต้องมากขึ้นด้วย ดังนั้นการเลือกใช้น้ำมันเครื่องจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในการดูแล และรักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์ดังกล่าว

นอกจากนี้ รถยนต์ที่ใช้ระบบอัดอากาศ อย่าง เทอร์โบชาร์จ จะทำให้เกิดการสึกหรอของเครื่องยนต์มากขึ้น จากการมีอุณหภูมิที่สูง และแรงดันที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพจากการทำปฏิกิริยากับอากาศและความร้อนสะสมที่มากขึ้น เกิดเป็นคราบสกปรก ซึ่งส่งผลให้เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนมากขึ้น

สังเกตไหมว่าหลายคนที่ไปติดตั้งระบบเทอร์โบชาร์จให้กับเครื่องนั้น มักจะติดตั้ง Turbo Timer ขึ้นมาด้วย เพื่อหน่วงเวลาดับเครื่องลงอีก (Engine Cool Down) เพื่อให้ความร้อนของเทอร์โบลดลง ก่อนที่จะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์จริงๆ ซึ่งมันจะช่วยให้น้ำมันเครื่องยังคงไหลอยู่เพื่อหล่อเลี้ยงในจังหวะที่แกนเทอร์โบหมุนอยู่ หากดับเครื่องทันทีนั้น จะทำให้เกิดคราบสิ่งสกปรก จากการที่น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพจากความร้อนที่สะสม และตามที่บอกไป นั่นจะส่งผลเสียกับในเทอร์โบที่จะช่วยทำให้สึกหรอได้เร็ว

ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่า เครื่องยนต์รุ่นใหม่หรือเครื่องยนต์ที่ใช้เทอร์โบเหล่านี้ ต่างต้องการน้ำมันเครื่องที่มีเทคโนโลยีการปกป้องขั้นสูงตามไปด้วย ทั้งการคงสภาพการหล่อลื่นที่ดี ขณะที่อุณหภูมิสูงๆ รวมไปถึงการปกป้องชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์

และในวันนี้เอง 9carthai เราจะขอมาพูดถึงน้ำมันเครื่อง TOTAL ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า “ART” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการปกป้องเครื่องยนต์ให้กับรถสุดที่รักของคุณกันครับ

Product_Quartz9000Future5W30_02_resize

ART (AGE Resistance Technology) นั้น ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ขั้นสูงของน้ำมันเครื่อง TOTAL
โดยเทคโนโลยี ART จะเข้ามาช่วยทำให้พันธะการยึดเกาะของโมเลกุลน้ำมันมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันปฏิกิริยา Oxidation ของน้ำมันเครื่อง ที่จะมาสลายโมเลกุลของน้ำมัน และช่วยป้องกันเสียดทานที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงลดการก่อตัวของตะกอน ซึ่งผลดังกล่าว จะให้เครื่องยนต์นั้นสะอาดดูเหมือนใหม่, ช่วยมอบสมรรถนะที่ดี, ประหยัดน้ำมันมากขึ้น รวมไปถึงช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์ให้ยาวนานขึ้นยิ่งขึ้น

ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนั้น มีผลการทดสอบจาก TOTAL ยืนยัน
พบว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเครื่อง TOTAL นั้น เมื่อถอดอ่างน้ำมันเครื่องออกมา พบว่า ลดคราบตะกอนน้ำมันลงไปได้ถึง 19% เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเครื่องทั่วไป และยังช่วยปกป้องการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้ดีกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไปถึง 52% ด้วยกัน

เอาล่ะเห็นสรรพคุณที่น่าสนใจดีขนาดนี้แล้ว เรามาทำความรู้จักกับน้ำมันเครื่องที่มาพร้อมเทคโนโลยี ART กันดีกว่า

สำหรับน้ำมันเครื่องของ TOTAL ที่มีเทคโนโลยี ART นั้น มีดังนี้
TOTAL Quartz 9000 5W-40 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
TOTAL Quartz 9000 Future 5W-30 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ที่ได้รับมาตรฐานใหม่ล่าสุด ILSAC GF-5 จากสหรัฐฯ
TOTAL Quartz 9000 Diesel 5W-30 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลทุกชนิด

เรียกได้ว่าน้ำมันเครื่อง TOTAL Quartz ที่ใช้เทคโนโลยี ART นั้น มีให้เลือกตอบโจทย์ครอบคลุมทุกกลุ่มรถยนต์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งต่อไป ให้แก่รถยนต์คันโปรดของคุณ อย่าลืมมองหาน้ำมันเครื่อง TOTAL Quartz เทคโนโลยี ที่จะเข้ามาช่วยปกป้องรถยนต์ที่คุณรักล่ะครับ ที่สำคัญตอนนี้ TOTAL เขามีกิจกรรมลุ้นโชคพาไปชมการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน 2017 ที่เซี่ยงไฮ้ แบบติดขอบสนาม และของรางวัลอื่นๆ อีกเพียบ

BG Lucky Draw ADS

กิจกรรมสุดพิเศษที่จะทำให้คุณ มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์แบบติดขอบสนามฟอร์มูล่า1 ฤดูกาล 2017 พร้อมของรางวัลอื่นๆ มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท

เพียงเขียน ที่อยู่ เบอร์โทร ใส่ใต้ฝาผลิตภัณฑ์ที่ร่วมรายการ

ส่งมาที่ ตู้ ปณ.13 ปณฝ.ไทยพาณิชย์ กรุงเทพ ฯ 10403 หรือกล่องรับชิ้นส่วน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก https://goo.gl/7kZfUV

Nissan Eco Car รถคู่ใจที่คนไทย ใครๆ ก็ใช้กัน

$
0
0

Nissan Eco Car รถคู่ใจที่คนไทย ใครๆ ก็ใช้กัน

Nissan-Eco-Car-PR_4

“อะไรที่ดีมากๆ เราก็จะพบเห็นคนใช้เยอะมากๆ ในท้องตลาดเช่นเดียวกัน” นั่นคือกฏการตลาดที่ง่ายดายและจริงแท้ที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วผู้บริโภคคือคนที่จะตัดสินใจควักเงินในกระเป๋าสตางค์ของเขาออกไปกับสิ่งที่เขาต้องการ

ผมกำลังพูดถึง นิสสัน มาร์ช อีโคคาร์ที่ใช้เวลาเพียงแค่ห้าปีกว่าก็สามารถกระจายตัวให้เราพบเห็นได้ในแทบจะทุกตรอกซอกซอยของเมืองไทย การที่เราได้พบเห็นรถรุ่นใดรุ่นหนึ่งแล่นอยู่เต็มถนน ย่อมเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณค่าที่อยู่ในรถคันนั้นได้อย่างไม่ต้องมีคำอธิบายอื่นมาประกอบ

Nissan-March-New-2016-Edition

Nissan March เจ้าตำนานอีโคคาร์

ตำนานการเดินทางของ นิสสัน มาร์ช รถแฮทช์แบค 5 ประตูรูปทรงน่ารัก ทันสมัย เริ่มต้นเผยโฉมให้คนไทยรู้จักเป็นครั้งแรกในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ปี 2553 หลังจากนั้น นิสสัน มาร์ช สร้างกระแส Talk Of The Town ตั้งแต่ในวันเปิดตัว ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ 79 แรงม้าที่ให้ความประหยัด โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 20 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกินกว่า 120 กรัม/กิโลเมตร (ตามข้อกำหนด UNECE Regulation 101) เป็นรถที่ใช้แพลทฟอร์มใหม่ของนิสสันที่เรียกว่า V-platform ซึ่งให้ความปราดเปรียว ขับขี่ง่าย คล่องตัวแต่กลับมีห้องโดยสารที่กว้างขวางขนาดเท่ากับรถขนาด 1.5 ลิตร แถมยังมีราคาในรุ่นเริ่มต้นเพียง 375,000 บาท ด้วยข้อดีข้อเด่นต่างๆ ที่กล่าวมาทำให้นิสสัน มาร์ช กวาดยอดจองไปถึง 5,000 กว่าคัน หลังเปิดตัวเพียง 2 สัปดาห์ และตามมาด้วยยอดขายอีกหลายหมื่นคันในเวลาไม่นานนัก

Nissan-Almera-Nismo-Performance-Package-Outerior_25

Nissan Almera ความสุขที่กว้าง….ขึ้น

ถัดจากความสำเร็จของนิสสันมาร์ชมาเพียงปีเดียว นิสสันก็สร้างความฮือฮาอีกครั้งในปี 2554 ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เอาใจคนเมืองที่ชอบอีโคคาร์สไตล์ซีดานกับ นิสสัน อัลเมร่าที่ชูคอนเซ็ปต์ว่า ความสุขที่กว้าง…..ขึ้น นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ กลายเป็นอี โคคาร์ 4 ประตูรุ่นแรกของประเทศไทย พัฒนาต่อยอดจากรุ่นพี่ “มาร์ช” บนโครงสร้าง V-Platformเดียวกัน ด้วยจุดเด่นการผสมผสานความหรูหราและความประหยัด ด้วยรูปลักษณ์ตัวถังขนาดใหญ่ พื้นที่ภายในกว้างขวาง นิสสัน อัลเมร่า มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า มีให้เลือกทั้งระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและระบบกียร์อัจฉริยะ XTRONIC-CVT เติมเต็มทุกความต้องการได้ไม่รู้จบในห้องโดยสารที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มพื้นที่ส่วนตัวของคุณให้มากกว่า สบายกว่า บนดีไซน์ปราดเปรียวโฉบเฉี่ยวทุกการขับเคลื่อน
นอกจากนี้ด้วยระยะห่างระหว่างล้อหน้าขนาด 1,480 มิลลิเมตร และระยะห่างระหว่างล้อหลังขนาด 1,485 มิลลิเมตร ประกอบกับความยาวฐานล้อหน้า-หลัง ขนาด 2,600 มิลลิเมตร ซึ่งยาวกว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้นิสสันอัลเมร่ามีพื้นที่ความสุขในห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่ารถซับคอมแพ็คทั่วไป เบาะหลังมีพื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางขากว้างขวางเป็นพิเศษเทียบเท่ารถยนต์ซีดานขนาดใหญ่ และการติดตั้งหมอนรองศีรษะเบาะหน้าและเบาะหลัง(Headrest) ปรับระดับได้ยังช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้ผู้โดยสารด้านหลัง ในขณะเดียวกันนิสสัน อัลเมร่า ก็ยังไม่ลืมเรื่องการบรรทุกสัมภาระเพราะช่องเก็บสัมภาระอเนกประสงค์ท้ายรถยังกว้างขวางจุของได้ถึง 490 ลิตร อีกด้วย

Nissan-Eco-Car-PR_2

หนึ่งแสนคัน หนึ่งแสนความมั่นใจ

นิสสันก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดรถอีโคคาร์ในเมืองไทย โดยในเดือนสิงหาคม 2555 บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็ได้ประกาศความสำเร็จของยอดขายรถยนต์ อีโค คาร์อย่าง นิสสัน มาร์ช และนิสสัน อัลเมร่า ทะลุ 100,000 คัน และได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “ หนึ่งแสนคัน หนึ่งแสนความมั่นใจ” โดยได้ดึง 2 ซุปเปอร์สตาร์สุดฮอตในช่วงนั้น คือ เคน ธีรเดช และ โดม ปกรณ์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กันในโฆษณาชุดใหม่ด้วย ความร้อนแรงของอีโคคาร์ทั้งสองรุ่น นิสสัน มาร์ช และนิสสัน อัลเมร่า ก็ยังคงแรงต่อเนื่องไม่หยุด นิสสันได้จัดโปรโมชั่นพิเศษฉลองยอดขายนิสสัน อีโคคาร์ 245,000 คัน ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษดอกเบี้ยต่ำสุด 0% และฟรีประกันภัยชั้น 1 ให้กับโชว์รูมนิสสันทั่วประเทศ

Nissan-Eco-Car-PR_1

The eco-caravan

ส่วนหนึ่งของความสำเร็จด้านยอดขาย ต้องยกให้กับการพยายามสร้างประสบการณ์ร่วมกันกับผู้ใช้จริงของนิสสัน อีโคคาร์ ด้วยการจัดกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าผู้ใช้รถอีโคคาร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้มาตลอดคือ “คาราวานนิสสัน อีโค คาร์ พาท่องเที่ยวไทย ด้วยใจอนุรักษ์” ด้วยการเชิญชวนลูกค้าทั้งนิสสัน มาร์ช และนิสสัน อัลเมร่า ขับรถท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมตามสถานที่ต่างๆ ครอบคลุม 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวตามภูมิภาคต่างๆ ได้รับรู้และสัมผัสเสน่ห์ของความเป็นไทย (Thainess) ซึ่งอยู่ในวิถีไทยต่างๆ ตามภูมิภาคนั้นๆ อาทิเช่น วิถีชีวิตประจำวัน อาหารการกิน ประเพณี ศิลปะ และ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งกิจกรรมนี้ได้จัดติดต่อกันมา 4 ปีแล้ว

Nissan-Eco-Car-PR_3

Nissan eco-car family 500, 000 smiling and happiness
ถึงวันนี้ นิสสัน อีโคคาร์ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอีโคคาร์รายแรกของไทยที่ผลิตเพื่อจำหน่ายแล้วกว่า 500,000 คัน ทำให้ทั้งนิสสัน มาร์ช และอัลเมร่าเป็นอีโคคาร์ที่สร้างรอยยิ้ม และความสุขให้กับคนไทยหลายแสนรอยยิ้ม ล่าสุดนิสสัน มีโปรโมชั่นพิเศษ ขอมีส่วนช่วยเติมเต็มความสุขให้ผู้ใช้ชาวไทยมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งคุณสามารถเป็นเจ้าของ นิสสันอีโคคาร์ได้ง่ายๆ ด้วยข้อเสนอ ดาวน์ต่ำสุดเพียง 9,999 บาท และฟรีประกันภัยชั่นหนึ่ง นอกจากนี้ Almara รุ่น Sportech และ March & Almera รุ่น Limited Edition ยังจัดเต็มมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่ง เพิ่มความสวยรอบคัน รู้อย่างนี้แล้ว อย่ารอช้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวนิสสัน สร้างรอยยิ้ม และความสุขไปพร้อมๆกันเถอะครับ

** แนบคลิป ECO Car 500,000 คัน ตัวที่เราใช้โปรโมทอยู่ค่ะ **

เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ สานต่อตำนานกระบะเชฟโรเลต ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

$
0
0

เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ สานต่อตำนานกระบะเชฟโรเลต ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

colorado_resize

หลังจากที่ทีมงาน 9carthai ได้เข้าร่วมงานเปิดตัว เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รวมไปถึงการรีวิวทดสอบกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ในวันนี้จะขอมาแนะนำเจาะลึกกันอีกครั้งกับ เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ ที่สานต่อตำนานความสำเร็จของรถกระบะเชฟโรเลตที่มีประวัติอันยาวนานเกือบ 100 ปี โคโลราโดใหม่ ที่โดดเด่นทั้งการออกแบบภายนอกและภายในใหม่สไตล์อเมริกันขนานแท้ สมรรถนะที่เหนือชั้น ความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น ความหรูหรามากกว่าเดิม เรียกได้ว่าเป็นรถที่มีความโดดเด่นเป็นผู้นำใน Segment Pick Up เลยก็ว่าได้

เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ ได้รับการออกแบบภายนอก ตามสไตล์รถอเมริกัน ดูแกร่งแต่คงความทันสมัยและความประณีต เส้นสายที่สวยงาม รวมถึงตัวถังที่บึกบึน สะท้อนจิตวิญญาณการเดินทางสายออฟโรด ขณะที่ การออกแบบด้านหน้าใหม่เน้นความสปอร์ตทั้งแผงกันชน กระจังหน้าแถบโครเมียม ฝากระโปรง และไฟหน้าที่มาพร้อมกับไฟ Daylight แบบ LED ล้ออัลลอยลายสปอร์ต สีทูโทน ขนาด 18” และมือจับที่เปิดฝากระบะท้ายแบบโครเมียมดีไซน์ใหม่

ภายในห้องโดยสารทันสมัยหรูหราที่สุดในรถกระบะ ด้วยการออกแบบใหม่ทั้งหมดที่ประณีตมีคุณภาพ จากการใช้วัสดุผ้าให้พื้นผิวสัมผัสที่นุ่มนวล การตัดเย็บที่ประณีตบรรจง

2017 Chevrolet Colorado_MyLink Apple CarPlay_resize

คอนโซลกลางถูกปรับดีไซน์ใหม่ทันสมัยกว่าเดิม ระบบปรับอากาศที่ใช้งานง่ายขึ้นว่าเดิม และหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8” ทันสมัย ด้วยระบบเชื่อมต่อ Chevrolet MyLink ที่รองรับการใช้งาน Apple CarPlayTM นับเป็นเจ้าแรกในตลาดรถกระบะ นอกจากนี้มาตรวัดดีไซน์ใหม่ ยังมาพร้อมกับจอแสดงข้อมูลการเดินทางแบบดิจิตอล ที่อ่านข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น

2017 Chevrolet Colorado_engine detail_resize

เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ มากับเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 2.5 ลิตร 4 สูบ ดีเซล เทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์  ที่ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่า และลดมลพิษไอเสีย โดยมีพละกำลัง 180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 440 นิวตันเมตร (45 กิโลกรัม-เมตร) ที่รอบต่ำ 2,000 รอบต่อนาที โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4 ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ซึ่งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ใหม่ชุดนี้ ได้รับการปรับแต่งอัตราทดเกียร์ใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มสมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน

สมรรถนะของเครื่องยนต์ถูกควบคุมโดยกล่องควบคุมเครื่องยนต์ (ECU) ที่พัฒนาโดยจีเอ็ม เพื่อเสริมบุคลิกการขับขี่ของเครื่องยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยมีฟังก์ชั่นควบคุมที่เป็นสิทธิบัตรของจีเอ็มมากกว่า 150 ฟังก์ชั่น ซึ่งช่วยประสานการทำงานระหว่างซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 2.5 ลิตรถูกติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงรบกวนบริเวณหัวฉีด เพื่อให้ทำงานได้เงียบขึ้น โคโลราโดทุกรุ่นยังมาพร้อมยางรองตัวถังและยางรองแท่นเครื่องยนต์แบบใหม่ ซึ่งช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ ทำให้มีระดับเสียงและแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารลดลง จากการทดสอบของทีมวิศวกรแสดงให้เห็นว่าห้องโดยสารของโคโลราโดรุ่นใหม่เงียบลง 2-4 เดซิเบล และมีแรงสั่นสะเทือนลดลง

เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ พัฒนาระบบช่วงล่าง ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น จึงทำให้รถมีเสถียรภาพที่ดีกว่าเดิม การยึดเกาะถนนจึงทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขณะที่ยังคงความสบายให้แก่ห้องโดยสารด้วยยางรองตัวถัง ที่ช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือน พร้อมกับทำให้มีการขับขี่ที่คล่องตัวและหนึบมากขึ้น จานดิสก์เบรกชุดใหม่มีเสียงการทำงานที่ลดลง นอกจากนี้ ระบบกันสะเทือนชุดใหม่ยังถูกปรับตั้งพร้อมช็อกอัพแบบไดเกรสซีฟ ซึ่งช่วยให้โคโลราโดมีการขับขี่ที่สะดวกสบายและเสถียรภาพที่เหนือชั้น

เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ ได้ปรับมาใช้พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) แทนแบบไฮโดรลิกเดิม ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการบังคับพวงมาลัยสำหรับการขับในเมือง รวมไปถึงเวลาถอยจอดรถ ถูกอกถูกใจนักขับผู้หญิงมากขึ้นด้วย อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น

ขณะที่ระบบบังคับเลี้ยวจะแปรผันเพิ่มน้ำหนักตามความเร็วในการขับขี่ ดังนั้นโคโลราโด ใหม่จึงมีน้ำหนักพวงมาลัยที่เหมาะสมเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงขึ้น

เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ ได้มอบเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดซึ่งถือว่าพบได้ในกระบะพรีเมียมเท่านั้น ทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert), ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning), ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง (Front & Rear Park Assist) และระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนแรงดันลมยาง (Tire Pressure Measuring System) นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน ระบบไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ และเป็นเจ้าแรกในรถกระบะที่มีรีโมทสตาร์ท (Remote Start) สตาร์ทเครื่องยนต์ / เปิดแอร์อัตโนมัติ เพื่อให้ห้องโดยสารเย็นสบายก่อนขึ้นรถ ขณะที่ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและกล้องมองหลัง ช่วยให้การถอยจอดทำได้ง่ายขึ้น อีกฟังก์ชั่นที่น่าสนใจ คือ การถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากรถสปอร์ต เมื่อเปิดประตูคู่หน้า หน้าต่างจะเลื่อนลงเล็กน้อยเพื่อช่วยในการปิดประตูทำได้ง่ายขึ้น

2017 Chevrolet Colorado LTZ_dynamic 1_resize

ในด้านของความปลอดภัย เชฟโรเลตยังคงให้ความสำคัญสูงสุด ทั้งรูปแบบ Active และ Passive ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Control – ESC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีทั้งขณะออกตัวและในโค้ง ( Traction Control System – TCS), ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP – Anti Rolling Protection), ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน (Hill Start Assist -HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (Hill Descent Control – HDC), ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน (Panic Brake Assist – PBA), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS – Anti-lock Braking System) และระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution (EBD) พร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตลอดจนถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่

สรุปแล้ว เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ นี้ ถือเป็นรถปิกอัพระดับพรีเมียม ที่มากับฟังก์ชั่นที่โดดเด่น ทันสมัยเกินใคร ทั้งระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย

รูปลักษณ์ทั้งภายนอก และภายในที่ถอดแบบมะกันแท้ๆ ขณะที่ขุมพลังแรงแต่ไอเสียสะอาด และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น การขับขี่ที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งจากระบบบังคับเลี้ยว และช่วงล่างทำได้ดีเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ทุกเพศทุกวัย

เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ มาพร้อมกับสีให้เลือกถึง 7 สี คือ

  1. สีแดง Pull Me Over Red
  2. สีดำ Black Meet Kettle
  3. สีน้ำเงิน Blue Mountain
  4. สีเทา Satin Steel Grey Metallic
  5. สีขาว Summit White
  6. สีเงิน Switchblade Silver
  7. สีน้ำตาล Auburn Brown

โดย เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ มี 4 รุ่นย่อย ตามราคาดังต่อไปนี้

  1. The All-New Chevrolet Colorado 5L VGT X-Cab LTZ Z71 4X2 MT      799,000 บาท
  2. The All-New Chevrolet Colorado 5L VGT X-Cab LTZ Z71 4X2 AT       839,000 บาท
  3. The All-New Chevrolet Colorado 5L VGT C-Cab LTZ Z71 4X2 MT      928,000 บาท
  4. The All-New Chevrolet Colorado 5L VGT C-Cab LTZ Z71 4X2 AT       968,000 บาท

หากเพื่อนๆสนใจ เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่ รุ่น LTZ แล้วล่ะก็ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์เชฟโรเลต โทร 1734

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.chevrolet.co.th/cars/colorado/model-overview.html

ทดลองขับได้ที่ www.chevrolet.co.th/shopping-tools/test-drive.html

หรือติดต่อผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลตใกล้บ้าน


ข้อเสนอส่งท้ายปี 2016 แบบจัดเต็ม เป็นเจ้าของรถ Honda ทุกรุ่นง่ายๆ

$
0
0

ข้อเสนอส่งท้ายปี 2016 แบบจัดเต็ม เป็นเจ้าของรถ Honda ทุกรุ่นง่ายๆ

honda pro

ใกล้เข้ามาแล้วกับสิ้นปี 2016 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอยเพราะจะมีงานจัดแสดงรถยนต์ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี  นั่นก็คือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 Motor Expo 2016 ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2559 โดย ผู้สนใจที่อยากจะเปลี่ยนรถ หรือบางท่านที่ได้ปลดล็อคจากโครงการรถคันแรก อาจจะถือโอกาสมองหารถคันใหม่ พร้อมกับโปรโมชั่นเด็ด แน่นอนว่า 1 ในค่ายรถยนต์ ที่หลายๆคนไม่พลาดที่จะเข้าไปชมและสอบถามโปรโมชั่นคือ ฮอนด้า  เพื่อความสะดวกและช่วยให้ทุกคนทำการบ้านได้ง่ายขึ้น วันนี้ทีมงาน  9carthai เลยรวบรวมโปรโมชั่นล่าสุด จาก ฮอนด้า ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกับในงาน  Motor Expo และที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดยครั้งนี้ฮอนด้าได้จัดแคมเปญมาครบทุกรุ่นให้แฟนๆได้เลือกช้อป ประกอบด้วย

Honda City รถยนต์ซีดาน Sub-Compact รุ่นยอดนิยมของคนไทย แม้จะเป็นรถขนาดเล็กแต่ก็ถือได้ว่าอัดแน่นเทคโนโลยีไม่แพ้รถใหญ่เลยทีเดียว มาพร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกัน และยังได้รับเพิ่มช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน หรือเลือก “จองเท่าไร ให้เท่านั้น” (บัตรของขวัญ Honda มูลค่าเท่าเงินจองสูงสุด 12,000 บาท) เมื่อรับรถ

Honda Jazz รถยนต์ที่ยังคงมีแฟนๆเหนียวแน่น ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น และความอเนกประสงค์ในการเลือกปรับพับเบาะได้ 4 แบบ พื้นที่สัมภาระท้ายขนาดใหญ่ เพื่อตอบโจทย์ได้ทุก Lifestyle  มาพร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 1.29% พร้อมฟรีประกัน และได้รับเพิ่มช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน หรือเลือก  “จองเท่าไร ให้เท่านั้น” (บัตรของขวัญ Honda มูลค่าเท่าเงินจองสูงสุด 12,000 บาท) เมื่อรับรถ

Honda Mobilio รถครอบครัว MUV ที่มีให้เลือกทั้ง 5 และ 7 ที่นั่ง สำหรับคนที่กำลังจะมีครอบครัวหรือทำธุรกิจ เวลาขนของแล้วกลัวของจะโดนแดด โดนฝน  หรือต้องเดินทางเป็นครอบครัวบ่อยๆ มาพร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 1.29% พร้อมฟรีประกัน และช่วยผ่อนถึงเดือนละ 2,500 บาท นาน 12 เดือน

Honda HR-V รถ Premium Sport Crossover รุ่นแรกของคนไทย ที่มีทั้งความหรู สปอร์ตและอเนกประสงค์  อยู่ในคันเดียวกัน
มาพร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 1.79% พร้อมฟรี Honda Ultimate Care และ Roadside Assistant 24 ชม. รวมเป็น 5 ปี และยังได้รับเพิ่ม ช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน หรือ “จองเท่าไร ให้เท่านั้น” (บัตรของขวัญ Honda มูลค่าเท่าเงินจองสูงสุด 12,000 บาท) เมื่อรับรถ

Honda BR-V รถ SUV ยกสูง ดีไซน์แกร่ง ตอบโจทย์คนที่ชอบการเดินทาง  มีให้เลือกทั้ง 5 และ 7 ที่นั่ง กว้างสบาย ขนของได้เต็มพิกัด ใครที่ชอบใช้ชีวิตแบบลุยๆ สามารถเป็นเจ้าของด้วย ดอกเบี้ย 1.79% พร้อมฟรี Honda Ultimate Care และ Roadside Assistant 24 ชม. รวมเป็น 5 ปี และยังได้รับเพิ่มช่วยผ่อนเดือนละ 2,000 บาท นาน 12 เดือน

Honda CR-V รถ SUV อเนกประสงค์ พรีเมียมหรูหรา ดีไซน์แข็งแกร่ง เหนือกว่าด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน

มาพร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกันภัย และรับเพิ่มช่วยผ่อนสูงสุดเดือนละ 3,000 บาท นาน 12 เดือน (หรือช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน เฉพาะรุ่น SE 4WD)
หรือ ดอกเบี้ย 1.49% พร้อมฟรีประกันภัย และได้รับเพิ่มช่วยผ่อนสูงสุดเดือนละ 5,000 บาท นาน 12 เดือน (ยกเว้นรุ่น SE 4WD)

พิเศษ  Honda CR-V  ทุกรุ่นจะได้รับฟรี Honda Ultimate Care และ Roadside Assistant 24 ชม. รวมเป็น 5 ปี เพิ่มด้วย

Honda Brio และ Brio Amaze รถ Eco Car Hatchback และ Eco Car Sedan สุดประหยัด มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ ที่ล้ำสมัยมากขึ้น  ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็ให้ความอุ่นใจเสมอ มาพร้อม โปรโมชั่นช่วยผ่อน เดือนละ 2,500 บาท นาน 12 เดือน

Honda Civic รถสปอร์ต Compact ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V-TEC Turbo ที่แรงเท่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรแต่ให้ความประหยัดถึง 17.9 กม./ลิตร มาพร้อมกับโปรโมชั่นเร้าใจ  ดอกเบี้ย 1.99% พร้อมรับเพิ่มฟรี Honda Ultimate Care และ Roadside Assistant 24 ชม. รวมเป็น  5 ปี

Honda Accord และ  Honda Accord Hybrid รถยนต์ซีดานที่โดดเด่นด้วยความหรูหรา  และเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยที่สุดอย่าง  Honda SENSING
มาพร้อมกับข้อเสนอสุดพรีเมียม ดอกเบี้ย 1.99% พร้อมกับ ผ่อนดาวน์ 0% นาน 10 เดือน พิเศษรับเพิ่ม Honda Ultimate Care และ Roadside Assistant 24 ชม. รวมเป็น 5 ปี  นอกจากนี้ในรุ่น Honda Accord Hybrid จะได้รับสิทธิพิเศษ  “Privilege Package”  ( รับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี + Honda Ultimate Care และ Roadside Assistant 24 ชม. รวมเวลา 5 ปี  และฟรีค่าแรง&อะไหล่ 5 ปี หรือ 1 แสน กม.)

โดยข้อเสนอทั้งหมดนี้ เป็นโปรโมชั่นเดียวกับในงาน Motor Expo 2016 และที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ถึงวันที่ 31 ธ.ค. สิ้นปีนี้เท่านั้นครับ

หากใครอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปที่ https://goo.gl/GeVjsH หรือท่านใดสนใจทดลองขับก็สามารถลงทะเบียนได้ที่: https://goo.gl/W00Xfp

AW Honda promo extra 37.4x51.1cm-01_resize

ใหม่ All-New Honda City 2017-2018 ราคา ฮอนด้า ซิตี้ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ All-New Honda City Minorchange 2017-2018 ราคา ฮอนด้า ซิตี้ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

NEW HONDA CITY 2017

NEW HONDA CITY PRETTY 3 NEW HONDA CITY PRETTY 4 NEW HONDA CITY PRETTY 5 NEW HONDA CITY PRETTY NEW HONDA CITY PRETTY 1 NEW HONDA CITY PRETTY 2

NEW HONDA CITY NEW HONDA CITY 1 NEW HONDA CITY 2 NEW HONDA CITY 3 NEW HONDA CITY 3-1 NEW HONDA CITY 4 NEW HONDA CITY 5 NEW HONDA CITY 6 NEW HONDA CITY 7 NEW HONDA CITY 7-1 NEW HONDA CITY 8 NEW HONDA CITY 9 NEW HONDA CITY 9-1 NEW HONDA CITY 10 NEW HONDA CITY 11-1 NEW HONDA CITY 12 NEW HONDA CITY 13 NEW HONDA CITY 14 NEW HONDA CITY 14-1

ดูรถ Segment ใกล้เคียง Toyota Vios | Toyota Yaris | Honda City | Mazda 2 | MG 3 | Ford Fiesta | Mitsubishi Attrage | Nissan Almera | Nissan Note | Suzuki Ciaz

NEW HONDA CITY 2017 ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างอย่างเป็นทางการแล้ว ณ วันที่ 12 ม.ค. 60 ถือว่าเป็นแบรนด์รถเจ้าแรกที่เปิดตัวในปีนี้ ซึ่ง Honda City 2017 นั้นได้มีการปรับเปลี่ยน ยกระดับความหรูหราและความสปอร์ตมากกว่าเดิม ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงอุปกรณ์ความสะดวกที่ทันสมัยและมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครัน  แต่เพื่อนๆคงอยากทราบแล้วใช่ไหมครับ ว่า  Honda City Minor Change มีการปรับเพิ่มอะไรบ้าง  อ่านตามด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ภายนอก มีการปรับไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Lights) พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า LED

ส่วนกระจังหน้าเป็นแบบโครเมียม พร้อมกันชนหน้า-หลัง ดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต, ล้ออัลลอยลายใหม่เท่ห์กว่าเดิม

ภายใน มีการออกแบบแผงคอนโซลสีกันเมทัลลิกดูสปอร์ตและหรูหรากว่าเดิม  พร้อมเบาะนั่งลายใหม่สไตล์สปอร์ต  และมีการเปลี่ยนไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารเป็นแบบ LED

เครื่องยนต์เหมือนเดิม  SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่  6,000. รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด  146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที

มาพร้อมเกียร์ CVT ที่พัฒนาเป็นเทคโนโลยี Earth Dream   อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 17.9 กม.ลิตร

อุปกรณ์ความปลอดภัย เหมือนเดิม  เพราะตัวเก่าจัดมาให้เต็มที่ไม่มีกั๊ก อาทิ
– ถุงลม 6 ตำแหน่ง
– ระบบป้องกันล้อล็อค (ABS)
– ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
– ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่ทางบนลาดชัน (HSA)
– สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
– กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

Honda ถือว่าประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา สามารถครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน (2015-2016) และปีนี้ 2560 Honda ตั้งใจจะรักษาความเป็นอันดับหนึ่งสร้าง Triple Champ อันดับ 3 (ขายรถหรือเตะบอลหว่า 555)  ซึ่งเราต้องมาคอยดู VIOS ที่จะปิดตัว

NEW HONDA CITY 2017 เหนือกว่าที่สุด คือที่สุดในทุกด้าน

ก้าวข้ามนิยามความเป็นที่สุดกับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่ให้คุณสัมผัสความเป็นที่สุดในทุกด้าน ผสานความพรีเมียม และความสปอร์ตอย่างลงตัว

ด้วยดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นรอบคัน เพิ่มความเหนือระดับกับการออกแบบภายในที่สปอร์ตเร้าใจมากขึ้น พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง ตอบรับความสะดวกสบายสูงสุด

ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง สู่อีกขั้นที่สะท้อนภาพลักษณ์ของคุณในทุกมุมมองภาพ ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด สู่อีกขั้นแห่งความสำเร็จที่สะท้อนตัวตนของคุณ…ที่ไม่หยุดแค่คำว่าที่สุด

ราคา Honda City 2017
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ S MT 550,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ S AT 589,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ V AT 649,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ V+ AT 689,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ SV AT 736,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ SV+ AT 751,000.

– สีขาวมุก เพิ่ม 10,000. และสีดำมุก เพิ่ม 6,000. บาท

Honda City CNG ราคา
ราคา Honda City CNG ฮอนด้า ซิตี้ CNG S MT ราคา 612,000.
ราคา Honda City CNG ฮอนด้า ซิตี้ CNG S AT ราคา 651,000.
ราคา Honda City CNG ฮอนด้า ซิตี้ CNG V AT ราคา 711,000.

*ของแถม Honda City จัดเต็ม ติดต่อ เซลล์ คุณเบล 089-7899077 *ดาวคะนอง ฝั่งธน

คลิก >>> รีวิว Honda City ล้ำเหนือใคร ไปให้ถึงคำว่าที่สุด

ราคา ฮอนด้า ซิตี้ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
NEW HONDA CITY ราคาผ่อน, ตารางผ่อน

ราคา ฮอนด้า ซิตี้ ซีเอ็นจี ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

ชมงานเปิดตัว HONDA CITY 2017


อุปกรณ์มาตรฐาน New HONDA CITY 2017

ความกว้าง x ความยาว x ความสูง = (1,695 x 4,440 x 1,477)

ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก / หลัง ดรัมเบรก

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น S MT 550,000. 
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้า มัลติรีเฟล็กเตอร์
– ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
– กระจังหน้า แบบโครเมียม
– คิ้วฝากระโปรงท้าย สีเทา*
– มือจับประตูด้านนอก สีเดียวกับตัวรถ
– ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
– ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา
– เสาอากาศ แบบสั้น
– ไล่ฝ้ากระจกหน้า หลัง
– ล้อ ฝาครอบ 15 นิ้ว

อุปกรณ์ภายใน
– สีภายใน สีดำ
– เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง ต่ำได้
– ระบบปรับอากาศ
– กุญแจรีโมทพร้อมสวิตช์เปิดฝากระโปรงท้าย
– พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง
– มาตรวัดเรืองแสง (Self-illuminating Meters) สีขาว
– ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด Eco Indicator
– ระบบเซ็นทรัลล็อก
– ช่องจ่ายไฟสำรองด้านหน้า 1 ตำแหน่ง
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
– กระจกมองหลังแบบตัดแสง
– แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิด ด้านคนขับ
– ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า
– ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
– ราวมือจับ 1 ตำแหน่ง
– ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
– ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับพร้อมเสียงเตือน

ระบบเครื่องเสียง / อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
– ระบบเครื่องเสียงวิทยุ
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัทพ์แบบไร้สาย Bluetooth
– ช่องเชื่อมต่อ USB
– ช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
– จำนวนลำโพง 4 ลำโพง

ระบบรักษาความปลอดภัย
– ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS)
– ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)
– ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
– ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
– ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
– สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
– เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
– เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง 2 จุด 1 ตำแหน่ง
– ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
– จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
– กุญแจแบบ Wave Key
– ไฟเบรกดวงที่ 3

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น S CVT  589,000.
– เกียร์อัตโนมัติ
– ปุ่ม ECON

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น V CVT  649,000.
– คิ้วฝากระโปรงท้าย แบบโครเมียม
– ล้อ อัลลอย 15 นิ้ว
– วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ Piano Black
– ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
– ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
– มาตรวัดเรืองแสง (Self-iluminating Meters) สีขาว พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
– ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด Eco Coaching
– ระบบเซ็นทรัลล็อก พร้อมสวิตช์ควบคุมตำแหน่งคนขับ
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับไฟฟ้า
– ราวมือจับ 3 ตำแหน่ง
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
– ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น V+ CVT  689,000.
– มือจับประตูด้านนอก โครเมียม
– เสาอากาศ แบบสั้น แบบครีบฉลาม
– ไล่ฝ้ากระจกหน้า หลัง พร้อมไล่ฝ้ากระจกข้าง
– มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม
– ระบบปรับอากาศ อัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส
– ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมปุ่มรับ วางสายโทรศัทพ์
– รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone**
– ช่องเชื่อมต่อ HDMI
– กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น SV CVT  736,000.
– ไฟหน้า LED
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
– ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา
– ล้ออัลลอย 16 นิ้ว
– ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (7-speed Paddle Shift)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System)
– พร้อมช่องจ่ายไฟสำรองสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
– เพิ่มแผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิด ฝั่งผู้โดยสาร
– พนักเท้าแขนด้านหน้า
– จำนวนลำโพง 8 ลำโพง

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น SV+ CVT  751,000.
– สีภายใน สีดำ ลายสปอร์ต
– เบาะนั่งด้านหลังปรับพับ 60:40
– พนักพิงศีรษะด้านหลัง 3 ตำแหน่งพร้อมปรับระดับสูง ต่ำได้
– ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า แบบ LED
– ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร แบบ LED
– ราวมือจับ 4 ตำแหน่ง
– ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับพร้อมเสียงเตือน ด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าพร้อมเสียงเตือน
– ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ (i-Side Airbags)
– ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)


1
2
“เหนือกว่าที่สุด คือที่สุดในทุกด้าน”
ก้าวข้ามนิยามความเป็นที่สุดกับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่ให้คุณสัมผัสความเป็นที่สุดในทุกด้าน ผสานความพรีเมียมและความสปอร์ตอย่างลงตัว สู่อีกขั้นที่สะท้อนภาพลักษณ์ของคุณในทุกมุมมอง

3
“ที่สุด…แห่งการออกแบบเหนือระดับ”
อีกขั้นของความที่สุด กับการออกแบบเหนือระดับด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียมดีไซน์ใหม่เพิ่มอารมณ์แห่งความสปอร์ตระดับพรีเมียมด้วยไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED พร้อมไฟหน้าแบบ LED เพิ่มความโดดเด่น สะท้อนความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

4
“ที่สุด…แห่งความพิถีพิถันทุกรายละเอียด”
สัมผัสความลงตัวของภายในหรูหรา ด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมดีไซน์พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสบายสูงสุด ครบครันด้วยอุปกรณ์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัย เติมเต็มความสุขให้ทุกจุดหมายปลายทางของคุณ

5
– ห้องสัมภาระด้านท้ายจุฟได้ถึง 536 ลิตร
– ที่ดึงพับเบาะด้านหลัง

6
– เบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่สำหรับวางสัมภาระได้อย่างเต็มที่

7
– เบาะนั่งลายใหม่สไตล์สปอร์ต

8
– ช่องเชื่อมต่อ USB พร้อมช่องเชื่อมต่อ HDMI

9
– ที่วางแก้วน้ำ บริเวณคอนโซลหน้า

10
– ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้าแบบ LED

11
– ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED

12
– ลำโพง 8 ตำแหน่ง

13
“ที่สุด…แห่งการควบคุมอัจฉริยะ”
สัมผัสกับคอนโซลดีไซน์ใหม่สี กัน เมทัลลิก (Gun Metallic) สไตล์สปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีควบคุมอัจฉริยะ ด้วยพวงมาลัย ด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นกับระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และช่องเชื่อมต่อ HDMI ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ครบครันด้วยฟังก์ชั่นระดับพรีเมียม เพื่อตอบสนองทุกการเดินทางของคุณให้เพลิดเพลินตลอดเส้นทาง

14
– Home Screen หน้าจอเมนูหลัก

15
– Audio Display หน้าจอแสดงผลในโหมดเครื่องเสียง

16
– Hands Free Telephone หน้าจอแสดงผลการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย

17
– Radio Display หน้าจอแสดงผลในโหมดวิทยุ

18
– HDMI รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI

19.
– Honda Smart Key System ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ

20
-มาตรวัดเรืองแสง

21
“ที่สุด…แห่งความสปอร์ตเร้าใจ”
เต็มที่ไปกับขุมพลังการขับเคลื่อนและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีความล้ำหน้าของเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ที่ตอบสนองได้ดั่งใจ ผสานความนุ่มนวลด้วยระบบเกียร์ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีดและระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน Eco Assist เพื่อความสมบูรณ์แบบของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85

22.
– ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology ให้การประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นพร้อมอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ตอบสนองทุกการขับขี่

23
– เครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบ/นาที

24
– ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (7-speed paddle Shift)

25
– ECO Coaching ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน เป็นระบบที่ช่วยแนะนำให้ผู้ขับขี่ใช้เชื้อเพลิงอย่างรู้คุณค่า โดยวัดจากพฤติกรรมการเหยียบเบรก และคันเร่งของผู้ขับขี่ ซึ่งจะแสดงผลด้ายการเปลี่ยนสีที่มาตรวัดเรืองแสง โดยระบบจะช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น และเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยโลกในการประหยัดพลังงาน

26
– ECON Mode เป็นระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองโดยระบบจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ลิ้นปีกผีเสื้อ และระบบเกียร์ให้ทำงานสันพันธ์กันในขณะรถวิ่ง นอกจากนั้นระบบจะปรับการทำงานของระบบปรับอากาศ และการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร ให้เหมาะสมกับอุณหภมิภายนอกรถ ซึ่งการทำงานของ ECOM Mode นั้นจะช่วยควบคุมเครื่องยน์ ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

27
– รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85

28
“ที่สุด…แห่งเทคโนโลยีความปลอดภัย”
เติมเต็มความมั่นใจให้คุณในทุกเส้นทาง กับอีกขั้นมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันทั้งระบบเบรก ABS ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS ที่มีให้ครบในทุกรุ่นพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยของรถระดับพรีเมียม อาทิ ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3ระดับ และอีกหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ให้คุณมั่นใจในทุกการเดินทาง

29
– ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags

30
– Vehicle Stability Assist (VSA) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งเพิ่มการยึดเกาะถนน มั่นคงทุกการขับเคลื่อน

31
– ระบบเบรกป้องกันล็อก (ABS) ช่วยให้สามารถควบคุมการบังคับพวงมาลัยเมื่อต้องเบรกกะทันหัน พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้ความสมดุลมากขึ้น

32
– ISOFIX & Child Anchor จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก

33
– Hill Start Assist (HSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

34
– Emergency Stop Signal (ESS) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน

35
– โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง

36
373839
– Multi-angle Rearviwe Camera กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอยโดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน


ACCESSORIES อุปกรณ์ตกแต่ง HONDA CITY
00..

01
– สเกิร์ตหน้า

02
– สเกิร์ตข้าง

03
– สเกิร์ตหลัง

04
– คิ้วกันสาด

05
– สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรก

06
– สปอยเลอร์หลัง แบบดักเทล

07
– ไฟตัดหมอก LED

08
– ล้อแม็ก ขนาด 15 นิ้ว ลาย Silver Blade


GRADE LEVEL
46
47
48
49

COLORS สี New HONDA CITY 2017
ใหม่ ฮอนด้า ซิตี้ 2017 มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ 1.สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) *เฉพาะรุ่น SV+ – SV 2.สีขาวออร์คิด (มุก) 3.สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) *ยกเว้นรุ่น S MT 4.สีดำคริสตัล (มุก) 5.สีขาวทาฟเฟต้า 6.สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

40.น้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) Cosmic Blue Metallic (B-607M) ๐เฉพาะรุ่น SV+ - SV
New HONDA CITY 2017 สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) *เฉพาะรุ่น SV+ – SV

41.ขาวออร์คิด (มุก) White Orchid Pearl (NH-788P)
New HONDA CITY 2017 สีขาวออร์คิด (มุก)

42.เทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) Modern Steel Metallic (NH-797M) ๐ยกเว้นรุ่น S MT
New HONDA CITY 2017 สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) *ยกเว้นรุ่น S MT

43.ดำคริสตัล (มุก) Crystal Black Pearl (NH-731P)
New HONDA CITY 2017 สีดำคริสตัล (มุก)

44.ขาวทาฟเฟต้า Taffeta White (NH-578)
New HONDA CITY 2017 สีขาวทาฟเฟต้า

45.เงินลูนาร์ (เมทัลลิก) Lunar Silver Metallic (NH-830M)
New HONDA CITY 2017 สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

ใหม่ NEW Nissan Note 2017-2018 ราคา นิสสัน โน๊ต ตารางราคา-เงินผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ NEW Nissan Note 2017-2018 ราคา นิสสัน โน๊ต ตารางราคา-เงินผ่อน-ดาวน์

07.All New Nissan Note

All New Nissan Note 01 All New Nissan Note 02 All New Nissan Note 03 All New Nissan Note 04 All New Nissan Note 05 All New Nissan Note 06  All New Nissan Note 12All New Nissan Note 07All New Nissan Note 08All New Nissan Note 09All New Nissan Note 10All New Nissan Note 11

Nissan-Note 1 Nissan-Note 2 Nissan-Note 2-1 Nissan-Note 3 Nissan-Note 4 Nissan-Note 5Nissan-Note 6Nissan-Note 7Nissan-Note 8Nissan-Note 9Nissan-Note 10Nissan-Note 11Nissan-Note 11-1Nissan-Note 12

NISSAN เปิดตัว NISSAN NOTE คอมแพ็คแฮทช์แบคที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำภายใต้แนวคิดนวัตกรรมการเคลื่อนที่อัจฉริยะ หรือ Nissan Intelligent Mobility  กับครั้งแรกในรถกลุ่มอีโค-คาร์  ที่ให้ความมั่นใจในการขับขี่สูงสุด ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ  ชูความโดดเด่นเหนือกว่าด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง ให้ความสะดวกสบายกับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

เปิดรับจองตั้งแต่วันนี้  โดยจัดสิทธิพิเศษฉลองเปิดตัวสุดเร้าใจให้ลูกค้า 2,017 คนแรก  (พร้อมส่งมอบรถได้ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป)


ชมงานเปิดตัว ALL NEW NISSAN NOTE 2017


การออกแบบภายนอก ได้รับการถ่ายทอดเอกลักษณ์ของเส้นสายต่างๆ เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ของ นิสสันในปัจจุบัน อาทิ กระจังหน้าแบบ V-Motion ที่มาพร้อมโคมไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม LED Signature Light ให้ความโฉบเฉี่ยว ไฟท้ายแบบ Signature รูปทรงบูมเมอแรง และเส้นสายด้านข้างที่ให้อากาศพลศาสตร์ดีเยี่ยม โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (CD) ต่ำสุดเพียง 0.30 ดีที่สุดในรถยนต์แบบเดียวกัน ขณะภายใน ถูกออกแบบให้สัมผัสถึงพื้นที่กว้างขวาง โปร่งสบาย

ด้านนวัตกรรมล้ำสมัย นิสสัน โน๊ต ใหม่ สร้างความตื่นเต้นเป็นครั้งแรกในรถยนต์ระดับเดียวกัน ด้วยการบรรจุเทคโนโลยี “การเคลื่อนที่อัจฉริยะของนิสสัน หรือ Nissan Intelligent Mobility” ด้านการขับขี่ที่เสริมความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ที่ใช้ท้องถนนร่วมกัน หรือ Intelligent Driving Technology ไว้อย่างเต็มรูปแบบ

  • เหนือกว่ารถยนต์ระดับเดียวกัน กับระบบ Intelligent Forward Collision Warning

ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ เซ็นเชอร์จากกล้องด้านหน้ารถสามารถตรวจจับบุคคล และยานยนต์บริเวณหน้ารถ แล้วส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด

  • เหนือกว่ารถยนต์ระดับเดียวกัน กับระบบ Intelligent Emergency Braking

ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ทำงานร่วมกับระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ โดยวิเคราะห์ระยะห่าง และความเร็วด้วยกล้องด้านหน้า แล้วช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถ บรรเทาอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดจากการชนยานยนต์ และคน

  • ครั้งแรกในรถ อีโค-คาร์ กับระบบ Intelligent Around View Monitor (AVM)

กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง AVM มองเห็นได้ทุกจุดรอบคัน ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหว จากกล้องรอบคัน MOD (Moving Object Detection) โดยแสดงผลที่กระจกมองหลัง ให้ความปลอดภัยและก้าวล้ำเทียบเท่ารถยนต์ระดับหรูขนาดใหญ่

  • ครั้งแรกในรถ อีโค-คาร์ กับระบบ Lane Departure Warning (LDW) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง ระบบจะเตือนผู้ขับขี่ ด้วยเสียงและสัญญาณไฟที่บริเวณหน้าปัดเมื่อรถออกนอกช่องทางโดยไม่ได้ตั้งใจ ระบบจะทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม.

ขณะที่การใช้สอยและอัตถประโยชน์ต่างๆ นิสสันโน๊ต ใหม่ ยังคงจุดเด่น เฉกเช่นเดียวกับ รถยนต์อีโค-คาร์รุ่นยอดนิยมต่างๆที่ผ่านมาด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาด ทำให้มีพื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางกว่ารถในระดับเดียวกันให้ความรู้สึกโปร่งสบายและผ่อนคลาย เลือกใช้วัสดุชั้นดีเพื่อความรู้สึกหรูหรา นอกจากนี้ยังเข้าใจถึงการใช้งานของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการรถยนต์เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตในปัจจุบัน ด้วยการออกแบบประตูผู้โดยสารด้านหลังเปิดได้กว้างถึง 85 องศา หรือ ประตูท้ายที่เปิดกว้าง ระดับความสูงของพื้นห้องเก็บสัมภาระที่สะดวกในการเข้าออกและการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่

โดดเด่นด้วยสมรรถนะ ตอบสนองทุกการขับขี่ พร้อมประหยัดเป็นเยี่ยม

นิสสัน โน๊ต ใหม่ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน HR12DE  3 สูบ แถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว CVTC (Continuously Variable-valve Timing Control) ขนาด 1,198 ซีซี มาพร้อมกับหัวฉีดอีเลคทรอนิคส์ มัลติพอยท์ (ECCS) ที่ฉีดเชื้อเพลิงได้ละเอียดและแม่นยำ ช่วยให้ได้ทั้งสมรรถนะและความประหยัด  โดยให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที และยังมีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันดียิ่งขึ้น เครื่องยนต์ตัวนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นเครื่องยนต์ที่สะอาด จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร เทียบเท่ามาตรฐานไอเสีย ยูโร 4 อีกด้วย ขณะที่ระบบเกียร์ใหม่แบบ XTRONIC CVT มาพร้อม D-Step Logic ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล แต่ให้อัตราเร่งต่อเนื่องและทันใจ สามารถตอบสนองอัตราเร่งแซง เพิ่มความเร้าใจ และให้ความรู้สึกของการขับขี่ที่สปอร์ตมากขึ้น สำหรับช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็น ทอร์ชัน บีม พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล ยึดเกาะถนน และรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดี

ภายในเรียบหรู พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยขั้นสุด

ด้วยการออกแบบที่ให้ภายในมีความกว้างขวาง สวยงาม นิสสัน โน๊ต ยังเข้าใจไลฟ์สไตล์ของการใช้รถยนต์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน จึงเจาะจงเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม พร้อมบรรจุสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ล้ำสมัยที่มากด้วยประโยชน์ใช้สอย ติดตั้งมาภายในรถอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การตกแต่งภายในออกแบบด้วยโทนสีดำและตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน ตกแต่งคอนโซลกลางด้วยสีเปียโนแบล็ค ผสมผสานอารมณ์สปอร์ตและหรูหราไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เบาะผ้าสีดำตกแต่งขอบด้วยสีเบจ สวยงาม และกระชับลำตัว ช่วยให้นั่งสบายและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถมากยิ่งขึ้น โดยเบาะด้านผู้ขับขี่สามารถปรับสูง-ต่ำ ให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่แต่ละคน เบาะหลัง ปรับแยกแบบ 60 : 40 พวงมาลัยรูปทรงสปอร์ต แบบ D-Shape ปรับสูงต่ำได้ เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียงและระบบโทรศัพท์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส มาตรวัดเรืองแสงอัจฉริยะมัลติฟังก์ชัน ดิสเพลย์ (MID) แสดงข้อมูลการขับขี่ แสดงระยะการเข้ารับบริการ อุณหภูมิภายนอก นาฬิกาดิจิทัล เสียงสัญญาณเตือนลืมปิดไฟหน้า ระบบเตือนเมื่อลืมกุญแจ สะดวกสบายด้วยปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) และกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key พร้อมระบบ Immobilizer ระบบความบันเทิง คุณภาพดี วิทยุ หน้าจอ LED แบบสัมผัส เพิ่มความสะดวกในการควบคุม ระบบเชื่อมต่อต่างรวมถึง HDMI และสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วย Bluetooth นอกจากนี้ ยังสะดวกสบายด้วย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องใส่ของและอุปกรณ์ต่างๆครบครัน

NISSAN NOTE ใหม่ ทุกรุ่นมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มความปลอดภัยทั้งในเชิงการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (Active Safety) และ ระบบลดความรุนแรง ความเสียหายจากอุบัติเหตุ (Passive Safety) อาทิ

โครงสร้างตัวถังนิรภัยเป็นแบบ Zone Body Concept มีความแข็งแรง ให้ความยืดหยุ่น และกระจายแรงกระแทก เพื่อปกป้องห้องโดยสารและผู้โดยสารกรณีเกิดอุบัติเหตุ ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า แบบ 3 จุด แบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ปรับสูง-ต่ำได้ เพื่อความเหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 3 จุด ครบทั้ง 3 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ยังเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารที่เป็นเด็กด้วยจุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX และระบบป้องกันเด็กเปิดประตูจากในรถ เสริมความมั่นใจด้วย ระบบเบรกป้องกันล้อล้อค (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ แอลอีดี ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ลดปัญหารถไหลเมื่อออกตัว

NISSAN NOTE ราคา
ราคา Nissan Note นิสสัน โน๊ต 1.2 V CVT  568,000 บาท
ราคา Nissan Note นิสสัน โน๊ต 1.2 VL CVT 640,000 บาท

*ของแถม นิสสัน โน๊ต จัดเต็ม ติดต่อ  เซลล์ คุณเอ๋  086-0364350 หรือ คุณหมี 085-0864256

ราคา นิสสัน โน๊ต  ตารางเงินผ่อน-ดาวน์
nissan note ราคาผ่อน, ตารางผ่อน


08.All New Nissan Note

อุปกรณ์มาตรฐาน ALL NEW NISSAN NOTE

ความกว้าง x ความยาว x ความสูง = 1,695 x 4,105 x 1,535 (มม.)

ระบบเบรก หน้าดิสก์เบรก / หลังดรัมเบรก

ALL NEW NISSAN NOTE รุ่น 1.2L V CVT  568,000.
อุปกรณ์ภายนอก
– กระจังหน้าแบบโครเมียม
– กันชนหน้า-หลังสีเดียวกับตัวรถ
– มือจับประตูด้านนอกแบบโครเมียม
– โคมไฟหน้าแบบฮาโลเจน โปรเจกเตอร์
– ไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำได้
– ไฟท้ายแบบ Signature Light พร้อมไฟเบรกแบบ LED
– ไฟเลี้ยวบนกระจกมองข้าง
– กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า
– ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง / ระบบปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา

อุปกรณ์ภายใน
– โทนสีภายใน โทนสีดำ
– วัสดุตกแต่งภายในบริเวณหัวเกียร์และฐานเกียร์ ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน
– วัสดุตกแต่งภายในบริเวณช่องแอร์ด้านข้างและคอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน
– วัสดุตกแต่งคอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เปียโน แบล็ค
– พวงมาลัยยูรีเทนทรงสปอร์ตปรับระดับสูง-ต่ำได้ ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน
– ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button)
– มาตรวัด Analog แบบเรืองแสง Fine Vision Meter
– มาตรวัดอัจฉริยะ Multi-Information Display (MID) แสดงผลข้อมูลการขับขี่
– มาตรวัดแสดงระยะการเข้ารับบริการ
– มาตรวัดแสดงอุณหภูมิภายนอก
– นาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัด
– เสียงสัญญาณเตือนลืมปิดไฟหน้า และระบบเตือนลืมกุญแจ
– กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ
– ที่บังแดดด้านหน้า พร้อมกระจกแต่งหน้า ด้านคนขับและผู้โดยสาร
– แผงประตูหน้า-หลังบุด้วยผ้า
– มือจับเปิดประตูด้านในแบบโครเมียม
– วัสดุหุ้มเบาะ ผ้าสีดำตกแต่งขอบด้วยสีเบจ
– เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำ
– เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบพับชิ้นเดียว
– ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า
– พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหน้า แบบแยกชิ้น ปรับระดับได้
– พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง แบบแยกชิ้น 3 ตำแหน่ง ปรับระดับได้
– ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า / ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
– ไฟเรืองแสงบริเวณสวิตช์กระจกไฟฟ้า (ด้านคนขับ)
– ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง และช่องวางของอเนกประสงค์ตอนกลาง
– ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้าและหลัง 4 ตำแหน่ง
– กล่องเก็บของด้านหน้า / กล่องเก็บของพร้อมฝาปิดบนคอนโซลหน้า
– มือจับด้านใน 3 ตำแหน่ง : ผู้โดยสารตอนหน้า x 1, ผู้โดยสารตอนหลัง x 2
– ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
– ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V
– ระบบเครื่องเสียง วิทยุ CD MP3 แบบ 1 แผ่น หน้าจอสี 5 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ Aux-in และ USB / ลำโพง 4 ตำแหน่ง

ระบบความปลอดภัย
– ถุงลม SRS คู่หน้า
– ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
– ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC)
– ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
– กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key พร้อมระบบ Immobilizer
– ปุ่มควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อค
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าปรับระดับสูง-ต่ำได้ / เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด แบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติ / เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลังแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
– จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX
– ระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังจากภายในรถ
– ระบบโครงสร้างเพื่อความปลอดภัย Zone Body Concept
– ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED

ALL NEW NISSAN NOTE รุ่น 1.2L VL CVT  640,000.
อุปกรณ์ภายนอก
– ช่องกันชนด้านล่างตกแต่งแบบโครเมียม
– โคมไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อม LED Signature Light
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า
– สปอยเลอร์หลัง

อุปกรณ์ภายใน
– กระจกมองหลังแบบตัดแสงในเวลากลางคืนอัตโนมัติ พร้อมหน้าจอแสดงภาพ
– เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบแยกพับ 60 : 40
– ระบบเครื่องเสียง วิทยุ CD MP3 DVD แบบ 1 แผ่น หน้าจอสี LED แบบสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ USB และ Bluetooth / ช่องเชื่อมต่อ AV-in และ HDMI / ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth / ลำโพง 4 ตำแหน่ง
– สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง และระบบโทรศัพท์บนพวงมาลัย

ระบบความปลอดภัย
– ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning (FCW)
– ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ทั้งบุคคลและยานยนต์ Intelligent Emergency Braking : Forward Emergency Braking, Pedestrian Forward Emergency Braking (FEB/PFEB)
– ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning (LDW)
– กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (AVM)
– ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD)


NISSAN INTRLLIGENT MOBILITY

เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต
นิสสันไม่เพียงพัฒนารถเพื่อชีวิตในวันนี้ แต่ยังท้าทายสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นให้เป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยี เพื่อนำความก้าวล้ำแห่งอนาคตมาไว้ในรถยนต์ปัจจุบัน เช่นรถยนต์ไฟฟ้า EV ขับเคลื่อนแบตเตอรี่ 100% และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Autonomous Driving

นิสสัน โน๊ต ครั้งแรกของเมืองไทยกับยนตรกรรมสุดล้ำ
รถคอมแพ็คแฮตช์แบคสมบูรณ์แบบคันแรก ที่เกิดจากแนวคิด NISSAN INTELLIGENT MOBILITY ที่ผสานเทคโนโลยีเพื่อชีวิตยุคใหม่ ให้ความสะดวกเพลิดเพลินกับการขับขี่ได้มากกว่า คล่องตัวเหมาะกับการจราจรในเมืองใหญ่ พร้อมความปลอดภัยสูงสุดจากเทคโนโลยี INTELLIGENT SAFETY SHIELD ของนิสสัน

01
สู่อีกขั้นแห่งการใช้ชีวิตล้ำสมัย The All-New NISSAN NOTE นิสสัน โน๊ต รถคอมแพ็คแฮตช์แบค 5 ประตู รุ่นใหม่ล่าสุดของนิสสัน ที่สมบูรณ์แบบ ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เปลี่ยนชีวิตบนโลกสมัยใหม่ให้เป็นเรื่องง่าย สะดวก และปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม ภายในกว้างขวาง ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว

02
สมบูรณ์แบบทั้งชีวิตใน และนอกเมือง ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่า
ด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,198 ซีซี น้ำหนักเบา ให้อัตราเร่งดีให้แรงบิดสูงในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้น้ำมันเพียง 5 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กม. เมื่อขับบนทางด่วน

03
สไตล์ล้ำสมัย แอ๊คทีฟ และปราดเปรียว
นิสสัน โน๊ต ใหม่ โดดเด่นเหนือใครด้วยดีไซน์ที่ลงตัวตามแนวคิดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน ให้ความรู้สึกคล่องแคล่วปราดเปรียว ด้วยเส้นสายภายนอกที่ชัดเจน ด้านหน้าสปอร์ต จากไฟโปรเจคเตอร์คู่หน้า สู่ซุ้มล้อที่ดูดุดัน และแนวหลังคาที่ลาดโค้งรับกับไฟท้ายรูปทรงบูมเมอแรง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถนิสสัน โน๊ต

04
ภายในกว้างและสบาย รถคอมแพ็คแฮตช์แบคที่ภายในกว้างที่สุด
เมื่อฟังก์ชันผสานกับรูปลักษณ์อย่างลงตัว ผลลัพธ์คือภายในที่ปราณีตและเปี่ยมประโยชน์ใช้สอยของ นิสสัน โน๊ต ด้วยห้องโดยสารที่ถูกออกแบบให้กว้างขวางและใช้ประโยชน์ได้มากเหลือเชื่อ เพิ่มความหรูให้คอนโซลหน้ารถด้วยวัสดุพรีเมี่ยมสีดำ เปียโนแบล็ค

05
ควบคุมทุกอย่างได้จากภายใน กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง INTELLIGENT AROUND-VIEW MONITOR
กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง มองเห็นได้ทุกจุดรอบคัน และตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ/บุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection) โดยแสดงผลที่กระจกมองหลัง ให้ความปลอดภัยและก้าวล้ำเทียบเท่ารถยนต์ระดับหรูขนาดใหญ่

In\NTELLIGENT DRIVING TECHNOLOGY
เทคโนโลยีล้ำสมัยบนนิสสัน โน๊ต

16
INTELLIGENT EMERGENCY BRAKING – ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัจฉริยะ
ทำงานร่วมกับระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ โดยวิเคราะห์ระยะห่าง และความเร็วด้วยกล้องด้านหน้าแล้วช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถบรรเทาอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดจากการชนยานยนต์และคน

17
INTELLIGENT FORWARD COLLISION WARNING – ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ
เซ็นเซอร์จากกล้องด้านหน้ารถจะตรวจจับบุคคลและยานยนต์บริเวณหน้ารถ แล้วส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด

18
LANE DEPARTURE WARNING – ระบบเตือนเมื่อรถออกช่องทาง
ระบบเตือนผู้ขับขี่ ด้ายเสียงและสัญญาณไฟที่บริเวณหน้าปัดเมื่อรถออกนอกช่องทางโดยไม่ได้ตั้งใจ ระบบจะทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม.

19
INTELLIGENT AROUND VIEW MONITOR – กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง AVM
มองเห็นได้ทุกจุดรอบคัน ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ/บุคคลที่เคลื่อนไหว จากกล้องรอบคัน (Moving Object Detectioin) โดยแสดงผลที่กระจกมองหลัง ปลอดภัยและก้าวล้ำเทียบเท่ารถยนต์ระดับหรูขนาดใหญ่

ROOMINESS – ภายในสุดกว้าง

06
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางตอบรับชีวิตยุคใหม่ ออกแบบเพดานสูงเป็นพิเศษ โปร่งโล่งยิ่งกว่าและเพิ่มพื้นที่บริเวนขาและหัวเข่าให้นั่งสบายขึ้น

LONG WHEEL BASE – ระยะฐานล้อยาวสุด

07
ห้องโดยสารกว้างกว่าโดยเฉพาะที่นั่งด้านหลัง หลังคาสูงโล่งสบายเพิ่มพื้นที่จุสัมภาระได้มากขึ้น

CONTROL – การควบคุมที่เหนือกว่า

08.
ระบบควบคุมอัจฉริยะง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ให้ทุกสิ่งอยู่ในการควบคุม ด้วยพวงมาลัยดีไซน์ D-Shape ใหม่ สปอร์ต โดดเด่นพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน และระบบกุญแจอัจฉริยะ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ให้คุณสั่งการได้สะดวกและทันใจ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

09
INTELLIGENT KEY – กุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมระบบ Immobilizer สะดวกสามารถเปิดปิดประตูได้จากปุ่มเปิดปิดประตู ด้านนอกโดยไม่ต้องกดปุ่มที่กุญแจ เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับมากยิ่งขึ้น

10
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ดีไซน์ล้ำสมัยเพียงปลายนิ้วสัมผัส

UTILITY มากด้วยประโยชน์ใช้สอย

11..
เบาะหลังพับแยก ที่นั่งแบบ 60 : 40 พับ – ปรับ เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ภายในรถได้ตามต้องการ

12..
เบาะหลังพับราบ ที่นั่งพับ-ปรับ-เปลี่ยนได้เพื่อไลฟ์สไตล์ทันสมัย

PERFECT UTILITY รถคอมแพ็คแฮตช์แบคที่ภายในกว้างที่สุด

13.
ห้องโดยสารขางนิสสัน โน๊ต ถูกออกแบบให้กว้างขวางและใช้ประโยชน์ได้มากเหลือเชื่อพื้นที่โล่งเหนือศรีษะ โปร่งสบาย แม้ผู้โดยสารมีความสูงกว่าปกติ ประตูผู้โดยสารด้านหลังเปิดได้กว้างถึง 85 องศา สะดวกในการเข้าออกและการยกสัมภาระขนาดใหญ่

ENGINEERING นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม

14
เครื่องยนต์ HR12DE ประหยัดน้ำมันกำลังเต็มสมรรถนะ เครื่องยนต์ขนาด 1,198 ซีซร 79 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ช่วยลดแรงเสียดทาน น้ำหนักเบาอัตราเร่งดี ให้แรงบิดสูง ในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ประหยัดน้ำมันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปล่อยปริมาณไอเสีย (CO2 ไม่เกิน) 120 กรัม/กิโลเมตร เทียบเท่ามาตรฐานการปล่อยมลพิษ EURO4

15
ระบบเกียร์ XTRONIC CVT D-STEP LOGIC พร้อมด้วยระบบ D-Step ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล อัตราเร่งต่อเนื่องและทันใจตอบสนองอัตราเร่งแซงที่ดีขึ้น ด้วยระบบ D-Step Logic เพิ่มความเร้าใจ ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น


MODEL LINE UP


COLORS สี ALL NEW NISSAN NOTE
ALL NEW NISSAN NOTE  2017 มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ 1.สีแดง เรเดียนท์ เรด  2.สีชมพู สวีท พิงค์  3.สีม่วง พลัม  4.สีขาว ไวท์ เพิร์ล  5.สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์  และ 6.สีดำ แบล็ค สตาร์

สีแดง เรเดียนท์ เรด
ALL NEW NISSAN NOTE สีแดง เรเดียนท์ เรด

สีชมพู สวีท พิงค์
ALL NEW NISSAN NOTE สีชมพู สวีท พิงค์

สีม่วง พลัม
ALL NEW NISSAN NOTE สีม่วง พลัม

สีขาว ไวท์ เพิร์ล
ALL NEW NISSAN NOTE สีขาว ไวท์ เพิร์ล

สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์
ALL NEW NISSAN NOTE สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์

สีดำ แบล็ค สตาร์
ALL NEW NISSAN NOTE สีดำ แบล็ค สตาร์

*โปรโมชั่น NISSAN NOTE จัดเต็ม ติดต่อ  เซลล์ คุณเอ๋  086-0364350 หรือ คุณหมี 085-0864256

ใหม่ NEW Toyota Vios 2017-2018 ราคา โตโยต้า วีออส ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ ALL NEW Toyota Vios 2017-2018 ราคา โตโยต้า วีออส ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

NEW TOYOTA VIOS

NEW TOYOTA VIOS 1 NEW TOYOTA VIOS 2 NEW TOYOTA VIOS 3 NEW TOYOTA VIOS 4 NEW TOYOTA VIOS 9NEW TOYOTA VIOS 5NEW TOYOTA VIOS 6NEW TOYOTA VIOS 7NEW TOYOTA VIOS 8
NEW TOYOTA VIOS 10 NEW TOYOTA VIOS 11 NEW TOYOTA VIOS 12 NEW TOYOTA VIOS 13 NEW TOYOTA VIOS 14 NEW TOYOTA VIOS 15 NEW TOYOTA VIOS 16 NEW TOYOTA VIOS 17 NEW TOYOTA VIOS 18

ดูรถ Segment ใกล้เคียง Toyota Vios | Toyota Yaris | Honda City | Mazda 2 | MG 3 | Ford Fiesta | Mitsubishi Attrage | Nissan Almera | Nissan Note | Suzuki Ciaz

ALL NEW VIOS 2017 IS POSSIBLE…ทุกสิ่งสามารถ ทุกทางเป็นไปได้
วีออสใหม่ ดีไซน์พรีเมียมเหนือระดับ
พร้อมสมรรถนะที่เหนือกว่าให้คุณทำทุกสิ่งได้ตามใจ
ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ


ชมงานเปิดตัว NEW TOYOTA VIOS 2017


NEW TOYOTA VIOS 2017   ตัวใหม่แตกต่างจากเดิมดังนี้ครับ

การออกแบบภายนอก ที่ปรับเปลี่ยนเพิ่มความหรูหรา ทันสมัยอย่างลงตัว ด้วย
• ชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบโปรเจคเตอร์รมดำ พร้อม LED Light Guide
• กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สีเทาดำ เมทัลลิก
• กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่
• ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights แบบ LED และไฟตัดหมอกหน้า
• ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่พร้อมยางขนาดกว้าง 195/50 R16
• คิ้วฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วยแถบโครเมียมดีไซน์ใหม่
• ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่

การออกแบบภายใน ดีไซน์ สปอร์ตหรู ด้วยวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน
• คอนโซลหน้าดีไซน์สปอร์ตตกแต่งสีแดง
• เบาะหนังสีดำสลับแดง
• พวงมาลัยหุ้มหนัง ตกแต่งด้วยแถบเปียโนแบล็คพร้อมสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง
• มาตรวัดดีไซน์สปอร์ตพร้อมสัญลักษณ์ ECO แสดงผลเมื่อขับขี่แบบประหยัด
• จอแสดงข้อมูลขับขี่ MID (Multi-information display)
• เครื่องเล่นวิทยุ DVD / CD / MP3 / WMA พร้อมจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth และช่องต่อ USB
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมจอแสดงผลแบบ LCD
• หัวเกียร์และฐานเกียร์ ตกแต่งเปียโนแบล็ค

พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยเครื่องยนต์ DUAL VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร ให้สมรรถนะที่เต็มพลัง พร้อมรองรับน้ำมัน E85 เน้นความประหยัดน้ำมัน เกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift ตอบสนองต่อการใช้งานอย่างดี และทำให้การขับขี่นุ่มนวลราบรื่น นอกจากนี้ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ”

NEW Toyota Vios 2017 ราคา
ราคา โตโยต้า วีออส Toyota Vios 1.5 J AT 609,000.
ราคา โตโยต้า วีออส Toyota Vios 1.5 E AT 679,000.
ราคา โตโยต้า วีออส Toyota Vios 1.5 G AT 729,000.
ราคา โตโยต้า วีออส Toyota Vios 1.5 S AT 789,000.

ราคา โตโยต้า วีออส CNG Toyota Vios CNG เพิ่ม 65,000. รับประกันระบบนานถึง 100,000 กิโลเมตร หรือ 3 ปี

โตโยต้า  เชิญลูกค้าเข้าไปชมและทดลองขับรถยนต์  VIOS ใหม่ ในวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2560
พร้อม ลุ้นรับ iPhone7 รวม 100 รางวัล และข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าโตโยต้า
เมื่อซื้อรถยนต์ VIOS ใหม่ ได้ที่โชว์รูมโตโยต้า 464 แห่งทั่วประเทศ

*ของแถม Toyota Vios จัดเต็ม ติดต่อ เซลล์ คุณวารุณี 089-506-4177 Id-line : 0895064177 หรือ 063-9245666 K.ซี

โตโยต้า วีออส 2017 ราคาผ่อน, ตารางผ่อน-ดาวน์
NEW TOYOTA VIOS ราคาผ่อน, ตารางผ่อน

2017-Toyota-Vios-Launch_01

อุปกรณ์มาตรฐาน NEW TOYOTA VIOS

ความกว้าง x ความยาว x ความสูง = (1,700 x 4,420 x 1,475)

ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก / หลัง ดิสก์เบรก

NEW TOYOTA VIOS รุ่น J AT 609,000.
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้า มัลติรีเฟลกเตอร์
– กระจังหน้า สีดำ
– ไฟท้ายแบบ LED
– คิ้วฝากระโปรงท้าย สีเดียวกับตัวรถ
– ที่ปัดน้ำฝน แบบธรรมดา
– กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
– มือจับประตูด้านนอก สีเดียวกับตัวรถ

อุปกรณ์ภายใน
– วัสดุตกแต่งแผงคอนโซลหน้า ภายใน สีดำ
– วัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า ภายใน สีดำ
– วัสดุตกแต่งหัวเกียร์ ยูรีเทน
– วัสดุตกแต่งฐานเกียร์ เมทัลลิก
– วัสดุเบาะนั่ง เบาะผ้า
– พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับสูง – ต่ำได้ ยูรีเทน
– กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบด้านคนขับ
– คอนโซลกลางพร้อมกล่องเก็บของ
– กระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้า ผู้โดยสาร
– เบาะนั่งด้านคนขับปรับระดับสูง – ต่ำได้
– มือเปิดประตูด้านใน สีดำ
– สีภายใน สีดำ

มาตรวัดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
– มาตรวัดแบบ Analog
– ไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด (Eco Meter)
– กุญแจรีโมท
– เครื่องเสียง วิทยุ AM/FM/CD/MP3/WMA ช่องเชื่อมต่อ AUX
– ช่องเชื่อมต่อ USB
– จำนวนลำโพง 2 ลำโพง
– ระบบส่องสว่างภายในห้องโดยสารอัตโนมัติ

ระบบความปลอดภัย
– ระบบเซ็นทรัลล็อก
– ระบบละลายฝ้ากระจก
– ระบบเบรก ABS/EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
– ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
– ถุงลมเสริมความปลอดภัยคู่หน้า SRS
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
– เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
– เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening)
– ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer

NEW TOYOTA VIOS รุ่น E AT 679,000.
อุปกรณ์ภายนอก
– กระจังหน้า สีเทาดำ เมทัลลิก
– ที่ปัดน้ำฝน แบบหน่วงเวลาและปรับตั้งเวลาได้

อุปกรณ์ภายใน
– วัสดุตกแต่งแผงคอนโซลหน้า ภายใน สีดำ สีโรสโกลด์
– และแผงประตู สีเบจ สีเมทัลลิก
– วัสดุตกแต่งฐานเกียร์ เปียโนแบล็ค
– พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับสูง – ต่ำได้ ยูรีเทนตกแต่งด้วยแถบเปียโนแบล็ค
– กระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้า คนขับ + ผู้โดยสาร
– แผงบังแดดคู่หน้า พร้อมกระจกแต่งหน้า คนขับ
– มือเปิดประตูด้านใน สีดำหรือสีเบจ
– สีภายใน สีดำหรือสีเบจ

มาตรวัดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
– จำนวนลำโพง 4 ลำโพง

ระบบความปลอดภัย
– ไฟตัดหมอกหน้า
– สัญญาณกะระยะถอยหลัง
– ไฟเบรกดวงที่สาม
– ระบบเตือนการโจรกรรม TDS (Theft Deterrent System)

NEW TOYOTA VIOS รุ่น G AT  729,000.
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้า โปรเจคเตอร์แบบรมดำ พร้อมด้วย LED Light guide
– กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน (Acoustic Glass)

อุปกรณ์ภายใน
– วัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า ภายใน สีดำ สีโรสโกลด์
– วัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า ภายใน สีเบจ สีเมทัลลิก
– วัสดุตกแต่งหัวเกียร์ เปียโนแบล็ค
– พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับสูง – ต่ำได้ หุ้มหนังตกแต่งด้วยแถบเปียโนแบล็ค
– แผงบังแดดคู่หน้า พร้อมกระจกแต่งหน้า คนขับ + ผู้โดยสาร
– มือเปิดประตูด้านใน โครเมียม

มาตรวัดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
– จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ (MID)
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– เครื่องเสียง วิทยุ DVD/CD/MP3/MP4/WMA หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อโทรศัทพ์แบบไร้สาย (Bluetooth)
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

ระบบความปลอดภัย
– ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Lights)
– กล้องมองหลัง

NEW TOYOTA VIOS รุ่น S AT  789,000.
อุปกรณ์ภายนอก
– คิ้วฝากระโปรงท้าย โครเมียม
– มือจับประตูด้านนอก โครเมียม

อุปกรณ์ภายใน
– วัสดุตกแต่งแผงคอนโซลหน้า ภายใน สีดำ สีแดง
– วัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า ภายใน สีดำ เปียโนแบล็ค
– วัสดุเบาะนั่ง เบาะหนังและหนังสังเคราะห์
– เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต
– มือเปิดประตูด้านใน เมทัลลิก
– สีภายใน สีดำ *สปอร์ต

มาตรวัดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
– ระบบ Smart Entry และ Push Start
– มาตรวัดแบบ Analog แบบ Sport


00

ภายนอก NEW TOYOTA VIOS

0

1
– ชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์รมดำพร้อม LED Light Guide ที่สุดแห่งดีไซน์ สะท้อนความเหนือระดับ

2
– กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สีเทาดำ เมทัลลิก โดดเด่น หรูหราทุกมุมมอง

3
– ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light แบบ LED และไฟตัดหมอกหน้าเพิ่มความปลอดภัย ทัศนวิสัยชัดเจน

4
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้าเหนือกว่าด้วยดีไซน์เพิ่มความสะดวกสะบายยิ่งขึ้น

5
– มือจับประตูโครเมี่ยมดีไซน์สวยหรู ดูดีมีระดับ

6
– ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาดกว้าง 195/50 R16 โฉบเฉี่ยวถึงใจ ดีไซน์สปอร์ต

7
– คิ้วกระโปรงท้ายรถตกแต่งด้วยแถบโครเมี่ยม เพิ่มเสน่ห์ดีไซน์หรูหรา

8
– ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่สะกดสายตา ท้าทายให้อยากครอบครอง

ภายใน NEW TOYOTA VIOS

9
10
– คอนโซลหน้าดีไซน์สปอร์ตตกแต่งสีแดง โดดเด่นยิ่งกว่าที่เคย

11
– ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) สตาร์ทเครื่องยนต์เพียงปลายนิ้วสัมผัสง่ายและสะดวกสบายรองรับไลฟ์สไตล์เหนือระดับ

12
– ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry เหนือกว่าด้วยระบบควบคุมการล็อก-ปลดล็อกประตู และที่เก็บสัมภาระท้ายรถ

13
– พวงมาลัยหุ้มหนัง ตกแต่งด้วยแทบเปียโนแบล็ค พร้อมสวิทตซ์ควบคุมเครื่องเสียงคอนโทรง่ายเพื่อความสะดวกสบายอย่างที่ต้องการ

14
– มาตรวัดดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ ECO แสดงผลเมื่อขับขี่แบบประหยัดทุกมุมมองสะท้อนความโดดเด่น

15
– จอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display)
> แสดงข้อมูลการขับขี่
1.ระยะทางรวม
2.Trip A
3.Trip B
4.ระยะที่ขับได้จากน้ำมันที่เหลืออยู่
5.อัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ย
6.อัตราการใช้น้ำมันในขณะนั้น
7.ความเร็วเฉลี่ย

16
– เครื่องเล่นวิทยุ/DVD/CD/MP3/WMA หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อแบบไร้สาย Bluetooth และช่องต่อ USB

17
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมจอแสดงผลแบบ LCD เลือกปรับอุณหภูมิได้อย่างเหมาะสม

18
– เกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift หัวเกียร์และฐานเกียร์ ตกแต่งเปียโนแบล็ค

19
– เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก NEW TOYOTA VIOS

20
– แผงบังแดดคู่หน้า พร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิด เพื่อการใช้งานที่ลงตัว

21
– ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า ใช้งานง่าย ส่องสว่างสบายตา

22
– ที่วางแก้วคอนโซลด้านหน้าตำแหน่งคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายกว่าที่เคย

23
– ช่องเก็บของอเนกประสงค์ด้านผู้โดยสารด้านหน้า แยกเป็นสัดส่วน เพื่อการจัดเก็บที่หลากหลาย

24
– ห้องโดยสารกว้างขวาง ดีไซน์สปอร์ตหรู โดดเด่นเหนือระดับ

25
– พื้นที่โดยสารด้านหลังแบบเรียบ เข้า-ออกง่ายดาย นั่งสบายตลอดการเดินทาง

26
– กระจกไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบด้านคนขับ เลื่อนลงอัตโนมัติเมื่อมีสิ่งกีดขวาง ปลอดภัย มั่นใจยิ่งกว่า

27
– กระจกบังลมหน้าแบบ Acoustic Glass ให้ทุกการขับขี่สบายใจ ลดเสียงรบกวนได้มาก

28
– ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ ดีไซน์กว้างและลึก ช่วยให้จัดเก็บสัมภาระได้อย่างอเนกประสงค์

เครื่องยนต์ NEW TOYOTA VIOS

29

30
– เครื่องยนต์ 2NR-FBE DUAL VVT-I DOHC
เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี ระบบวาล์วอัจฉริยะ 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังม้าสูงสุด 79 กิโลวัตต์ (108 แรงม้า) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 140 นิวตัน (14.3 ก.ก.-เมตร) ที่ 4,200 รอบต่อนาทีตอบสนองทุการขับขี่ได้แรงเต็มสมรรถนะรองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E85 ทุกรุ่น

31
– เกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีดพร้อมพร้อม Sequential Shift ให้ทุกการขับขี่ราบรื่นและนุ่มนวลกว่าที่เคย

32
– พวงมาลัยพาวเวอร์ EPS (Electric Power Steering) ความคุมด้วยระบบไฟฟ้า มีการทำงานที่แม่นยำ โดยปรับเปลี่ยนน้ำหนักของพวงมาลัยอัตโนมัติตามระดับความเร็วของการขับขี่ในขณะนั้น ทำให้ควบคุมพวงมาลัยได้ง่ายยิ่งขึ้น

33
– ระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลและมั่นคง – ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงแข็งแกร่งให้การทรงตัวมีเสถียรภาพในทุกสภาพถนนและทุกสถานการณ์ของการขับขี่

34
– ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) – ด้วยการดีไซน์หลังคาแบบ Catamaran ช่วยลดแรงปะทะของลมพร้อมทั้งฟินที่ถูกติดตั้งบริเวณกระจกมองข้างและไฟหลัง ส่งผลให้อัตราการประหยัดน้ำมันและการทรงตัวดีขึ้นโฉบเฉี่ยวได้เหนือใครมั่นใจได้ทุกเส้นทาง

อุปกรณ์ความปลอดภัย NEW TOYOTA VIOS

35
37
– กุญแจป้องกันการโจรกรรม Immobilizer  ป้องกันกุญแจเลียนแบบไม่ให้สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ หากรหัสของกุญแจและเครื่องยนต์ไม่ตรงกัน

– ระบบป้องกันการโจรกรรม (Theft Deterrent System)  ส่งสัญญาณเสียงเตือนภัยเมื่อมีการบุกรุก

38
– กล้องมองหลังและสัญญาณกะระยะถอยหลัง – เพิ่มความปลอดภัย มั่นใจทุกครั้งเมื่อถอยจอด

39
– ดิสก์เบรก หยุดรถอย่างมั่นใจมาขึ้นด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อนคู่หน้า ช่วยป้องกันความร้อนสะสมขณะเบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน

40
– ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) – ป้องกันล้อล็อก เมื่อเบรกอย่างกะทันหันทำให้สามารถควบคุมรถได้ในสถานการณ์คับขัน

41
– ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) – ในกรณีเบรกแบบกะทันหัน ระบบ BA จะช่วยเพิ่มแรงเบรกให้มากขึ้น เพื่อให้รถหยุดในระยะที่สั้นกว่า

42
– ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) – ช่วยกระจายแรงเบรกในแต่ละล้อให้ทำงานอย่างสมดุลโดยกระจายแรงเบรกสำหรับล้อหน้า-หลัง เพื่อป้องกันอาการท้ายสะบัดในกรณีที่มีการบรรทุกสัมภาระหรือผู้โดยสารหลังมาก และกระจายแรงเบรกสำหรับล้อซ้าย-ขวาในขณะเข้าโค้งเพื่อให้ควบคุมได้ดีแม้เบรกในขณะเข้าโค้ง

43
– ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)  ควบคุมรถให้ทรงตัวอย่างมั่นคงแม้ในทางโค้งหรือบนถนนเปียกลื่นโดยระบบ VSC จะสั่งการให้เครื่องยนต์ลดความเร็วอัตโนมัติ และเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกไปยังล้อที่ลื่นไถล เพื่อดึงรถกลับเข้าสู่สมดุล

– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) ที่ควบคุมและป้องกันอาการล้อหมุนฟรีซึ่งเป็นสาเหตุทำให้รถลื่นไถลเสียการทรงตัว

36
44
– โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA   ที่ให้ความปลอดภัยมาตฐานระดับโลก ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับแรงกระแทกจากการชนด้วยการกระจายแรงสู่ตัวถัง พร้อมคานนิรภัยด้านหน้าและด้านข้าง

45
– การออกแบบเพื่อลดแรงกระแทกศีรษะด้านข้าง  ออกแบบเพื่อช่วยลดแรงกระแทรกศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

46
– เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL  เพื่อลดการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอเมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง

47
– เข็มขัดนิรภัยรคู่หน้าพร้อมระบบไกดึงกลับ และผ่อนแรง  ช่วยรั้งร่างกายผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้แนบกับเบาะเมื่อเกิดการชน ป้องกันการบาดเจ็บจากแรงกระแทก

48
– ถุงลงเสริมความปลอดภัยคู่หน้า SRS ปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ช่วยลดการบาดเจ็บของศีรษะและหน้าอกจากแรงปะทะ ซึ่งเกิดจากการชนด้านหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมั่นใจ ไร้กังวล


Accessories New Toyota Vios
49
53
– แผงบังแดดข้าง (Side Visor)

54
– คิ้วโครเมียตกแต่งด้านข้าง (Side Chrome Moulding)

55
– กรอบป้ายทะเบียน (แบบลายโตโยต้า) – License Plate Frame (Toyota Styling)

50
56
– กล่องแขวนอเนกประสงค์ท้ายรถ (2 กล่อง) – Sky Box (2 Boxes)

57
– ถาดใส่ของท้ายรถ (Luggage Tray)

58
– สคัฟเพลทสเตนเลส (Stainless Scuff Plate)

59
– สคัฟเพลท (Scuff Plate)

51
60
– ชุดไฟตัดหมอก แอลอีดี LED Fog Lamp Set (สำหรับรุ่น E, G, S กระจังหน้าจะเป็นสีเทาดำเมทัลลิก)

61
– ชุดไฟตัดหมอก แอลอีดี LED Fog Lamp Set (สำหรับรุ่น J กระจังหน้าจะเป็นสีดำ)

62
– สัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ (สีแดง, สีขาว, สีเงิน, สีเทา, สีดำ, สีน้ำตาล) – Back Sensor (Red, Super White, Silver, Gray, Attitude Black, Quartz Brown)

63
– เครื่องเล่นดีวีดีอินโฟเทนเม้นท์ พร้อมระบบนำทาง (หน้าจอ 7 นิ้ว) – DVD Infotainment AVN 7’’

64
– เครื่องเล่นดีวีดีรุ่นมาตรฐาน (หน้าจอ 6.8 นิ้ว) – DVD Basic AVX 6.8’’

65
– กล้องมองหลัง – Back Camera

66
– ชุดสัญญาณแตร – Premium Horn

52
67
– อุปกรณ์แต่งแท้โตโยต้ารับประกันสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม. (โปรดศึกษารายละเอียดจากคู่มือการรับประกันคุณภาพและการบำรุงรักษารถยนต์)

68
– ชุดอุปกรณ์เติมลมยาง (แบบดิจิตอล) – 12V Air Compressor (Digital)


GRADE LEVEL

73
1.5S
1.5G
1.5E
1.5J


COLORS สี New Toyota Vios
ใหม่ โตโยต้า วีออส มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ 1.สีแดง 2.สีขาว 3.สีเงิน 4.สีเทา 5.สีดำ 6.สีน้ำตาล

Red copy
New Toyota Vios Red Mica Metallic

White copy
New Toyota Vios Super White

Silver copy
New Toyota Vios Silver Metallic

Grey copy
New Toyota Vios Gray Metallic

Black copy
New Toyota Vios Attitude Black Mica

Brown copy
New Toyota Vios Quartz Brown Metallic

*โปรโมชั่น Toyota Vios จัดเต็ม ติดต่อ เซลล์ คุณวารุณี 089-506-4177 Id-line : 0895064177 หรือ 063-9245666 K.ซี

ใหม่ ALL NEW MAZDA 3 Skyactiv 2017-2018 ราคา มาสด้า 3 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ ALL NEW MAZDA 3 2017-2018 ราคา มาสด้า 3 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

NEW MAZDA 3 (1)

NEW MAZDA 3 (2) DSCF7361501NEW MAZDA 3 (5)DSCF7362 500 NEW MAZDA 3 (4)DSCF7369NEW MAZDA 3 (6)NEW MAZDA 3 (3)NEW MAZDA 3 (7)NEW MAZDA 3 (13)

800801900901902

701702703704705705-0705-1705-2706707NEW MAZDA 3 (12)

ดูรถ Segment ใกล้เคียง Chevrolet Cruze | Ford Focus | Honda Civic | Honda HR-V | Hyundai Elantra | Mazda 3 | MG 5 | MG 6 | Nissan Sylphy | Nissan Pulsar | Toyota Altis

ALL NEW MAZDA 3 2017 ราคา (4 ประตู และ 5 ประตู มีรุ่น และราคา ให้เลือกเหมือนกันครับ)

NEW MAZDA 3 SEDAN (4 ประตู)
ราคา Mazda 3 มาสด้า 3 รุ่น E ราคา 847,000.
ราคา Mazda 3 มาสด้า 3 รุ่น C ราคา 928,000.
ราคา Mazda 3 มาสด้า 3 รุ่น S ราคา 988,000.
ราคา มาสด้า3 สปอร์ต Mazda3 Sports รุ่น SP ราคา 1,119,000.

NEW MAZDA 3 HATCHBACK (5 ประตู)
ราคา มาสด้า3 สปอร์ต Mazda3 Sports รุ่น E ราคา 847,000.
ราคา มาสด้า3 สปอร์ต Mazda3 Sports รุ่น C ราคา 928,000.
ราคา มาสด้า3 สปอร์ต Mazda3 Sports รุ่น S ราคา 998,000.
ราคา มาสด้า3 สปอร์ต Mazda3 Sports รุ่น SP ราคา 1,119,000.

ของแถม Mazda 3 จัดเต็ม ติดต่อ เซลล์ คุณต้อย 085-902-4197 ID Line : mr.wera / คุณนนท์ 086-338-6274 ID Line : nonthanat สาขาบางนา สุวินทวงศ์ รังสิต

ราคา มาสด้า 3 2017 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
NEW MAZDA 3 ราคาผ่อน, ตารางผ่อน

ชมงานเปิดตัว NEW MAZDA 3 2017

———–
NEW MAZDA 3

อุปกรณ์มาตรฐาน NEW MAZDA 3 SEDAN

ความกว้าง x ความยาว x ความสูง = (1,795 x 4,580 x 1,450)

NEW MAZDA 3 รุ่น 2.0E
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ Halogen
– ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลา
– กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
– เสาอากาศ แบบฝังกระจกหลัง

อุปกรณ์ภายใน
– สวิตช์ Drive Selection
– ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) และระบบเซ็นทรัลล็อค
– โทนสีภายในห้องโดยสาร ดำ
– มือจับประตูด้านใน สีเงิน
– มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ แบบดิจิตอล
– พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง (Telescopic)
– ระบบปรับอากาศ
– ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
– แผงควบคุมสวิตช์เปิด-ปิดกระจกไฟฟ้า สีดำลายเคฟล่า
– วัสดุหุ้มเบาะนั่ง ผ้าสีดำ
– วัสดุหุ้มพวงมาลัยและหัวเกียร์ ยูริเทน
– เบาะนั่งด้านคนขับปรับ 6 ทิศทาง
– เบาะนั่งหลังปรับพับ 60:40
– กระจกไฟฟ้า และระบบ Jam Protection ที่ตำแหน่งคนขับ
– ไฟอ่านหนังสือ (Map Light) คู่หน้าแยกตำแหน่ง พร้อมช่องเก็บแว่นตาบริเวณเหนือศีรษะ
– แผงบังแดดสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า พร้อมกระจกส่องหน้าและฝาปิด
– ช่องเก็บของที่คอนโซลกลาง พร้อมฝาปิดและถาดวางของด้านใน PVC
– ช่องเก็บของและที่วางขวดน้ำประตูคู่หน้าและที่วางขวดน้ำประตูคู่หลัง

ระบบเครื่องเสียง
– วิทยุ FM/AM และเครื่องเล่น CD/MP3 พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
– ช่องเชื่้อม AUX
– ช่องเชื่อมต่อ USB 1 ช่อง
– ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V 2 ช่อง
– ลำโพง 4 ตัว

ระบบความปลอดภัย
– กุญแจนิรภัย (Immobilizer) และสัญญาณกันขโมย (Burglar Alarm)
– ระบบล็อคและปลดล็อคประตูอัตโนมัติ
– ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่้นไหล TCS (Traction Control System)
– ระบบป้องกันล้อล็อค 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
– ระบบควบคุมเกียร์ AAS (Active Adaptive Shift)
– ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS
– พวงมาลัยยุบตัวตามการทำงานของถุงลมนิรภัยและแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
– ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
– เข็มขัดนิรภัยเบาะคู่หน้า ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับได้แบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ
– เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
– คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง
– ไฟเบรกดวงที่ 3

NEW MAZDA 3 รุ่น 2.0C
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า

อุปกรณ์ภายใน
– โทนสีภายในห้องโดยสาร ทูโทน
– มือจับประตูด้านใน สีเงินซาติน
– ระบบปรับอากาศ อัตโนมัติ
– แผงควบคุมสวิตช์เปิด-ปิดกระจกไฟฟ้า สีดำเปียโน
– วัสดุหุ้มเบาะนั่ง หนังสีดำ
– วัสดุหุ้มพวงมาลัยและหัวเกียร์ หนังสีดำ
– แผงบังแดดสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า พร้อมกระจกส่องหน้าและฝาปิด พร้อมไฟที่กระจกส่องหน้า
– ช่องเก็บของที่คอนโซลกลาง พร้อมฝาปิดและถาดวางของด้านใน หนัง

ระบบเครื่องเสียง
– หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ (Bluetooth) พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Recognition)
– ช่องเชื่้อมต่อ USB 2 ช่อง
– ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V 1 ช่อง
– ช่องใส่ SD Card (สำหรับระบบนำทาง Navigator)
– ลำโพง 6 ตัว

ระบบความปลอดภัย
– กล้องมองหลัง
– ระบบเบรกมือไฟฟ้า
– ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control)

NEW MAZDA 3 รุ่น 2.0S
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ LED
– ไฟท้าย LED
– ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Lamp)
– ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลา อัตโนมัติ

อุปกรณ์ภายใน
– มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ แบบอนาล็อก
– หน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี

ระบบความปลอดภัย
– กล้องมองหลัง พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
– ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ (Auto Leveling System)

NEW MAZDA 3 รุ่น 2.0SP
อุปกรณ์ภายใน
– ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift)

ระบบเครื่องเสียง
– ระบบนำทาง Navigator

ระบบความปลอดภัย
– ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
– ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
– ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS (Smart City Brake Support)
– ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
– ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
– ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
– ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
– ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
– กระจกมองหลังปรับความสว่างอัตโนมัติ
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS พร้อมม่านถุงลมนิรภัย


อุปกรณ์มาตรฐาน NEW MAZDA 3 HATCHBACK

ความกว้าง x ความยาว x ความสูง = (1,795 x 4,470 x 1,450)

NEW MAZDA 3 รุ่น 2.0E Sports
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ Halogen
– ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลา
– ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง พร้อมหัวฉีดน้ำ
– สปอยเลอร์หลัง บนหลังคา
– กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
– เสาอากาศ แบบติดหลังคา
– ท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต พร้อมปลายท่อโครเมียม

อุปกรณ์ภายใน
– มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ แบบดิจิตอล
– พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง (Telescopic)
– ระบบปรับอากาศ
– ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
– แผงควบคุมสวิตช์เปิด-ปิดกระจกไฟฟ้า สีดำลายเคฟล่า
– วัสดุหุ้มเบาะนั่ง ผ้าสีดำ
– วัสดุหุ้มพวงมาลัยและหัวเกียร์ ยูริเทน
– เบาะนั่งด้านคนขับปรับ 6 ทิศทาง
– เบาะนั่งหลังปรับพับ 60:40
– กระจกไฟฟ้า และระบบ Jam Protection ที่ตำแหน่งคนขับ
– ไฟอ่านหนังสือ (Map Light) คู่หน้าแยกตำแหน่ง พร้อมช่องเก็บแว่นตาบริเวณเหนือศีรษะ
– แผงบังแดดสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า พร้อมกระจกส่องหน้าและฝาปิด
– ช่องเก็บของที่คอนโซลกลาง พร้อมฝาปิดและถาดวางของด้านใน PVC
– ช่องเก็บของและที่วางขวดน้ำประตูคู่หน้าและที่วางขวดน้ำประตูคู่หลัง

ระบบเครื่องเสียง
– วิทยุ FM/AM และเครื่องเล่น CD/MP3 พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
– ช่องเชื่้อม AUX
– ช่องเชื่อมต่อ USB 1 ช่อง
– ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V 2 ช่อง
– ลำโพง 4 ตัว

ระบบความปลอดภัย
– กุญแจนิรภัย (Immobilizer) และสัญญาณกันขโมย (Burglar Alarm)
– ระบบล็อคและปลดล็อคประตูอัตโนมัติ
– ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไหล TCS (Traction Control System)
– ระบบป้องกันล้อล็อค 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
– ระบบควบคุมเกียร์ AAS (Active Adaptive Shift)
– ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS
– พวงมาลัยยุบตัวตามการทำงานของถุงลมนิรภัยและแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
– ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
– เข็มขัดนิรภัยเบาะคู่หน้า ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับได้แบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ
– เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
– คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง
– ไฟเบรกดวงที่ 3

NEW MAZDA 3 รุ่น 2.0C Sports
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า

อุปกรณ์ภายใน
– โทนสีภายในห้องโดยสาร ทูโทน
– มือจับประตูด้านใน สีเงินซาติน
– ระบบปรับอากาศ อัตโนมัติ
– แผงควบคุมสวิตช์เปิด-ปิดกระจกไฟฟ้า สีดำเปียโน
– วัสดุหุ้มเบาะนั่ง หนังสีดำ
– วัสดุหุ้มพวงมาลัยและหัวเกียร์ หนังสีดำ
– แผงบังแดดสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า พร้อมกระจกส่องหน้าและฝาปิด พร้อมไฟที่กระจกส่องหน้า
– ช่องเก็บของที่คอนโซลกลาง พร้อมฝาปิดและถาดวางของด้านใน หนัง

ระบบเครื่องเสียง
– หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ (Bluetooth) พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Recognition)
– ช่องเชื่้อมต่อ USB 2 ช่อง
– ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V 1 ช่อง
– ช่องใส่ SD Card (สำหรับระบบนำทาง Navigator)
– ลำโพง 6 ตัว

ระบบความปลอดภัย
– กล้องมองหลัง
– ระบบเบรกมือไฟฟ้า
– ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control)

NEW MAZDA 3 รุ่น 2.0S Sports
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ LED
– ไฟท้าย LED
– ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Lamp)
– ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลา อัตโนมัติ
– เสาอากาศ แบบครีบฉลาม

อุปกรณ์ภายใน
– มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ แบบอนาล็อก
– หน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี

ระบบความปลอดภัย
– กล้องมองหลัง พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
– ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ (Auto Leveling System)

NEW MAZDA 3 รุ่น 2.0SP Sports
อุปกรณ์ภายใน
– ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift)

ระบบเครื่องเสียง
– ระบบนำทาง Navigator

ระบบความปลอดภัย
– ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
– ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
– ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS (Smart City Brake Support)
– ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
– ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
– ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
– ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
– ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
– กระจกมองหลังปรับความสว่างอัตโนมัติ
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS พร้อมม่านถุงลมนิรภัย


0

ภายนอก New Mazda3

New Mazda3 SKYACTIV ถ่ายทอดจินตนาการของยนตรกรรมแห่งความสมบูรณ์แบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์การออกแบบ
“โคโดะ ดีไซน์” KODO DESIGN ที่บ่งบอกความโดดเด่น ผ่านดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS จึงสามารถมอบทั้งสมรรถนะความแรงและการประหยัดน้ำมันเต็มเปี่ยม ภายใต้รูป
ลักษณ์แห่งความสปอร์ต พรีเมี่ยม พร้อมทั้งความรู้สึกปราดเปรียวได้ในเวลาเดียวกัน จึงทำให้ New Mazda3 SKYACTIV
เป็น SKYACTIV SPORTS COMPACT ที่เปลี่ยนความหมายของรถยนต์นั่งขนาดกลางแบบเดิม ด้วยการรองรับการใช้
งานที่หลากหลาย ตอบทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับได้อย่างสมบูรณ์แบบ

12
13
BEYOND IMAGINATION – ความสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่แค่จินตนาการ
ให้ทุกสิ่งเป็นจริงได้ เมื่อทะยานไปกับยนตรกรรมแห่งอนาคต ที่มาพร้อมนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยมาบรรจบกับการออก
แบบที่สะท้อนจิตวิญญาณสปอร์ตอย่างลงตัว มาสด้า 3 สกายแอคทีฟ ใหม่จึงเป็นยนตรกรรมแห่งความสมบูรณ์แบบตัวจริงที่คุณ
สามารถเป็นเจ้าของได้ ครั้งแรกกับนวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS
เพื่อควบคุมสมรรถนะการขับขี่อย่างเหนือชั้น บ่งบอกรสนิยม สะท้อนตัวตนของคุณด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยมในทุกมิติ ภายใต้
ภาษาการออกแบบ KODO DESIGN ของมาสด้า เชื่อมต่อโซเชียลด้วย MZD CONNECT พร้อมหน้าจอดีไซน์ใหม่ ครบ
ครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ให้คุณมั่นใจได้ในทุกเส้นทางด้วย i-ACTIVSENSE

KODO : SOUL OF MOTION – โคโดะ : จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว
สะกดสายตาในทุกมุมมอง ถ่ายทอดจินตนาการที่แฝงความรู้สึกเร้าใจในการขับขี่อยู่ในยนตรกรรมแห่งความสมบูรณ์แบบ มาสด้า3
สกายแอคทีฟ ใหม่ สะท้อนบุคลิกของภาษาการดีไซน์ที่ชัดเจนด้วย KODO DESIGN ที่สะท้อนความโดดเด่น มีเอกลักษณ์
เฉพาะตัว ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปลักษณ์ที่สง่างามจากการเคลื่อนไหวอันทรงพลังของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ แสดงออกถึงพละ
กำลังด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ปราดเปรียว เช่นเดียวกับเสือซีต้าห์ ขณะซุ่มรอจังหวะกระโจนเข้าตะครุบเหยื่อ หรือ นักสู้เคนโด้ ที่
กำลังเงื้อมือรวบรวมพละกำลังไว้ที่ปลายดาบ พร้อมจู่โจมคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วและเฉียบคม

ภายใน New Mazda 3

30
31
THE ART OF CRAFTSMANSHIP – พิถีพิถัน ประณีตในทุกรายละเอียด
ศิลปะความงามแห่งความสมบูรณ์แบบที่สะท้อนผ่านดีไซน์อันเรียบหรู พร้อมคัดสรรวัสดุด้วยความพิถีพิถัน ประณีตในทุกรายละเอียด ห้องโดยสารโอ่โถงสะดวกสบาย เบาะหนังโอบกระชับกึ่งบักเก็ตซีท โดดเด่นด้วยหนังสีทูโทนหรูหรา เพิ่มเสน่ห์ในแบบสปอร์ตพรีเมี่ยม ด้วยการประดับแผงอุปกรณ์และแผงประตู ด้วยวัสดุสีเงินใหม่ สลับกับสีดำวาว Piano Black ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับห้องโดยสารรถยุโรป พร้อมจัดวางอุปกรณ์ภายใน เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้งานมากขึ้นให้คุณสะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม

32
33
เพิ่มพื้นที่สำหรับสัมภาระขนาดใหญ่ เพียงพับเบาะนั่งด้านหลังเป็นพื้นราบ 180 องศา หรือแยกพับซ้าย-ขวาแบบอิสระ 60:40 ตามความต้องการใช้งาน

สิ่งอำนวยความสะดวก New Mazda 3

26
WHEN STYLISH DESIGN MEETS LUZURIOUS COCKPIT – มิติใหม่ของดีไซน์สไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม
จัดวางอุปกรณ์และฟังก์ชั่นใช้งานภายในรถในตำแหน่งศูนย์กลางและเหมาะสมกับการใช้งาน โดยผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน ภายใต้ปรัชญา MAZDA’S HUMAN-CENTERED DESIGN ให้คุณปลดปล่อยจินตนาการได้เต็มที่แม้ในขณะเดินทาง ภายในห้องโดยสารแฝงความสปอร์ตในทุกรายละเอียด ตกแต่งอย่างประณีตหรูหราด้วยวัสดุคุณภาพสูงและฟังก์ชั่นสุดล้ำ เช่นเดียวกับรถยุโรประดับพรีเมี่ยม

34
MZD CONNECT : CONNECTIVITY AT YOUR FINGER TIPS
การเดินทางจะไม่สามารถปิดกั้นจินตนาการ และไม่เป็นอุปสรรคกับการต่อติดโลกโซเชียลของคุณอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อออนไลน์ MZD CONNECT ในมาสด้า 3 สกายแอคทีฟ ใหม่ ที่สะดวกและครบทุกฟังก์ชั่นให้คุณเพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์ดิจิตอลบนรถได้ตลอดเวลา ทุกเส้นทางไม่ว่าโซเชียลมีเดีย หรือรับ-ส่ง ข้อความ SMS จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Bluetooth พร้อม Infotainment ที่มีให้เลือกมากมายในแอพพลิเคชั่น Aha by HARMAN รวมถึงระบบนำทาง Navigator เพื่อนเดินทางที่พาคุณสู่จุดหมายอย่างปลอดภัยและประหยัดเวลา

CENTER DISPLAY
จอ Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว ออกแบบให้พรีเมี่ยมยิ่งขึ้น จัดยาวในตำแหน่งศูนย์กลาง เหนือแผงอุปกรณ์หน้ารถ

36
โหมดแสดงอัตราการประหยัดน้ำมันและโหมดบำรุงรักษารถ เกี่ยวกับการขับขี่และการบำรุงรักษาตามระยะ

37
ระบบความบันเทิงในรถและเชื่อมต่อโลกโซเชียล

38
การเชื่อต่อโทรศัพท์ผ่านบูลทูธ รับและตอบ SMS ได้สะดวก ด้วยข้อความที่สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม

39
40
41
1.CENTR DISPLAY หน้าจอดีไซน์ใหม่ จอ Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว ออกแบบให้ดูพรีเมี่ยมยิ่งขึ้นในตำแหน่งศูนย์กลาง เหนือแผงอุปกรณ์หน้ารถ

2.CENTER COMMANDER ใช้ควบคุมเมนูการสั่งงานของ CENTER DISPLAY ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

3.ACTIVE DRIVING DISPLAY สกรีนใสแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ เช่น ระดับความเร็วและข้อมูลระบบนำทาง Navigator ชัดเจน อ่านง่ายในระดับสายตา

HMI (Human – Machine Interface)

42
27
CENTER COMMANDER
ควบคุมเมนูการสั่งการของ CENTER DISPLAY จัดวางในตำแหน่งใกล้มือผู้ขับ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

100
ELECTRIC PARKING BRAKE – เบรกมือไฟฟ้า

28
Active Driving Display – สกรีนใส แสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ เช่น ระดับความเร็ว และ ข้อมูลระบบนำทาง Navigator ชัดเจน อ่านง่ายในระดับสายตา โดยผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น

29
STEERING WHEEL – ดีไซน์ใหม่ ก้านพวงมาลัยจับกระชับมือ ตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมปุ่มควบคุมการทำงานทีพวงมาลัย

ระบบความปลอดภัย New Mazda 3

45
WORLD-CLASS SAFETY-มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
มาสด้า 3 สกายแอคอีฟ ใหม่ มีจุดเด่นด้านความปลอดภัย ทั้งแบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) และแบบปกป้องเมื่อเกิดเหตุ (Passive Safety) จึงมั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ทุกสถานการณ์การขับขี่ ด้วยมาตรฐานความปลอดภัย

46
ACTIVE SAFETY-ความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ
กระจกมองหลังระบบตัดแสง ให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ชัดเจนยิ่งขึ้น

47
HLA (Hill Launch Assist)-ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน

– ABS 4 ล้อ พร้อม EBD ช่วยกระจายแรงเบรก
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และท่านถุงลมนิรภัย รวม 4 ตำแหน่ง
– DSC : Dynamic Stability Control ช่วยควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของตัวของรถ
– HLA : Hill Launch Assist ช่วยการออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน
– TCS : Traction Control System ช่วงป้องกันรถลื่นไถล

48
โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ พร้อมถุงลมและม่านถุงลมนิรภัย

49
กล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง

50
ESS (Emergency Signal System) – สัญญาณไฟกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกรถในภาวะฉุกเฉิน เพื่อส่งสัญญาณเตือนรถคันหลัง

51
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC (Dynamic Stability Control)

52
ระบบเข็มขัดนิรภัย ELR (Emergency Locking Retractor)
แบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ทั้งตำแหน่งเบาะนั่งคู่หน้า 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเบาะนั่งหลัง 3 จุด 3 ตำแหน่ง

53
Headrest ออกแบบให้มีองศาและตำแหน่งเหมาะสมที่สุดเพื่อลดโอกาสบาดเจ็บ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

15
16
i-ACTIVSENSE : ADVANCED SAFETY INSTINCT
สัญชาตญาณความปลอดภัยสุดล้ำของมาสด้า “ไอ-แอคทีฟเซ้นส์” ที่เปี่ยมด้วยวิทยาการล้ำหน้า ทั้งด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันและการลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนถนน (Proactive Safety System) พาคุณก้าวข้ามจินตนาการมาสู่โลกแห่งความจริง มาสด้าได้พัฒนาและยกระดับความปลอดภัยของรถสปอร์ตคอมแพ็คไปอีกขั้น ด้วยการเพิ่มสัญชาตญาณการป้องกันตัวเองให้แก่รถ ทำให้มาสด้า 3 สกายแอคทีฟ ใหม่ สามารถคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ช่วยลดความเสียงในการเกิดอุบัติเหตุ

17
ALH (Adaptive LED Headlamps)
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา โดยอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับสภาพถนน ระยะห่างจากตำแหน่งของรถคันหน้าหรือรถที่วิ่งสวนมา เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยานค่ำคืนและช่วยไม่ให้การทำงานของไฟสูงไปรบกวนรถคันอื่น

18
SBS (Smart Brake Support)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบจะตรวจจับระยะห่างระหว่างรถของคุณและรถคันหน้าหากพบว่า มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนรถคันหน้า ระบบจะส่งสัญญาณเตือนและเสียงเตือนอย่างต่อเนื่อง ถ้าผู้ขับไม่ได้ทำการเบรก ระบบจะช่วยทำการเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดโอกาสในการชนรถคันหน้า

19
MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า หากพบรถคันหน้าที่มีความเร็วน้อยกว่า ระบบจะทำการปรับลดความเร็วลงตามความเร็วของรถคันหน้าและรักษาระยะห่างกับรถคันหน้าให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ โดยผู้ขับสามารถปรับระยะห่างจากรถคันหน้าได้จากสวิตช์ที่พวงมาลัยที่นี้ ระบบจะกลับไปใช้ความเร็วเดินที่กำหนดไว้ได้ อัตโนมัติ เมื่อรถคันหน้าทิ้งหางออกไป หรือเมื่อไม่มีรถอยู่ด้านหน้าขวางอยู่

20
LDWS (Lane Departure Warning System)
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไฟกะพริบบนหน้าปัด พร้อมส่งเสียงเตือน เมื่อตรวจพบการเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่

21
RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมไฟกะพริบเตือนที่กระจกมองข้างขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้านหลัง

22
SCBS (Smart City Brake Support)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ หากระบบตรวจสอบพบว่าไม่สามารถเลี่ยงการชนได้ ระบบจะช่วยทำการเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะด้านหน้าเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ

SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการชนขณะขับถอยหลังด้วยความเร็วต่ำ

23
ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลน โดยระบบจะส่งสัญญาณเตือน หากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กำลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลังและอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น

24
DAA (Driver Attention Alert)
ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยเฉพาะขณะขับรถทางไกลระบบจะติดตามพฤติกรรมและสมาธิในการขับขี่ หากตรวจพบความผิดปกติของพฤติกรรมการขับขี่ หรือขับขี่ติดต่อกันนาน ระบบจะขึ้นข้อความแนะนำให้หยุดพัก

25
LAS (Lane-keep Assist System)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ในกรณีที่ตรวจพบการเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจระบบจะส่งสัญญาณเตือนหรือเตือนโดยการสั่นที่พวงมาลัย และช่วยปรับทิศทางพวงมาลัยให้รถกลับเข้าสู่เลน ช่วยลดความเสียงในหารเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง

G-VECTORING CONTROL (GVC)
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ภายใต้เทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ระบบ GVC จะช่วยควบคุมสมรรถนะใน
การขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล เพื่อให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถ มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

การทำงานของระบบ GVC
89
ระบบจะทำงานโดยประมวลผลจากการบังคับพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ความเร็วของรถ รวมถึงน้ำหนักของเท้าที่กดลงบนแป้งคันเร่ง
จากนั้นระบบจะควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ และเกิดการถ่ายน้ำหนักที่เหมาะสมไปสู่แต่ละล้อ ทำให้รถเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ควบ
คุมได้แม่นยำในทุกสถานการณ์

10
ขณะรถเริ่มเข้าโค้ง
เครื่องยนต์จะลดแรงบิดลงเล็กน้อยให้เหมาะสมกับลักษณะของโค้ง ทำให้น้ำหนักของตัวรถถ่ายมายังล้อหน้า ซึ่งเป็นล้อที่ใช้ในการ
ควบคุมรถ ส่งผลให้ล้อหน้ายึดเกาะถนนมากขึ้น เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ สมดุล

ขณะรถอยู่ในโค้ง
ระบบจะควบคุมการถ่ายน้ำหนักของตัวรถ ให้อยู่ในสภาวะสมดุลทั้งหน้าและหลัง ส่งผลให้การแก้พวงมาลัยในโค้งนั้นเกิดขึ้นน้อยที่
สุด

ขณะรถออกจากโค้ง
ระบบจะปรับให้แรงบิดของเครื่องยนต์กลับมาอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม ส่งผลให้น้ำหนักของตัวรถถูกถ่ายไปยังล้อหลัง เพื่อให้รถวิ่ง
ออกจากโค้งได้อย่างมีเสถียรภาพ

11
JINBA ITTAI “ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถ”
คือปรัชญาการพัฒนารถสปอร์ตของมาสด้า ที่ผสานรวมผู้ขับและรถให้เป็นหนึ่งเดียว มาสด้าเริ่มใช้แนวคิดนี้ครั้งแรกเมื่อพัฒนา
สปอร์ตโรดสเตอร์ มาสด้า MX-5 ที่โด่งดังทั่วโลก และติดอันดับสปอร์ตโรสเตอร์ขายดีตลอดกาลของกินเนส เวิลด์ ออฟ เรค
คอร์ด ปรัชญานี้ได้ถูกนำมาใช้พัฒนารถยนต์ของมาสด้าทุกรุ่นรวมถึงรถมาสด้า 3 สกายแอคทีฟ ใหม่ ทำให้มีคาแรกเตอร์ขับสนุก
สปอร์ตไม่เหมือนใคร เร้าใจทุกการขับขี่

เครื่องยนต์ New Mazda 3

1
SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS
อีกขั้นของการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ครั้งแรกที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคัน ตั้งแต่เครื่อง
ยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง ไปจนถึงช่วงล่าง ให้ทำงานสอดประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่
ตามแนวคิด จินบะ อิไต ของมาสด้า JINBA ITTAI ที่ไม่ใช่เพียงให้ผู้ขับและรถเป็นหนึ่งเดียวกันมากยิ่งขึ้น แต่ยังให้ผู้
โดยสารสัมผัสถึงความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ซึ่งเทคโนโลยีตัวแรกที่เปิดตัวภายใต้ชุดเทคโนโลยี SKYACTIV-
VEHICLE DYNAMICS ก็คือระบบ G-VECTORING CONTROL ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ

2
SKYACTIV-G – เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินทั้งแรงและประหยัด ด้วยอัตราส่วนการอัดสูงที่สุด 14.0:1* แหละประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.6 กม./ลิตร**

*เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร
**ผลการทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 Combine Mode

3
SKYACTIV-CHASSIS – ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ
ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟระบบช่วงล่างที่เกาะถนนมั่นคงและให้ความนุ่มนวลสบายแก่ห้องโดยสาร พร้อมระบบ
บังคับเลี้ยวที่ช่วยให้เข้าโค้งได้แม่นยำ ทั้งปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน

4
SKYACTIV-DRIVE – เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ
เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด รวมข้อดีของเกียร์ทุกระบบไว้ด้วยกัน ตอบสนองได้แม่นยำ

5
SKYACTIV-BODY – โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ
โครงสร้างเจเนอเรชั่นใหม่ที่เบาขึ้น ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง High Tensile Steel น้ำหนักเบาแต่เหนียวและ
แข็งแกร่งกว่า ให้การควบคุมรถที่มั่นคง ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น

6
Drive Selection – สวิตช์ Drive Selection
สามารถเลือกขับขี่ในโหมด Sport ขับสนุกไม่ต่างจาก
เกียร์ธรรมดา

7
i-Stop (Idling Stop System) – ระบบที่สั่งให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานชั่วคราวเมื่อจอดนิ่ง ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยังคงทำงานตามปกติ และเครื่องยนต์จะทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อรถพร้อมออกตัว ทำให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น


Accessories New Mazda 3

54
Front Skirt : Jet Black-Silver-ชุดสเกิร์ตหน้า

55
Front Skirt : Jet Black-Red ชุดสเกิร์ตหน้า

56
Front Skirt : Jet Black-Black-ชุดสเกิร์ตหน้า

57
Side Under Skirt : Jet Black-ชุดสเกิร์ตข้าง

58
Rear Skirt (HB) : Jet Black-Silver-ชุดสเกิร์ตหลังรุ่น 5 ประตู

59
Rear Skirt (HB) : Jet Black-Red-ชุดสเกิร์ตหลังรุ่น 5 ประตู

60
Rear Skirt (HB) : Jet Black-Black-ชุดสเกิร์ตหลังรุ่น 5 ประตู

61
Rear Skirt (SDN) : Jet Black-ชุดสเกิร์ตหลังรุ่น 4 ประตู

62
Rear Roof Spoiler (HB)-ชุดสปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต รุ่น 5 ประตู

63
Rear Roof Spoiler (SDN)-ชุดสปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต รุ่น 4 ประตู

64
Weather Shields-ชุดคิ้วกันสาด

65
Rear Parking Sensor ชุดสัญญาณกะระยะถอยหลัง 4 จุด

66
Scuff Plate ชุดคิ้วขอบประตูหน้า-หลัง

67
Sports Pedal ชุดครอบแป้นเบรก คันเร่ง และที่พักเท้า

68
Carpet Floor Mats ชุดพรมปูพื้นห้องโดยสาร

69
Rubber Floor Mats ชุดยางปูพื้นห้องโดยสาร

70
Navi SD Card แผนที่นำทางเนวิเกเตอร์เชื่อมต่อระบบ MZD CONNECT


GRADE LEVEL

HATCHBACK
HATCHBACK 2.0 SP SportsHATCHBACK 2.0 SP Sports-1

HATCHBACK 2.0 S Sports SEDAN 2.0 S-1

SEDAN
SEDAN 2.0 CSEDAN 2.0 C-1

SEDAN 2.0 ESEDAN 2.0 E-1


COLORS สี New Masda 3
ใหม่ มาสด้า 3 มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ 1.สีแดง โซล เรด 2.สีขาว สโนท์ เพิร์ล 3.สีเงิน อลูมินัม เมทัลลิค 4.สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช 5.สีน้ำเงิน อีเทอนอล บลู 6.สีเทา เมทิเออ เกรย์ ไมก้า 7.สีดำ เจ็ทแบล็ก

71
car-06-soul-red (1)car-06-soul-red
New Masda 3 Soul Red

car-05-snow-flakecar-05-snow-flake-white
New Masda 3 Snowflake White Pearl

car-01-aluminium-metallic (1)car-01-aluminium-metallic
New Masda 3 Aluminum Metallic

car-07-titanium-flash (1)car-07-titanium-flash
New Masda 3 Titanium Flash

car-02-eternal-blue (1)car-02-eternal-blue
New Masda 3 Eternal Blue

car-04-meteor-gray (1)car-04-meteor-gray
New Masda 3 Meteor Gray

car-03-jet-black (1)car-03-jet-black
New Masda 3 Jet Black

NISSAN X-TRAIL มั่นใจทุกเส้นทางกับเทคโนโลยี ความปลอดภัยของ NISSAN

$
0
0

NISSAN X-TRAIL มั่นใจทุกเส้นทางกับเทคโนโลยี ความปลอดภัยของ NISSAN

NEW NISSAN X-TRAIL

การผจญภัยไม่ได้จำกัดเวทีแค่เพียงเส้นทางออฟโรด ลุยโคลน หรือผาดโผนกับกิจกรรมเอ็กซ์ตรีม แต่บนท้องถนนในเมืองนี่แหละน่าตื่นเต้นเป็นที่สุด เพราะวันดีคืนดีฝนตกลงมา น้ำรอการระบายก็เปลี่ยนถนนให้เป็นคลองกลางกรุง

ดังนั้นการเตรียมรับมือแต่เนิ่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญ ถ้ารถนั้นพร้อมลุยน้ำได้ในระดับครึ่งล้อ โดยที่เครื่องยนต์ไม่ดับ สามารถเข้า-ออกตรอกซอกซอยหรือขึ้น-ลงอาคารจอดรถอย่างคล่องแคล่ว และพร้อมพาเดินทางไกลได้ตลอดเวลา ที่สำคัญไม่ทำให้เราพลาดการติดต่อกับโลกโซเซียล มีเดีย นิสสัน เอ็กซ์เทรล สามารถตอบโจทย์ข้างต้นได้อย่างครบครัน

ยุคนี้ไม่ใช่เพียงรถขนาดเล็กเท่านั้นที่คล่องตัวบนถนนในเมือง แต่รถ SUV อย่างนิสสัน เอ็กซ์เทรล ขับง่าย พวงมาลัยนุ่ม ซึ่งคุณผู้หญิงควบคุมได้อย่างสบาย มุมมองสูง ให้ทัศนวิสัยรอบคันชัดเจน ไม่หวั่นพื้นที่น้ำท่วมขัง

โดนใจคนรักสุขภาพด้วยเบาะนั่งคนขับแบบ Spinal support ได้รับการออกแบบพิเศษเพื่อให้รองรับแนวกระดูกสันหลัง พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ช่วยผ่อนคลายยามขับขี่

เข้าที่แคบก็ไม่ต้องวิตก โดยเฉพาะบนอาคารจอดรถ เพราะนิสสัน เอ็กซ์เทรล มีกล้องมองได้รอบคันและแสดงภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอทัชสกรีนบริเวณคอนโซลกลาง เพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าจะถอยเข้าบ้านหรือออกจากลานจอดรถ แม้กระทั่งวิ่งเข้าไปในซอยทางลัดก็สามารถกะระยะได้อย่างแม่นยำ

ถึงคราววันหยุดสุดสัปดาห์ ไปพักผ่อนต่างจังหวัด นอกจากห้องโดยสารสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้หลากหลายรูปแบบ ขนสัมภาระได้จุใจ ยังมีที่นั่ง 3 แถว ที่นั่ง เรียกว่าพากันไปได้ทั้งครอบครัว

2014 NS X-TRAIL CAR ROOFTOP_C-03

นิสสัน เอ็กซ์เทรล นำเสนอจุดเด่นที่ไม่มีในรถ SUV รุ่นอื่น ด้วยให้เลือกระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ใช้ขับขี่ปกติในเมือง ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และหากเจอทางวิบาก ก็เพียงหมุนมาที่ตำแหน่งขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็จะเพิ่มการยึดเกาะถนน หรือจะปรับมาที่โหมด AUTO ให้ระบบเลือกให้อัตโนมัติก็ได้

ความปลอดภัยด้วยระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ(AEB- Active Engine Brake) ถนนเป็นหลุม บ่อ ลูกรัง สถานการณ์ที่ต้องถอนคันเร่ง เมื่อเข้าโค้งหรือต้องเบรกระบบจะช่วยช่วงถ่วงให้รถสมดุล

อย่างที่เกริ่นข้างต้นว่าในเมืองใหญ่ เราต้องเจอสถานการณ์คับขันมากกว่าต่างจังหวัดเสียอีก โดยเฉพาะถนนที่ไม่มีไฟส่องทาง ไม่มีรั้วสะท้อนแสง บางช่วงคุณอาจจะเห็นถนนซ่อมแซมใหม่ ๆ ลาดยางมะตอยดำสนิท ไม่มีเส้นแบ่งช่องจราจร ทำให้กะโค้งยาก หรือถนนเปียกลื่นบนโค้งทางด่วน

นิสสัน เอ็กซ์เทรลระบบควบคุมขณะเข้าโค้งเมื่อวิ่งบนผิวถนนที่ไม่ราบเรียบ คลื่นลอน ตะปุ่มตะป่ำ คอสะพานที่ไม่เรียบ จะรู้สึกได้เลยว่านิสสัน เอ็กซ์เทรล ปรับสมดุลให้ผู้ขับขี่ไม่รู้สึกว่ารถจะเซไปเซมา ด้วยระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ เพื่อประสิทธิภาพในการทรงตัวให้ดียิ่งขึ้น

ชาวโซเชี่ยล มีเดีย ไม่พลาดการติดต่อทั้งเรื่องงานและนัดหมายไปแฮงค์เอาท์ ด้วย NISSAN CONNECT สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน โดยผ่านแอพลิเคชั่น สามารถอัพเดทข้อมูลผ่าน Facebook และค้นหาสถานที่ต่าง ๆ ผ่าน Google search และเชื่อมต่อระบบนำทางได้บนรถทันที

นิสสัน เอ็กซ์เทรล ยังมอบออพชั่นที่เพิ่มความสะดวกสบายอย่างประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ และซันรูฟ เปิดรับลมหนาวพร้อมชมดาวบนภูเขาสูง

ขุมพลังเบนซินมีให้เลือกขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิดสูง 200 นิวตัน-เมตร หรือต้องการความเร้าใจแบบสปอร์ตกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 233 นิวตัน-เมตร โดยเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมกับเกียร์ X-TRONIC CVT รุ่นใหม่ พร้อมระบบ Manual Mode 7 สปีด

นิสสัน เอ็กซ์เทรล มาพร้อมกับนวัตกรรมที่ล้ำสมัย รวมเทคโนโลยีเพื่อสมรรถนะการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น พร้อมทั้งยังมอบความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดที่ไม่เคยปรากฏในกลุ่มรถ SUV ในระดับเดียวกันมาก่อน

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://www.nissan.co.th/vehicles/new-vehicles/x-trail.html

ใหม่ Kawasaki Z125 Pro 2017-2018 ราคา คาวาซากิ Z125 Pro ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ Kawasaki Z125 Pro 2017-2018 ราคา คาวาซากิ Z125 Pro ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

Kawasaki-Z125

ดู Segment ใกล้เคียง Honda MSX 125, Honda Zoomer X, Kawasaki Z125, Yamaha MT-03

KAWASAKI” ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดโฉมรถจักรยานยนต์ซุปเปอร์เนคเก็ตขนาด 125 ซีซี หัวฉีด ตระกูล “Z” ในรูปแบบ Auto และ Manual ให้บรรดาผู้หลงใหลและชื่นชอบความสปอร์ตได้ยลโฉมและสัมผัสเป็นครั้งแรกพร้อม กันทั่วประเทศ ในสไตล์ Super Naked ทำให้รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่คันนี้มีฟังก์ชั่นที่ครบครันเริ่มตั้งแต่ โช้คหัวกลับแบบสปอร์ต โช้คหลังเดี่ยวออฟเซ็ตแนวนอนปรับระดับได้

Kawasaki Z125 ราคา
ราคา Kawasaki Z125 (Auto Clutch) คาวาซากิ Z125 74,990.
ราคา Kawasaki Z125 Pro (Manual Clutch) คาวาซากิ Z125 Pro 74,990.

ราคา คาวาซากิ Z125 Pro ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
KAWASAKI Z125 ราคาผ่อน, ตารางผ่อน

การออกแบบรูปลักษณ์ที่มีความโดดเด่นเรือนไมค์วัดรอบอะนาล็อคเช่นเดียว กับรถแข่งรวมถึงจอ LED ดิจิตอลที่รวมฟังก์ชั่นครบครันแสดงผลชัดเจน ทั้งหมดนี้คือรถจักรยานยนค์สไตล์ซุปเปอร์เนคเก็ตที่คล่องตัวที่สุดของคาวาซา กิ ที่จะพาท่านท่องไปในเมืองได้อย่างใจนึก แหละนี่คือความใส่ใจที่คาวาซากิที่มอบให้แก่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อทุกความ รู้สึกการขับขี่อย่างมีสไตล์ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของคาวาซากิอย่างแท้จริง

Kawasaki-Z125-World-Premiere_38_resize

เครื่องยนต์ 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ สูบเดียว ระบบหัวฉีด ให้พละกำลังเต็มพลังตอบสนองฉับไวเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ โช้คหน้าหัวกลับรับแรงกระแทกทุกการขับขี่ โช้คหลังเป็นแบบโช้คเดี่ยวออฟเซ็ตแนวนอนสามารถปรับพรีโหลดได้ถึง 4 ระดับ รูปโฉมภายนอกเป็นแบบ Super Naked ดุดัน สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ตระกูล “Z” อย่างลง

Kawasaki-Z125-World-Premiere_42_resize

ดีไซน์เรือนไมล์สไตล์สปอร์ต วัดรอบอะนาล็อคเหมือนรถแข่ง พร้อมจอ LCD ดิจิตอล ไฟหน้าเดี่ยวมัลติรีเฟลกเตอร์แบบสปอร์ต ให้อิมเมจความเพรียวแก่ตัวรถและให้แสงสว่างที่ชัดเจนเพื่อการมองเห็นในยาม ค่ำคืน

Kawasaki-Z125-World-Premiere_36_resize

รวมถึงไฟท้าย LED ดีไซน์เฉียบเป็นรูปตัว “Z” เช่นเดียวกับ “Z 800” พร้อมเบาะใหม่สไตล์สปอร์ต สวิทช์กุญแจตรงหน้าถังน้ำมัน เพิ่มอิมเมจความสปอร์ตให้กับตัวรถ

Kawasaki-Z125-World-Premiere_37_resize

อีกทั้งท่อไอเสียออกล่างให้ความคอมแพคกับตัวรถ ตำแหน่งพักเท้า และเกียร์โยงสำหรับผู้ขับขี่สไตล์บิ๊คไบค์ แล้วคุณจะพบว่า คาวาซากิ “Z 125” เป็นรถสไตล์สปอร์ต ที่ดุดัน เหมือนกันกับรุ่นอื่น ๆ ในตระกูล Z ของคาวาซากิ โดดเด่น สะดุดตา พร้อมทะยานไปกับคุณทุกที่ แม้เพียงนั่งคร่อม

Kawasaki-Z125-World-Premiere_11_resize

COLORS สี KAWASAKI Z125

โดยคาวาซากิ Z125 และ Z125 Pro วางจำหน่าย 3 สีด้วยกันคือ 1.สีเขียวมะนาว (Candy Lime Green)  2.สีเทาเมทัลลิคกราไฟต์ (Metallic Graphite Gray) 3.สีส้มแคนดี้ไหม้ (Candy Burnt Orange)

1

NEW KAWAZAKI Z125 PRO (2015) สี เทา-ดำ

2

NEW KAWAZAKI Z125 PRO (2015) สี เขียว-ดำ

3

NEW KAWAZAKI Z125 PRO (2015) สี ส้ม-ดำ


SPECFICATION KAWAZAKI Z125 PRO 2015

รหัสรุ่น KAWAZAKI Z125 PRO
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศ
ปริมาตรกระบอกสูบ 125 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก มม. 56.0 x 50.6 มม.
อัตราส่วนแรงอัด  9.8:1
ระบบคลัทช์ Z125 : แบบเปียก, แรงเหวี่ยง
Z125 PRO : แบบเปียก, manual
ระบบส่งกำลัง (ระบบเกียร์) 4 เกียร์ แบบวน
ระบบจุดระเบิด Digital
ระบบการติดเครื่องยนต์ สตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
ขนาด กว้าง x ยาว x สูง (มม.) Z125 : 1,700 x 740 x 1,005 มม.
Z125 PRO : 1,700 x 750 x 1,005 มม.
ระยะห่างช่วงล้อ (มม.) 1,175 มม.
ระยะห่างจากพื้น (มม.) 155 มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ (มม.) 780 มม.
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) 7.4 ลิตร
น้ำหนักสุทธิ (กก.) 101 กก.
ระบบกันสะเทือน (หน้า) เทเลสโคปิคหัวกลับ ระยะการทำงาน 30 มม.
ระบบกันสะเทือน (หลัง) แบบเดี่ยว ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม สามารถปรับตั้งได้แบบฟรีโหลด
ระบบห้ามล้อ (หน้า) ดิสก์เบรกลูกสูบเดี่ยว จานเบรกขนาด 200 มม.
ระบบห้ามล้อ (หลัง) ดิสก์เบรกลูกสูบเดี่ยว จานเบรกขนาด 184 มม.
ล้อ หน้า-หลัง ล้อแม็ก
ขนาดยาง (หน้า) 100/90-14 49J
ขนาดยาง (หลัง) 120/70-12 51L
น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันแก๊สโซฮอล์ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป หรือ E20

Kawasaki-Z125-World-Premiere_43_resize

Kawasaki-Z125-World-Premiere_13_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_09_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_14_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_11_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_15_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_18_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_12_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_20_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_04_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_03_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_22_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_23_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_24_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_25_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_43_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_26_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_27_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_28_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_31_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_32_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_33_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_34_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_35_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_36_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_37_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_38_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_39_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_40_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_41_resize Kawasaki-Z125-World-Premiere_42_resize

รีวิว 2017 Honda City SV+ ใหม่ B-Sedan ออปชั่นแบบ C-Car หล่อหรูกว่าเดิม เพิ่มเติมเทคโนโลยี

$
0
0

รีวิว 2017 Honda City SV+ ใหม่ B-Sedan ออปชั่นแบบ C-Car หล่อหรูกว่าเดิม เพิ่มเติมเทคโนโลยี

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_34

หากพูดถึงรถยนต์ที่เปิดตัวใหม่ในประเทศไทยเป็นคันแรกของปี 2017 นี้แล้วล่ะก็ นั่นก็คือ 2017 Honda City ใหม่ ที่เปิดตัวไปเมื่อ ช่วงกลางเดือนที่แล้ว กับสโลแกน “Be Your Best” และหลังจากนั้น เพียงครึ่งเดือน เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมาทาง Honda Automobiles ได้ทำการจัดทริปทดสอบรถ 2017 Honda City SV+ ใหม่ ซึ่งทาง 9carthai เราได้รับเกียรติในทริปทดสอบครั้งนี้ด้วย

2017-Honda-City-Group-Test_6

สำหรับเส้นทางการทดสอบในครั้งนี้เริ่มต้นออกเดินทางจากโชว์รูมและศูนย์บริการ AT Honda บางบอน เดินทางไปยังสวนผึ้ง ราชบุรี และเดินทางกลับมายังโชว์รูม AT Honda บางบอน โดยมีระยะทางกว่า 350 กม.

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_40

โดยรถทุกคันที่ได้ใช้ในทริปทดสอบนี้จะเป็นรุ่นท๊อป SV+ ทั้งสิ้น
พร้อมกันแล้วเราขอมาเริ่ม รีวิว 2017 Honda City SV+ ใหม่ กันเลยครับ

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_35

ภายนอก

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_36

2017 City ใหม่ ถือเป็นที่สุดของการออกแบบ เพราะมันเป็นรถ B-Car รุ่นแรกที่ให้ไฟแบบ Daytime Running Light แบบ LED และ Shark Fin Antenna (เสาอากาศแบบครีบฉลาม)

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_38

นอกจากนี้ City ใหม่ยัง มอบความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบโครเมียม พร้อมกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอยลวดลายใหม่ ขอบ 16” หล่อเข้มกว่าเดิม

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_42

ขณะที่รายละเอียดด้านมิติ รวมไปถึงรูปลักษณ์ภายนอกอื่นๆนั้น 2017 City ยังคง ใกล้เคียงกับโฉมเดิม

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_11

 ภายใน  2017 City ใหม่ ได้มอบความเป็นที่สุดของการโดยสาร เมื่อเปิดประตูออกด้วยกุญแจระบบ Keyless จะพบการตกแต่งภายในด้วยการใช้วัสดุหนังตกแต่ง โดยตัวเบาะจะเป็นแบบหนังปนผ้า

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_13

จุดที่ปรับเปลี่ยนไป แต่แอบอยากได้ของเดิม คือหน้าจอเครื่องเสียง Touch Screen แบบ Built in ของเดิมที่ดูกลืนไปกับคอนโซล ปรับใหม่ให้มีขนาดเล็กลง และมีช่องเสียบ USB และ HDMI จากทางด้านบนเลย ซึ่งของเดิมช่องเสียบจะอยู่ใต้คอนโซลด้านล่าง โดยชุดเครื่องเสียงถ่ายทอดผ่านลำโพงถึง 8 ตัว ในรุ่น SV+ คันนี้

พร้อมกันนี้เมื่อเข้าเกียร์ R จอตัวนี้จะเชื่อมต่อแสดงผลกล้องมองหลัง ซึ่งปรับได้ 3 ระดับ

2017-City_1

จุดที่ผู้เขียนแอบชอบ ก็มีการเพิ่มลูกเล่นวงแหวนที่บริเวณโดยรอบขอบคันเกียร์ซึ่งแม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่ทันสมัย และสวยงามไม่เบา

นอกนั้นรายละเอียดโดยส่วนใหญ่ ก็จะเหมือนกับ City โฉมเดิม ที่อัดแน่นฟังก์ชั่นครบถ้วนอยู่แล้ว อาทิ

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_15

ปุ่ม Push Start, ปุ่ม ECON, ปุ่มปิด TCS  (Traction Control) เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติอิสระ 2 โซน

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_14

พวงมาลัย 3 ก้าน polyurethane ปรับ 4 ทิศทาง  มีสวิทช์ Multifunction  และ Cruise Control รวมถึงปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ พร้อมแป้น Paddle Shift

2017-City_2

ช่องจ่ายไฟ ทางด้านหลัง มีถึง 2 ช่องเอาใจคนชอบเล่น Smartphone

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_09

ด้านพื้นที่โดยสารตอนหลัง ยังคงกว้างขวางผู้ที่มีส่วนสูงมากๆ ก็ยังนั่งได้สบายไม่มีอึดอัด

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_28

สำหรับเบาะตอนหน้า ผู้เขียนแอบรู้สึกไม่ชอบ พนักพิงศรีษะเล็กน้อย เรื่องจากตัวหมอนหนุนดูจะไม่รับกับสรีระของศีรษะนัก

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_27

เบาะตอนหลังยังสามารถพับ 60:40  ได้ ในรุ่น SV และ SV+ ขยายพื้นที่ความจุในการเก็บของได้ไม่แพ้รถ Hatchback

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_30

เครื่องยนต์ 4 สูบ SOHC i-VTEC ความจุ 1,497cc จับคู่เกียร์ CVT 7 Speed รองรับน้ำมัน E85
ได้แรงม้าสุทธิ  117 แรงม้า @6,000rpm  และ แรงบิด 146Nm@4,700rpm

มีตัวเลขเคลม  อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน  17.9 กม./ลิตร (เบนซิน) และปล่อย CO2 อยู่ที่ 133 กรัม/กม.

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_16

การขับขี่ใช้งาน หากขับด้วยโหมด ECON กำลังเครื่องยนต์จะถูกปรับให้การตอบสนองช้าลง   ซึ่งจะประสานสอดคล้องกับ Eco Coaching  ที่จะช่วย ไกด์ ให้คุณขับรถประหยัด ด้วยแถบสีบนมาตรวัด

แต่เมื่อขับแบบเน้นสมรรถนะ พบว่ากำลังเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC ของ City นี้ยังทำได้ดีเหมือนเคย ถือเป็นรถที่มีสมรรถนะเครื่องยนต์ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับรถในพิกัด B-Car เครื่อง 1.5 ลิตร

City ใหม่ ยังขับดีราบลื่นเหมือนเดิม การตอบสนองจากแป้นคันเร่งที่แม่นยำ ออกตัวเร่งแซงใช้งานทั่วไปยังทำงานได้ดีตามคาด ตีนต้นเพียงพอต่อการขับใช้งานเดินทางไกล ขณะที่ช่วงปลายก็ถือว่าไหลมาเทมาเรื่อยๆ ไม่ให้ผู้ขับขี่รู้สึกอัดอัดกับความเร็วช่วงกลางหรือช่วงปลายแต่อย่างใด

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_14

ระบบบังคับเลี้ยว City ใหม่ยังใช้พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน ผ่อนแรงไฟฟ้า EPS รูปทรง 3 ก้าน Polyurethane เช่นเคย  มันยังคงรัศมีวงเลี้ยว 5.3 ม. ช่วงการสาวพวงมาลัยเบาสบายมือ ที่ความเร็วต่ำตอบสนองถือว่าใช้ได้เลย ไม่ไวจนเกินไปนัก แต่ที่ความเร็วสูง  ยังพบว่าน้ำหนักเบาไปอยู่หน่อย โดยรวมก็ถือว่าเป็นปกติ และทำหน้าที่ได้ดี กับการเซ็ทพวงมาลัยเพื่อใช้งานในการขับขี่แบบทั่วๆไป และสำหรับการเข้าโค้งตามทางบนเส้นสวนผึ้งนี้ ถือว่าการตอบสนองของวงเลี้ยวพวงมาลัยทำได้ต่อเนื่อง แม้จะไม่เฉียบคมในแบบรถสปอร์ต หรือฟีลลิ่งน้ำหนักที่ดูหนึบแน่น แต่ก็ช่วยให้การเข้าโค้งต่อเนื่อง ซ้าย-ขวา ทำได้อย่างคล่องตัวดีทีเดียว

2017-Honda-City-Group-Test_3

ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท   และด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม
ตามสไตล์รถ Honda City มันยังคงนุ่มนั่งสบาย การใช้งานที่ความเร็วเดินทางปกติ ทำได้ดีพอสมควร ในทริปนี้ ผู้เขียนนั่ง 3 มีผู้โดยสารตอนท้ายนั่งด้วย จึงทำให้การขับขี่ที่ความเร็วสูง ทางด้านท้ายยังไม่โคลงเคลงแต่อย่างใด ซึ่งก็ถือว่าสอบผ่าน

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_38

ระบบเบรก ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกมีครีบระบายความร้อน และด้านหลังเป็นแบบดรัม

แม่ว่าจะใช้เบรกหลังแบบดรัม แต่การตอบสนองของแป้นเบรกทำได้ดี และนุ่มนวล ขับขี่ใช้งานทั่วไป ลงน้ำหนักแป้นเบรกไม่ต้องหนักมากนักก็ชะลอความเร็วได้ดี เหมือน Honda City โฉมเดิม

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_44

ในด้านระบบความปลอดภัย 2017 City ถือเป็นอีกที่สุดของความปลอดภัย เพราะในรุ่น SV+ นี้ ให้ถุงลมนิรภัยมากถึง 6 ลูก

คู่หน้า 2, ด้านข้าง 2 และ ม่านถุงลมอีก 2

นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มให้มาตั้งแต่รุ่นล่าง ได้แก่ ระบบเบรก ABS, EBD, BA ระบบ TCS (ระบบป้องกันล้อลื่นไถล), VSA (ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว), HSA (ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน), ESS (ไฟฉุกเฉินติดอัตโนมัติเมื่อกระทืบเบรกกระทันหัน), กุญแจ Immobilizer

2017-Honda-City-Group-Test_5

สรุป 2017 Honda City SV+ ใหม่ ยังคงเป็นรถ B Sedan ที่ยังคงออปชั่นครบถ้วนสมบูรณ์ ตอบโจทย์ ผู้ใช้ชาวไทยได้เป็นอย่างดี เพิ่มเติมคือ ความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมในคลาส ทั้งรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและหรูหรา ออปชั่นภายในที่อัดแน่นจัดเต็มทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก เรียกได้ว่าคุ้มค่า ในแบบที่ต้องหาในรถ Compact เลยก็ว่าได้ ซึ่งราคา 2017 Honda City ใหม่นี้ อยู่ในระดับที่คนส่วนใหญ่ สามารถจับต้องได้จริง!

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_06

จุดเด่น

  • ระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบจัดเต็ม ตั้งแต่รุ่นล่าง และถุงลมนิรภัยสูงให้ถึง 6 จุด รุ่นท๊อป
  • รูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหรา กับไฟ LED ในแบบเดียวกับรถ Accord ใหม่ รวมถึงการติดตั้ง Shark Fin Antenna
  • ออปชั่นภายในห้องโดยสารครบครัน ดูดีและหรูหรา ไม่แพ้รถในระดับ Compact Car

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_08

ข้อสังเกต

  • ช่องชาร์จไฟตอนหลัง น่าจะเป็นแบบช่องเสียบชาร์จไฟบ้าน จะสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับการชาร์จไฟอย่างโน้ตบุก
  • หน้าจอเครื่องเสียงแบบจอเรียบฝังในโฉมเดิมขนาด 7” ใหญ่กว่า และดูล้ำสมัยกว่าจอตัวใหม่

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_01

 2017 Honda City มีทั้งหมด 6 รุ่น

  • รุ่น SV+ CVT                 ราคา 751,000 บาท
    • รุ่น SV CVT                   ราคา 736,000 บาท
    • รุ่น V+ CVT                   ราคา 689,000 บาท
    • รุ่น V CVT                     ราคา 649,000 บาท
    • รุ่น S CVT                      ราคา 589,000 บาท
    • รุ่น S MT                        ราคา 550,000 บาท

โดยมากับ 6 สี ให้เลือก ได้แก่ – สีน้ำเงิน Cosmic Blue, สีเงิน Lunar Sliver, สีขาวมุก White Orchid, สีเทา Model Steel, สีดำ Crystal Black และ สีขาว Taffeta White

2017-Honda-City-Group-Test_2

 ขอขอบคุณ Honda Automobile  สำหรับทริปทดสอบ 2017 Honda City ใหม่ ในครั้งนี้ 
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai

2017-Honda-City-SV+-GroupTest_34 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_33 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_40 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_01 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_03 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_05 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_06 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_07 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_08 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_36 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_43 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_39 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_41 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_35 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_42 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_32 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_31 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_45 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_44 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_38 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_23 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_30 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_29 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_11 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_25 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_24 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_10 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_09 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_28 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_27 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_14 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_13 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_15 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_16 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_17 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_18 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_20 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_21 2017-Honda-City-SV+-GroupTest_22 2017-Honda-City-Group-Test_6 2017-Honda-City-Group-Test_2 2017-Honda-City-Group-Test_4 2017-Honda-City-Group-Test_5 2017-Honda-City-Group-Test_1 2017-Honda-City-Group-Test_3

ใหม่ All-New Honda City 2017-2018 ราคา ฮอนด้า ซิตี้ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ All-New Honda City Minorchange 2017-2018 ราคา ฮอนด้า ซิตี้ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

NEW HONDA CITY 2017

NEW HONDA CITY PRETTY 3 NEW HONDA CITY PRETTY 4 NEW HONDA CITY PRETTY 5 NEW HONDA CITY PRETTY NEW HONDA CITY PRETTY 1 NEW HONDA CITY PRETTY 2

NEW HONDA CITY NEW HONDA CITY 1 NEW HONDA CITY 2 NEW HONDA CITY 3 NEW HONDA CITY 3-1 NEW HONDA CITY 4 NEW HONDA CITY 5 NEW HONDA CITY 6 NEW HONDA CITY 7 NEW HONDA CITY 7-1 NEW HONDA CITY 8 NEW HONDA CITY 9 NEW HONDA CITY 9-1 NEW HONDA CITY 10 NEW HONDA CITY 11-1 NEW HONDA CITY 12 NEW HONDA CITY 13 NEW HONDA CITY 14 NEW HONDA CITY 14-1

ดูรถ Segment ใกล้เคียง Toyota Vios | Toyota Yaris | Honda City | Mazda 2 | MG 3 | Ford Fiesta | Mitsubishi Attrage | Nissan Almera | Nissan Note | Suzuki Ciaz

NEW HONDA CITY 2017 ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างอย่างเป็นทางการแล้ว ณ วันที่ 12 ม.ค. 60 ถือว่าเป็นแบรนด์รถเจ้าแรกที่เปิดตัวในปีนี้ ซึ่ง Honda City 2017 นั้นได้มีการปรับเปลี่ยน ยกระดับความหรูหราและความสปอร์ตมากกว่าเดิม ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงอุปกรณ์ความสะดวกที่ทันสมัยและมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครัน  แต่เพื่อนๆคงอยากทราบแล้วใช่ไหมครับ ว่า  Honda City Minor Change มีการปรับเพิ่มอะไรบ้าง  อ่านตามด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ภายนอก มีการปรับไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Lights) พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า LED

ส่วนกระจังหน้าเป็นแบบโครเมียม พร้อมกันชนหน้า-หลัง ดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต, ล้ออัลลอยลายใหม่เท่ห์กว่าเดิม

ภายใน มีการออกแบบแผงคอนโซลสีกันเมทัลลิกดูสปอร์ตและหรูหรากว่าเดิม  พร้อมเบาะนั่งลายใหม่สไตล์สปอร์ต  และมีการเปลี่ยนไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารเป็นแบบ LED

เครื่องยนต์เหมือนเดิม  SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่  6,000. รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด  146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที

มาพร้อมเกียร์ CVT ที่พัฒนาเป็นเทคโนโลยี Earth Dream   อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 17.9 กม.ลิตร

อุปกรณ์ความปลอดภัย เหมือนเดิม  เพราะตัวเก่าจัดมาให้เต็มที่ไม่มีกั๊ก อาทิ
– ถุงลม 6 ตำแหน่ง
– ระบบป้องกันล้อล็อค (ABS)
– ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
– ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่ทางบนลาดชัน (HSA)
– สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
– กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

Honda ถือว่าประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา สามารถครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน (2015-2016) และปีนี้ 2560 Honda ตั้งใจจะรักษาความเป็นอันดับหนึ่งสร้าง Triple Champ อันดับ 3 (ขายรถหรือเตะบอลหว่า 555)  ซึ่งเราต้องมาคอยดู VIOS ที่จะปิดตัว

NEW HONDA CITY 2017 เหนือกว่าที่สุด คือที่สุดในทุกด้าน

ก้าวข้ามนิยามความเป็นที่สุดกับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่ให้คุณสัมผัสความเป็นที่สุดในทุกด้าน ผสานความพรีเมียม และความสปอร์ตอย่างลงตัว

ด้วยดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นรอบคัน เพิ่มความเหนือระดับกับการออกแบบภายในที่สปอร์ตเร้าใจมากขึ้น พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง ตอบรับความสะดวกสบายสูงสุด

ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง สู่อีกขั้นที่สะท้อนภาพลักษณ์ของคุณในทุกมุมมองภาพ ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด สู่อีกขั้นแห่งความสำเร็จที่สะท้อนตัวตนของคุณ…ที่ไม่หยุดแค่คำว่าที่สุด

ราคา Honda City 2017
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ S MT 550,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ S AT 589,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ V AT 649,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ V+ AT 689,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ SV AT 736,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ SV+ AT 751,000.

– สีขาวมุก เพิ่ม 10,000. และสีดำมุก เพิ่ม 6,000. บาท

Honda City CNG ราคา
ราคา Honda City CNG ฮอนด้า ซิตี้ CNG S MT ราคา 612,000.
ราคา Honda City CNG ฮอนด้า ซิตี้ CNG S AT ราคา 651,000.
ราคา Honda City CNG ฮอนด้า ซิตี้ CNG V AT ราคา 711,000.

*ของแถม Honda City จัดเต็ม ติดต่อ เซลล์ คุณเบล 089-7899077 *ดาวคะนอง ฝั่งธน

คลิก >>> รีวิว Honda City ล้ำเหนือใคร ไปให้ถึงคำว่าที่สุด

ราคา ฮอนด้า ซิตี้ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
NEW HONDA CITY ราคาผ่อน, ตารางผ่อน

ราคา ฮอนด้า ซิตี้ ซีเอ็นจี ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

ชมงานเปิดตัว HONDA CITY 2017


อุปกรณ์มาตรฐาน New HONDA CITY 2017

ความกว้าง x ความยาว x ความสูง = (1,695 x 4,440 x 1,477)

ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก / หลัง ดรัมเบรก

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น S MT 550,000. 
อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้า มัลติรีเฟล็กเตอร์
– ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
– กระจังหน้า แบบโครเมียม
– คิ้วฝากระโปรงท้าย สีเทา*
– มือจับประตูด้านนอก สีเดียวกับตัวรถ
– ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
– ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา
– เสาอากาศ แบบสั้น
– ไล่ฝ้ากระจกหน้า หลัง
– ล้อ ฝาครอบ 15 นิ้ว

อุปกรณ์ภายใน
– สีภายใน สีดำ
– เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง ต่ำได้
– ระบบปรับอากาศ
– กุญแจรีโมทพร้อมสวิตช์เปิดฝากระโปรงท้าย
– พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง
– มาตรวัดเรืองแสง (Self-illuminating Meters) สีขาว
– ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด Eco Indicator
– ระบบเซ็นทรัลล็อก
– ช่องจ่ายไฟสำรองด้านหน้า 1 ตำแหน่ง
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
– กระจกมองหลังแบบตัดแสง
– แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิด ด้านคนขับ
– ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า
– ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
– ราวมือจับ 1 ตำแหน่ง
– ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
– ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับพร้อมเสียงเตือน

ระบบเครื่องเสียง / อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
– ระบบเครื่องเสียงวิทยุ
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัทพ์แบบไร้สาย Bluetooth
– ช่องเชื่อมต่อ USB
– ช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
– จำนวนลำโพง 4 ลำโพง

ระบบรักษาความปลอดภัย
– ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS)
– ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)
– ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
– ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
– ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
– สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
– เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
– เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง 2 จุด 1 ตำแหน่ง
– ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
– จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
– กุญแจแบบ Wave Key
– ไฟเบรกดวงที่ 3

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น S CVT  589,000.
– เกียร์อัตโนมัติ
– ปุ่ม ECON

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น V CVT  649,000.
– คิ้วฝากระโปรงท้าย แบบโครเมียม
– ล้อ อัลลอย 15 นิ้ว
– วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ Piano Black
– ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
– ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
– มาตรวัดเรืองแสง (Self-iluminating Meters) สีขาว พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
– ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด Eco Coaching
– ระบบเซ็นทรัลล็อก พร้อมสวิตช์ควบคุมตำแหน่งคนขับ
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับไฟฟ้า
– ราวมือจับ 3 ตำแหน่ง
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
– ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น V+ CVT  689,000.
– มือจับประตูด้านนอก โครเมียม
– เสาอากาศ แบบสั้น แบบครีบฉลาม
– ไล่ฝ้ากระจกหน้า หลัง พร้อมไล่ฝ้ากระจกข้าง
– มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม
– ระบบปรับอากาศ อัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส
– ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมปุ่มรับ วางสายโทรศัทพ์
– รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone**
– ช่องเชื่อมต่อ HDMI
– กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น SV CVT  736,000.
– ไฟหน้า LED
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
– ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา
– ล้ออัลลอย 16 นิ้ว
– ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (7-speed Paddle Shift)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System)
– พร้อมช่องจ่ายไฟสำรองสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
– เพิ่มแผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิด ฝั่งผู้โดยสาร
– พนักเท้าแขนด้านหน้า
– จำนวนลำโพง 8 ลำโพง

NEW HONDA CITY 2017 รุ่น SV+ CVT  751,000.
– สีภายใน สีดำ ลายสปอร์ต
– เบาะนั่งด้านหลังปรับพับ 60:40
– พนักพิงศีรษะด้านหลัง 3 ตำแหน่งพร้อมปรับระดับสูง ต่ำได้
– ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า แบบ LED
– ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร แบบ LED
– ราวมือจับ 4 ตำแหน่ง
– ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับพร้อมเสียงเตือน ด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าพร้อมเสียงเตือน
– ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ (i-Side Airbags)
– ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)


1
2
“เหนือกว่าที่สุด คือที่สุดในทุกด้าน”
ก้าวข้ามนิยามความเป็นที่สุดกับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่ให้คุณสัมผัสความเป็นที่สุดในทุกด้าน ผสานความพรีเมียมและความสปอร์ตอย่างลงตัว สู่อีกขั้นที่สะท้อนภาพลักษณ์ของคุณในทุกมุมมอง

3
“ที่สุด…แห่งการออกแบบเหนือระดับ”
อีกขั้นของความที่สุด กับการออกแบบเหนือระดับด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียมดีไซน์ใหม่เพิ่มอารมณ์แห่งความสปอร์ตระดับพรีเมียมด้วยไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED พร้อมไฟหน้าแบบ LED เพิ่มความโดดเด่น สะท้อนความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

4
“ที่สุด…แห่งความพิถีพิถันทุกรายละเอียด”
สัมผัสความลงตัวของภายในหรูหรา ด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมดีไซน์พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสบายสูงสุด ครบครันด้วยอุปกรณ์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัย เติมเต็มความสุขให้ทุกจุดหมายปลายทางของคุณ

5
– ห้องสัมภาระด้านท้ายจุฟได้ถึง 536 ลิตร
– ที่ดึงพับเบาะด้านหลัง

6
– เบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่สำหรับวางสัมภาระได้อย่างเต็มที่

7
– เบาะนั่งลายใหม่สไตล์สปอร์ต

8
– ช่องเชื่อมต่อ USB พร้อมช่องเชื่อมต่อ HDMI

9
– ที่วางแก้วน้ำ บริเวณคอนโซลหน้า

10
– ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้าแบบ LED

11
– ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED

12
– ลำโพง 8 ตำแหน่ง

13
“ที่สุด…แห่งการควบคุมอัจฉริยะ”
สัมผัสกับคอนโซลดีไซน์ใหม่สี กัน เมทัลลิก (Gun Metallic) สไตล์สปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีควบคุมอัจฉริยะ ด้วยพวงมาลัย ด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นกับระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และช่องเชื่อมต่อ HDMI ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ครบครันด้วยฟังก์ชั่นระดับพรีเมียม เพื่อตอบสนองทุกการเดินทางของคุณให้เพลิดเพลินตลอดเส้นทาง

14
– Home Screen หน้าจอเมนูหลัก

15
– Audio Display หน้าจอแสดงผลในโหมดเครื่องเสียง

16
– Hands Free Telephone หน้าจอแสดงผลการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย

17
– Radio Display หน้าจอแสดงผลในโหมดวิทยุ

18
– HDMI รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI

19.
– Honda Smart Key System ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ

20
-มาตรวัดเรืองแสง

21
“ที่สุด…แห่งความสปอร์ตเร้าใจ”
เต็มที่ไปกับขุมพลังการขับเคลื่อนและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีความล้ำหน้าของเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ที่ตอบสนองได้ดั่งใจ ผสานความนุ่มนวลด้วยระบบเกียร์ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีดและระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน Eco Assist เพื่อความสมบูรณ์แบบของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85

22.
– ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology ให้การประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นพร้อมอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ตอบสนองทุกการขับขี่

23
– เครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบ/นาที

24
– ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (7-speed paddle Shift)

25
– ECO Coaching ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน เป็นระบบที่ช่วยแนะนำให้ผู้ขับขี่ใช้เชื้อเพลิงอย่างรู้คุณค่า โดยวัดจากพฤติกรรมการเหยียบเบรก และคันเร่งของผู้ขับขี่ ซึ่งจะแสดงผลด้ายการเปลี่ยนสีที่มาตรวัดเรืองแสง โดยระบบจะช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น และเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยโลกในการประหยัดพลังงาน

26
– ECON Mode เป็นระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองโดยระบบจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ลิ้นปีกผีเสื้อ และระบบเกียร์ให้ทำงานสันพันธ์กันในขณะรถวิ่ง นอกจากนั้นระบบจะปรับการทำงานของระบบปรับอากาศ และการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร ให้เหมาะสมกับอุณหภมิภายนอกรถ ซึ่งการทำงานของ ECOM Mode นั้นจะช่วยควบคุมเครื่องยน์ ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

27
– รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85

28
“ที่สุด…แห่งเทคโนโลยีความปลอดภัย”
เติมเต็มความมั่นใจให้คุณในทุกเส้นทาง กับอีกขั้นมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันทั้งระบบเบรก ABS ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS ที่มีให้ครบในทุกรุ่นพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยของรถระดับพรีเมียม อาทิ ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3ระดับ และอีกหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ให้คุณมั่นใจในทุกการเดินทาง

29
– ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags

30
– Vehicle Stability Assist (VSA) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งเพิ่มการยึดเกาะถนน มั่นคงทุกการขับเคลื่อน

31
– ระบบเบรกป้องกันล็อก (ABS) ช่วยให้สามารถควบคุมการบังคับพวงมาลัยเมื่อต้องเบรกกะทันหัน พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้ความสมดุลมากขึ้น

32
– ISOFIX & Child Anchor จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก

33
– Hill Start Assist (HSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

34
– Emergency Stop Signal (ESS) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน

35
– โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง

36
373839
– Multi-angle Rearviwe Camera กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอยโดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน


ACCESSORIES อุปกรณ์ตกแต่ง HONDA CITY
00..

01
– สเกิร์ตหน้า

02
– สเกิร์ตข้าง

03
– สเกิร์ตหลัง

04
– คิ้วกันสาด

05
– สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรก

06
– สปอยเลอร์หลัง แบบดักเทล

07
– ไฟตัดหมอก LED

08
– ล้อแม็ก ขนาด 15 นิ้ว ลาย Silver Blade


GRADE LEVEL
46
47
48
49

COLORS สี New HONDA CITY 2017
ใหม่ ฮอนด้า ซิตี้ 2017 มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ 1.สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) *เฉพาะรุ่น SV+ – SV 2.สีขาวออร์คิด (มุก) 3.สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) *ยกเว้นรุ่น S MT 4.สีดำคริสตัล (มุก) 5.สีขาวทาฟเฟต้า 6.สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

40.น้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) Cosmic Blue Metallic (B-607M) ๐เฉพาะรุ่น SV+ - SV
New HONDA CITY 2017 สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) *เฉพาะรุ่น SV+ – SV

41.ขาวออร์คิด (มุก) White Orchid Pearl (NH-788P)
New HONDA CITY 2017 สีขาวออร์คิด (มุก)

42.เทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) Modern Steel Metallic (NH-797M) ๐ยกเว้นรุ่น S MT
New HONDA CITY 2017 สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) *ยกเว้นรุ่น S MT

43.ดำคริสตัล (มุก) Crystal Black Pearl (NH-731P)
New HONDA CITY 2017 สีดำคริสตัล (มุก)

44.ขาวทาฟเฟต้า Taffeta White (NH-578)
New HONDA CITY 2017 สีขาวทาฟเฟต้า

45.เงินลูนาร์ (เมทัลลิก) Lunar Silver Metallic (NH-830M)
New HONDA CITY 2017 สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

ใหม่ Yamaha YZF R15 2017-2018 ราคา ยามาฮ่า YZF R15 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ Yamaha R15 2017-2018 ราคา ยามาฮ่า R15 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

Yamaha YZF R15

เผยโฉมแล้ววันนี้ กับ All New 2017 Yamaha YZF-R15 เป็นครั้งแรกในไทย โดยดึง Maverick Vinales นักบิด MotoGP คนล่าสุดของทีม ซึ่งเข้ามาเป็นทีมเมทคู่กับ Valentino Rossi ร่วมโชว์ตัวด้วยในครั้งนี้ ซึ่ง 9carthai เราขอพาทุกท่านมาชมเต็มๆ โดยรอบคัน พร้อมรายละเอียดไฮไลท์ของรถคันนี้กันครับ

ส่วนราคานั้น Yamaha YZF-R15 2017 จะถูกเปิดตัวในงาน Motor Show 2017 ปลายเดือนหน้า ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ 90,000 – 95,000 ครับ

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_33

ภายนอกของ 2017 YAMAHA YZF-R15 หล่อแบบ Supersport ตระกูล R-Series

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_38

โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED คู่ รูปทรงเรียวงาม พร้อมช่อง Ram Air

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_01

ไฟท้าย LED ในสไตล์แบบ R1 และ R6

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_32

เครื่องยนต์ 155cc พร้อมระบบ VVA (วาล์วแปรผัน)

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_11

ระบบ Assist & Slipper Clutch ช่วยให้คลัทช์เบานิ่ม และลดแรงดึง E-Brake ลง

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_14

โช้กหน้า USD

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_06

สวิทช์ไฟ Pass ทางฝั่งซ้าย

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_07

สวิทช์ไฟฉุกเฉินทางฝั่งขวา

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_02

แฮนด์จับโช้กใต้แผงคอเตี้ยในแบบรถ Supersport

2017-Yamaha-YZF-R15-9carthai_24


YAMAHA YZF R15 2016

0-2
YZF R15 ปฐมบทแห่งความเร้าใจจาก R-SERIES
ยามาฮ่า YZF-R15 ถ่ายทอดเทคโนโลยีและสไตลิ่งตามแบบฉบับรถแข่ง YZR-M1 สมรรณะความแรงเต็ม 150 ซีซี. พร้อมวิวัฒนาการความเร้าใจแบบฉบับตระกูล R หนึ่งเดียวที่ครองใจคนทั่งโลก

ราคา Yamaha YZF R15 ยามาฮ่า YZF R15 85,000.

*รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, รวมทะเบียน + พรบ. แล้ว *รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, รวมทะเบียน + พรบ. แล้ว

**ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับแต่ละ Dealer และพื้นที่นั้นๆ **ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับแต่ละ Dealer และพื้นที่นั้นๆ

ราคา ยามาฮ่า YZF R15 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์ ราคา ยามาฮ่า YZF R15 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

Yamaha YZF R15 Specifications 2016
0
1
150cc 6 Speed… อัดเต็มแรง
แบบรถแข่งยามาฮ่า เครื่องยนต์ 150 ซีซี. สูบเดี่ยว เกียร์สปอร์ต 6 สปีด พร้อมระบบหัวฉีดอัจฉริยะสั่งจ่ายน้ำมันสมดุลทุกอัตราเร่ง และกระบอกสูบไดอะซิล ทน แกร่ง ประหยัดกว่า

2
ไฟหน้าคู่ Dual Reflector Headlight
เอกลักษณ์เฉพาะสายพันธุ์ R-Series ไฟหน้าลุคสปอร์ตไดนามิคสุดเร้าใจพร้อมไฟ Position Lamp ให้ฟีลสปอร์ตแบบเต็มพิกัด

3
หน้าปัดสปอร์ตสไตล์ Super Biker
เรือนไมล์ดีไซน์สปอร์ตสไตล์ซูเปอร์ไบค์มาตรวัดระบบอนาล็อกผสานดิจิตอลให้ความแม่นยำสูง

7
สวิงอาร์มอะลูมิเนียม…เหนือชั้นกว่าทุกสายพันธุ์
ให้การควบคุมรถได้ดีและรักษาสมดุลตลอดการขับขี่ตั้งแต่ช่วงออกตัวจนถึลอัตราะร่งสูงสูด

Colors สี Yamaha YZF R15 Specifications
ยามาฮ่า วายเซ็ทเอฟ อาร์ 15 สเปเชียล มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ 1.สีน้ำเงิน 2.สีแดง-ขาว 3.สีดำ

4
Yamaha YZF R15 Specifications สีน้ำเงิน

5
Yamaha YZF R15 Specifications สีแดง-ขาว

6
Yamaha YZF R15 Specifications สีดำ

Specification YAMAHA YZF R15 Specifications

รหัสรุ่น YAMAHA YZF R15 Specifications
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ / 1 สูบ
ระบายความร้อน หม้อน้ำ
ความจุหม้อน้ำ 0.38 ลิตร
ความจุถังพักหม้อน้ำ 0.25 ลิตร
ปริมาตรกระบอกสูบ 149 ซีซี
ระบบวาล์ว 4 วาล์ว SOHC
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก 57.0 มม. X 58.7 มม.
อัตราส่วนแรงอัด 10.4 : 1
ระบบหลิอลื่น แบบเปียก
ระบบจ่ายน้ำมัน ระบบหัวฉีด
ระบบจุดระเบิด T.C.I.
ระบบคลัทช์ แบบเปียก ชนิดหลายแผ่น
ระบบเกียร์ แบบสปอร์ต 6 ระดับ
ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า
ระบบส่งกำลัง (ระบบเกียร์) โซ่ / สเตอร์
หัวเทียน (NGK / CR9E)
เฟรม เดลต้าบ็อกซ์
มุมแคสเตอร์/ระยะเทรล 26องศา / 98 มม.
ขนาด กว้าง x ยาว x สูง 670 x 1,975 x 1,070 มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 800 มม.
ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง 160 มม.
ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ 1,345 มม.
ความจุน้ำมันเครื่อง 0.95 ลิตร (ไม่มีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง)
1.00 ลิตร (มีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง)
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 12 ลิตร
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 2,600 มม.
ระบบกันสะเทือน (หน้า) เทเลสโคปิคแบบคู่
ระบบกันสะเทือน (หลัง) สวิงอาร์ม (แขนยึดโช้คอัพหลัง)
ระบบห้ามล้อ (หน้า) ดิสก์เบรคเดี่ยว
ระบบห้ามล้อ (หลัง) ดิสก์เบรคเดี่ยว
ระบบไฟหน้า 12 V, 35.0W / 35.0 W x 2
แบตเตอรี่ 12 V, 3.0 Ah / GTZ4V (MF)
ขนาดยาง (หน้า) 90/80-17 M/C 46P
ขนาดยาง (หลัง) 130/70-17 M/C 62P
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซินไร้สารตะกั่ว หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ออกเทน 95
หรือ ออกเทน 91 ที่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20%
น้ำหนักสุทธิ (กก.) 134 กก.

2017 Mazda2 เขย่าตลาดเก๋งเล็กยกมาตรฐานซับคอมแพ็คคาร์ ใส่เทคโนโลยีเต็มคัน ดึงนาย ณภัทร เป็นพรีเซนเตอร์

$
0
0

2017 Mazda 2 เขย่าตลาดเก๋งเล็กยกมาตรฐานซับคอมแพ็คคาร์ ใส่เทคโนโลยีเต็มคัน ดึงนาย ณภัทร เป็นพรีเซนเตอร์

New Mazda2-1

New Mazda2-2 New Mazda2-3 New Mazda2-4 New Mazda2-5 New Mazda2-6 New Mazda2-7 New Mazda2-8 New Mazda2-10 New Mazda2-9 New Mazda2-11 New Mazda2-12 New Mazda2-13 New Mazda2-14 New Mazda2-15

บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทยกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง โหมกระหน่ำเปิดตัวรถรุ่นใหม่ต่อเนื่อง 2 รุ่นรวด หลังจากส่งมาสด้า3ใหม่ ลงสู่ตลาดและกำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ ก็ถึงเวลาส่งสปอร์ตตัวจี๊ดที่เตรียมออกมาบุกตลาดเก๋งเล็ก เปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งมาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ ปี 2017 ด้วยพิธีการเปิดตัวรูปแบบใหม่สุดอลังการ ที่พร้อมสั่นสะเทือนทุกความเชื่อ และสร้างคุณค่าใหม่ๆ ที่เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน

ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุด “THE NEXT LEVEL OF EXCITEMENT” ดึงดารานักแสดงที่กำลังโด่งดัง ณภัทร เสียงสมบุญ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ที่มาพร้อมกับระบบ G-VECTORING CONTROL อันเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเทคโนโลยีด้านการควบคุมการขับขี่ พร้อมใส่อุปกรณ์มาตรฐานเต็มคัน ปรับราคาขึ้นเริ่มต้น 1,000 บาท เพิ่มความคุ้มค่า

2017-Mazda2-Launch_5

การเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งมาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ในวันนี้ ถือเป็นการเปิดตัวรถยนต์ในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศไทย ภายในงานเป็นการจัดแสดงในรูปแบบการเปิดตัวผสมผสานกับคอนเสิร์ตแบบเต็มวงมาเป็นลีดในการนำเข้าสู่การเปิดตัว

โดยเริ่มต้นด้วยดนตรีแนวเพลงป็อบเบาๆ จาก แพรว คณิตกุล มาสร้างบรรยากาศเรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าความสนุกสนาน ความตื่นเต้น ความเร้าใจยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ ช่วงไฮไลท์สำคัญมาสด้าได้เปิดตัวแนะนำแบรนด์แอมบาสเดอร์ ณภัทร เสียงสมบุญ หรือ “นาย” นักแสดง ดารา นายแบบ คนรุ่นใหม่ มากความสามารถ และกำลังร้อนแรงในวงการบันเทิงเมืองไทย ที่ออกมาพร้อมกับการขับรถ New Mazda2 มาบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ในช่วง 1 ปี ที่ใช้ชีวิตกับรถยนต์คันนี้ในการเดินทาง และการทำงานในฐานะเป็นพรีเซนเตอร์ของมาสด้า

ต่อจากนั้นเป็นการเซอร์ไพรส์ครั้งสำคัญบนเวทีคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกกับวงร็อคอันดับหนึ่งของเมืองไทย Bodyslam ที่มาสร้างความฮือฮาให้กบสาวกขาร็อคได้สนุกสนานกันอย่างเต็มอิ่ม

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าตลาดรถยนต์ในปีที่ผ่านมาจะไม่มีการเติบโตมากนัก โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 767,798 คัน ลดลงเล็กน้อยประมาณ 4% แต่ในปีนี้คาดว่าตลาดรถยนต์จะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดตัวรถยนต์รถใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด

ซึ่งในปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ารถยนต์ในแต่ละเซ็กเม้นมีอัตราการเติบโตน้อยมาก โดยตลาดรถปิกอัพเป็นตลาดเดียวที่มีการเติบโต โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 333,415 คัน เพิ่มขึ้นเพียง 2% ส่วนตลาดรองลงมาคือรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือบี-คาร์ที่รวมกับอีโคคาร์ มีจำนวนทั้งสิ้น 192,518 คัน ลดลง 11% และตลาดรถอเนกประสงค์มีจำนวนทั้งสิ้น 111,481 คัน ลดลง 11% จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 เซกเม้นต์นี้ มีปริมาณยอดขายรวมกันสูงมาก การเปิดตัวมาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ในวันนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กกลับมาคึกคักอีกครั้ง

“สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้คือ การเปิดตัวมาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งจะเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคจากความเชื่อแบบเดิมๆ ไปจนหมดสิ้น โดยเฉพาะการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมาใส่ในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก อาทิ

เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ-วีฮิเคิล ไดนามิกส์ และเทคโนโลยี i-ACTIVSENE ให้ความนุ่มนวลและเกาะถนนมากยิ่งขึ้นควบคุมทุกการเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ทำให้มาสด้า2 คือรถยนต์ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานในสไตล์ของมาสด้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาสด้า2 จะเข้ามาเติมเต็มชีวิตของลูกค้าชาวไทย” นายชาญชัย กล่าวเสริม

2017-Mazda2-Launch_2

มาสด้า 2 ใหม่ ถือเป็นรถยนต์รุ่นหลักของมาสด้าในประเทศไทยมาตลอด เพราะรถรุ่นนี้มียอดขายในประเทศไทยมากกว่า 165,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2552 โดยมียอดขายสูงถึง 121,000 คัน และรุ่นเจนเนอเรชั่นปัจจุบันที่ใช้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เปิดตัวเมื่อปี 2558 มียอดขายสูงถึง 44,000 การเปิดตัวมาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ในวันนี้ คืออีกหนึ่งในความสำคัญที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จทางด้านยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย

ซึ่งในปีนี้มาสด้าวางเป้ายอดขายไว้สูงถึง 50,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 18% การแนะนำมาสด้า2 จะเข้ามาเติมเต็มในเซกเมนต์ที่สำคัญ แน่นอนว่าหลังการเปิดตัวมาสด้า3 เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่มาสด้าจับใส่เทคโนโลยีใหม่เข้าไปได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้า และต่อยอดด้วยการนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใส่ในมาสด้า2 คาดว่าจะทำให้มาสด้า2 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าเช่นเดียวกัน โดยมาสด้าตั้งเป้ายอดขายรถรุ่นนี้ไว้สูงถึง 27,000 คันต่อปี เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 16% ต้องจับตาดูชนิดที่ว่าอย่ากระพริบตาเพราะเริ่มต้นปีมามาสด้าก็โหมกระหน่ำอย่างตอเนื่อง

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวว่า การเปิดตัวแนะนำมาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นการฉีกรูปแบบการเปิดตัวรถยนต์แบบเดิมๆ โดยสิ้นเชิง เพราะมาสด้าเป็น แบรนด์ที่มีความแตกต่าง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ตามใคร สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาทุกท่านในวันนี้ คือ การเนรมิตรูปแบบการเปิดตัวที่แตกต่าง เพื่อตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามาสด้า เพื่อให้ลูกค้าได้เร้าใจกับทุกเส้นทางที่เป็นตัวของตัวเองอย่างไร้ข้อจำกัด

ซึ่งคาเรคเตอร์ของลูกค้ามาสด้า2 นั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะให้ความสำคัญกับสุนทรียภาพทางด้านงานศิลปะ ควบคู่ไปกับการมองหาเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและความคุ้มค่า ชอบสิ่งที่ร่วมสมัย เป็นผู้นำเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ตามเทรนด์โลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คอยมองหาแรงบันดาลใจและความตื่นเต้นใหม่ๆ ไม่ยึดติดอยู่กับกรอบความคิดแบบเดิมๆ ดังนั้นการเปิดตัวในสไตล์ใหม่ๆ คือสิ่งที่มาสด้าตั้งใจนำมาให้ผู้บริโภคกับความเร้าใจที่สมบูรณ์แบบ

มาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ ปี 2017 มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟใหม่ล่าสุด ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน และธีมการออกแบบของรถมาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ โคโดะ ดีไซน์ ที่สวยงามเปรียบได้กับงานศิลปะ มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน เครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงขนาด 1.3 ลิตร และเครื่องยนต์คลีนดีเซล ขนาด 1500 ซีซี เทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์

ครั้งแรกของประเทศไทยที่มาสด้านำเอาเครื่องยนต์คลีนดีเซลขนาดคอมแพ็คเข้ามาใส่ไว้ในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร ระบบเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก i-ACTIVSENSE เทคโนโลยีเชื่อมต่อกับโลกโซเชียลด้วย MZD CONNECT เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ i-ELOOP ทำงานควบคู่กับระบบ i-Stop และล่าสุดระบบ G-VECTORING CONTROL หรือระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หนึ่งในชุดเทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS นี่คือการสร้างมาตรฐานใหม่กับตลาดรถยนต์นั่งบี-คาร์และรถอีโคคาร์

• SKYACTIV TECHNOLOGY เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ทั้งแรง ทั้งประหยัด นี่คือ นวัตกรรมทางวิศวกรรมยานยนต์ขั้นล้ำหน้าของมาสด้าที่พัฒนารถทั้งคันขึ้นมาใหม่ เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดของรถยนต์ในปัจจุบัน สู่ยนตรกรรมที่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะแรงทรงพลังในหนึ่งเดียว ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของ New Gen ได้และให้ความสนุกเร้าใจได้อย่างแท้จริง

• SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS อีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ครั้งแรกที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคัน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง ไปจนถึงช่วงล่าง ให้ทำงานสอดประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ขับสัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับรถมากขึ้น ในขณะที่ผู้โดยสารก็รู้สึกสบายตลอดการเดินทาง เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกในการขับขี่ตามแนวคิด จินบะ – อิไต (Jinba-Ittai) ของมาสด้า

• SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล เทคโนโลยีขั้นสูงที่ส่วนใหญ่มีอยู่ในรถยุโรปหรู ให้แรงบิดสูง ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500cc พร้อมเทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ ให้อัตราเร่งด้วยแรงบิดสูงถึง 250 นิวตัน-เมตร พร้อมหัวฉีดโซลีนอยด์ ที่ฉีดน้ำมันได้แม่นยำ มีประสิทธิภาพและอัตราส่วนการอัดต่ำเพียง 14.8:1 เผาไหม้หมดจด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานมลพิษ Euro 5 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ต่ำเพียง 100 กรัม/กม.โดดเด่นที่สุดเรื่องการประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร*

* ผลการทดสอบตามมาตรฐานยุโรป UN R101 Combine Mode
• SKYACTIV-G 1.3 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1300cc เครื่องยนต์ เผาไหม้สมบูรณ์ที่สุดด้วยอัตราส่วนการอัดสูงถึง 12.0:1 ให้แรงม้าสูงถึง 93 แรงม้า และแรงบิดสูง 123 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กม./ลิตร* ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ต่ำเพียง 100 กรัม/กม.* ผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษระดับ Euro 5 ของยุโรป
* ผลการทดสอบตามมาตรฐานยุโรป UN R101 Combine Mode

• SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ รวมข้อดีของเกียร์อัตโนมัติทุกระบบไว้ด้วยกัน ควบคุมแบบอิเลคทรอนิกส์ ตอบสนองได้แม่นยำ เปลี่ยนเกียร์ราบรื่น ให้อัตราเร่งต่อเนื่อง และประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว

• DRIVE SELECTION สวิตซ์ Drive Selection** เลือกขับในโหมด Sport ได้เมื่อต้องการเร่งแซง ให้อัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นในรอบเครื่องยนต์สูง สนุกเร้าใจเหมือนขับเกียร์ธรรมดา
** เฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน

• SKYACTIV-BODY โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ โครงสร้างตัวถัง ผลิตจากเหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High Tensile Steel) น้ำหนักเบา แต่เหนียวและแข็งแกร่งกว่า ช่วยลดแรงสะเทือนจากถนน และกระจายแรงปะทะที่เข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

• SKYACTIV-CHASSIS ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ คล่องตัวกว่าที่เคย ด้วยระบบช่วงล่างที่เกาะถนนมั่นคง พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ช่วยให้เข้าโค้งได้แม่นยำ ถือเป็นหนึ่งในระบบช่วงล่างที่ปลอดภัยและสมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน

• ระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ i-ELOOP (Mazda Regenerative Braking System) ไอ-อีลูป นวัตกรรมของมาสด้าที่พัฒนาได้เทียบเท่าเทคโนโลยีรถยุโรประดับพรีเมียม โดยระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่สูญเสียจากการลดความเร็วให้เป็นพลังงานไฟฟ้าและเก็บไว้ในอุปกรณ์เก็บประจุไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้เลี้ยงระบบไฟฟ้าของอุปกรณ์ภายในรถ ซึ่งทำให้พลังงานจากเครื่องยนต์ถูกใช้ในการขับเคลื่อนของรถได้อย่างเต็มที่ ช่วยประหยัดพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ถึง 10%***
*** เมื่อใช้ร่วมกับระบบประหยัดน้ำมัน i-STOP

• ระบบ i-STOP (Idling Stop System) ระบบประหยัดน้ำมันที่สั่งให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานชั่วคราวเมื่อรถจอดนิ่ง ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยังคงทำงานตามปกติ ด้วยพลังงานไฟฟ้าจาก i-ELOOP ทั้ง สองระบบทำงานคู่กัน เพื่อประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเครื่องยนต์จะทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อรถพร้อมออกตัว

• ระบบ i-ACTIVSENSE: Worry-free Excitement เส้นทางไหนก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ สนุกเร้าใจ… แบบไร้กังวล อีกขั้นของความปลอดภัย ให้คุณสนุกกับทุกความท้าทายได้เต็มที่ ครั้งแรก กับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ในมาสด้า 2 ใหม่ ที่ช่วยเตือนเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ให้คุณมั่นใจและพุ่งทะยานไปกับทุกเส้นทางที่เป็นตัวเองได้ ไม่มีอะไรต้องกังวล

• ระบบ MZD CONNECT: CONNECTIVITY AT YOUR FINGERTIPS การเดินทางจะไม่สามารถปิดกั้นจินตนาการ และไม่เป็นอุปสรรคกับการต่อติดโลกโซเชียลของคุณอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อออนไลน์ MZD CONNECT ในมาสด้า2 ใหม่ ที่สะดวกและครบทุกฟังก์ชั่นให้คุณเพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์ดิจิตอลบนรถทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย หรือรับ-ส่ง ข้อความ SMS จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Bluetooth พร้อม Infotainment ที่มีให้เลือกมากมายในแอพพลิเคชั่น AHA by HARMANTM รวมถึงระบบนำทาง Navigator เพื่อนเดินทางที่พาคุณสู่จุดมุ่งหมายอย่างปลอดภัยและประหยัดเวลา

**** สามารถติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริม
• ระบบ ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่วยส่งสัญญาณเตือน หากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กําลังแซงขึ้นมา และอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น

• ระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง ซึ่งจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมไฟกะพริบเตือนที่กระจกมองข้างในขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้านหลัง
• THE NEXT LEVEL OF EXCITEMENT อีกขั้นของความเร้าใจที่หยุดไม่ได้ เพราะความเร้าใจไม่มีคำว่าสิ้นสุด เช่นเดียวกับมาสด้า 2 ใหม่ ยนตรกรรมที่สะท้อนตัวตนสปอร์ต เร้าใจ ในแบบที่ไม่ซ้ำทางใคร ด้วยดีไซน์ที่บ่งบอกถึงจิตวิญญาณสปอร์ตทุกมิติ ครั้งแรกกับนวัตกรรมใหม่สุดล้ำอีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ SKYACTIV – VECHICLE DYNAMICS เพื่อควบคุมสมรรถนะการขับขี่อย่างเหนือชั้น และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ i-ACTIVSENSE ครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้คุณเร้าใจกับทุกเส้นทางที่เป็นตัวเองอย่างไรข้อจำกัด

• 360° European Touch ทุกมิติ คือความสปอร์ตพรีเมียมมาตรฐานยุโรป สะท้อนตัวตนเร้าใจในแบบคุณ ด้วยห้องโดยสารสปอร์ตพรีเมียมสไตล์รถยุโรป พิถีพิถันทุกรายละเอียดด้วยวัสดุเกรดพรีเมียม โดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยการตกแต่งแบบทูโทน พร้อมเบาะหนังดีไซน์ใหม่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย อุปกรณ์ภายในจัดวางในตำแหน่งที่สะดวกใช้งาน พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังแบบพับได้ ช่วยเพิ่มพื้นที่กว้างให้กับสัมภาระขนาดใหญ่ และยังแยกพับซ้าย-ขวา 60:40 ได้อิสระตามความต้องการ

• ภายในห้องโดยสาร Two-tone Color Decoration โดดเด่นทุกมุมมองด้วยการตกแต่งแบบทูโทน

• Active Driving Display จอสกรีนใส แสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ ระดับความเร็ว และข้อมูลระบบนำทาง Navigator ในรูปแบบสีที่ชัดเจนและอ่านง่ายในระดับสายตา ทำให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนและมีสมาธิกับการขับขี่ได้อย่างเต็มที่

• ระบบ Sports Paddle Shift ระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

• ระบบ Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วคงที่

• ระบบ Steering Wheel พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ กระชับมือ ตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมปุ่มควบคุมการทำงานที่พวงมาลัย
รถยนต์มาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ มีรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแบบแฮตช์แบค 5 ประตู โดยในแต่ละรูปแบบตัวถังจะมี 7 รุ่นย่อย แบ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 รุ่นและเครื่องยนต์คลีนดีเซล 3 รุ่น โดยสีภายนอกมีความสำคัญเช่นเดียวกับอุปกรณ์อื่นๆ มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย สีแดง โซลเรด และสีขาว สโนว์เฟค ไวท์ เพิร์ล เป็นสีสำหรับการเปิดตัว สีน้ำตาล ไททาเนียมแฟลช, สีเงิน อลูมินัม เมทัลลิค สำหรับสีใหม่มีด้วยกัน 3 สี ประกอบด้วย สีน้ำเงิน อีเทอนอล บลู, สีเทา เมทิเออ เกรย์ ไมก้า เมทัลลิก และ สีดำ เจ็ท แบล็ก

มาสด้าวางเป้าหมายเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กระดับพรีเมียม การตั้งราคาที่เหมาะสมที่เป็นอีกหนึ่งความสำคัญเพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ และเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะของเครื่องยนต์คลีนดีเซล ซึ่งหาไม่ได้จากรถในระดับเดียวกัน มาสด้านำมาพิจารณาในการนำมาสด้า2 สกายแอคทีฟใหม่ลงสู่ตลาดด้วยราคาเริ่มต้นที่ 5 แสนต้นๆ ในขณะที่รุ่นท็อป ซึ่งทั้งภายนอก ภายใน และชุดเสริมความสปอร์ตที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ราคายังต่ำกว่า 8 แสนบาท เมื่อเทียบคุณสมบัติที่มาสด้า2 ใหม่ มีมาให้กับราคา นับว่าเป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งในตลาดที่คุ้มค่ามาก มาสด้า2 ใหม่ มีให้เลือกด้วยกัน 14 รุ่น คือ

NEW MAZDA 2 2017 เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.3 ลิตร Hatchback & Sedan
Mazda2 Standard เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 530,000 บาท
Mazda2 High เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 590,000 บาท
Mazda2 High Connect เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 620,000 บาท
Mazda2High Plus เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 670,000 บาท

NEW MAZDA 2 2017 เครื่องยนต์คลีนดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร Hatchback & Sedan
Mazda2 รุ่น XD เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 680,000 บาท
Mazda2 รุ่น XD High Connect เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 750,000 บาท
Mazda2 รุ่น XD High Plus เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 789,000 บาท

นี่คือรถยนต์นั่ง Mazda 2 รุ่นปรับโฉมใหม่ ที่เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำอนาคต และกำลังจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์นั่งซับคอมแพคคาร์เมืองไทย สนใจจองและเป็นเจ้งของได้แล้วันนี้ทุกโชว์รูม MAZDA ทั้ง 147 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้น 1

Honda BR-V ให้คุณมากกว่า กับข้อเสนอสุดเร้าใจ ถึง 28 ก.พ. 60 #ใช้ชีวิตแบบBRV

$
0
0

Honda BR-V ให้คุณมากกว่า กับข้อเสนอสุดเร้าใจ ถึง 28 ก.พ. 60 #ใช้ชีวิตแบบBRV

HONDA BRV

ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ ให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ กับข้อเสนอสุดเร้าใจ ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1.79% พร้อมโปรแกรมฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 2,000 บาท นาน 12 เดือน หรือเลือกรับดอกเบี้ย 2.09% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมโปรแกรมฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน

พิเศษ! ทุกข้อเสนอ รับเพิ่มฟรี จักรยานพับโมดูโล่ มูลค่า 6,500 บาท (เมื่อรับรถภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้

HONDA BRV 1

Honda BR-V รถอเนกประสงค์ ยกสูงสไตล์รถ SUV พร้อมลุยสบายทั้ง 7 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตแข็งแกร่งรอบคัน  ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์พร้อมไฟหรี่แบบ LED และไฟท้ายทันสมัยแบบ C shape, กระจังหน้าแบบโครเมียม, ฝากระโปรงหลังที่ดีไซน์ให้เป็นสปอยเลอร์หลังไปในตัว, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว, ไฟตัดหมอกคู่หน้า, ล้ออัลลอย 16 นิ้วดีไซน์สปอร์ต และราวหลังคาสำหรับบรรทุกสัมภาระติดรถ พร้อมไปทำกิจกรรมในวันหยุดกับครอบครัว

HONDA BRV 2 HONDA BRV 3

ภายในห้องโดยสาร BR-V ตกแต่งด้วยสีดำสไตล์พรีเมียม พื้นที่ภายในกว้างขวาง สะดวกสบาย นั่งสบายในทุกตำแหน่ง เย็นได้ทั่วถึงด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และยังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ให้ทุกตำแหน่งนั่งกันได้อย่างเย็นสบาย

HONDA BRV 4

BR-V ยังมอบความสุนทรีย์ในการเดินทาง ด้วยระบบเครื่องเสียง หน้าจอทัชสกรีน รองรับทุกการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็น USB, HDMI  พร้อมการเชื่อมต่อ Smart Phone และฟังก์ชั่นการใช้งาน ด้วยระบบ Hand Free Telephone  ช่วยให้คุณสามารถพูดคุยได้โทรศัพท์ได้อย่างสะดวกสบาย และปลอดภัย สะดวกสบายด้วยสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ถ่ายทอดกำลังเสียงผ่านลำโพง 4 ตัว

HONDA BRV 5

นอกจากจะมีที่นั่งภายในถึง 7 ที่นั่งแล้ว หากต้องเดินทางหรือไปเที่ยวพักผ่อน และต้องขนสัมภาระ หรือ อุปกรณ์กีฬา BR-V ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะเบาะนั่งแถวหลังสามารถพับได้ ช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

HONDA BRV 6

ขับเคลื่อนสู่ทุกเส้นทางด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างลื่นไหล นุ่มนวล และยังมีช่วงล่างแบบรถ SUV ยกสูงถึง 201 มม. ทำให้ลุยได้ทุกเส้นทาง พร้อมเดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกล นอกจากนี้ยังประหยัดมากขึ้นด้วย เพราะรองรับพลังงานทางเลือก E85 ทั้งรักษ์โลก และช่วยเซฟเงินค่าเติมน้ำมัน

HONDA BRV 7

ทุกชีวิตปลอดภัยกับ BR-V ให้คุณมั่นใจได้ตลอดทุกการเดินทาง  ด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่อัดแน่น ได้แก่ โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA), ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA), กล้องส่องภาพด้านหลัง และที่ขาดไม่ได้ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS

HONDA BRV 8

พร้อมกันหรือยังที่จะออกไปลุยกับเส้นทางท้าทายใหม่ๆ ด้วย Honda BR-V ผู้สนใจสามารถทดลองขับ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือ http://bit.ly/BRVPromotionfeb_2

Viewing all 534 articles
Browse latest View live