Quantcast
Channel: Advertorial Archives - รถใหม่ 2025-2026 รีวิวรถ, ราคารถใหม่, ข่าวรถใหม่, รถยนต์
Viewing all 534 articles
Browse latest View live

ตอบสนองไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ไปกับ Chevrolet Colorado High Country

$
0
0

ตอบสนองไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ไปกับ Chevrolet Colorado High Country

Chevrolet Colorado High Country

  • เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮ คันทรี่ ยกระดับความโดดเด่นทางเทคนิคและสุนทรียภาพ
    แห่งรถกระบะ
  • ออกแบบให้เป็นรถกระบะระดับพรีเมียมสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ใช้ชีวิตในเมือง
  • รองรับการบรรทุกเครื่องเล่นและอุปกรณ์กีฬาทางน้ำระดับไฮเอนด์ที่เปลี่ยนการพักผ่อนริมชายหาดให้เป็นกิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดเร้าใจ

กรุงเทพฯ – เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี รถกระบะระดับพรีเมียมขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดและมีแรงบิดมากที่สุดในรถกระบะระดับเดียวกัน เพียบพร้อมด้วยศักยภาพการบรรทุกเครื่องเล่นและอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ

“โคโลราโด ไฮ คันทรี่ เป็นรถกระบะที่สมบูรณ์แบบสำหรับการบรรทุกอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมทางน้ำต่างๆ หรือการพักผ่อนริมทะเลช่วงวันหยุด” คุณอุณา ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย กล่าว “ผลการศึกษาของเราพบว่าลูกค้ารถกระบะพรีเมียมเป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับ ปานกลางถึงระดับสูงซึ่งมีไลฟ์สไตล์รักการผจญภัย ชื่นชอบการทำกิจกรรมต่างๆ พวกเขาต้องการรถกระบะที่มีศักยภาพการใช้งานเหนือกว่ารถทั่วไปพร้อมกับมองหา การออกแบบที่สวยงาม และสไตล์ที่โดดเด่น ซึ่งทำให้โคโลราโด ไฮ คันทรี่ เป็นรถที่สมบูรณ์แบบและตอบโจทย์สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้”

เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย จัดกิจกรรมทดสอบการขับขี่โคโลราโด ไฮ คันทรี่ สำหรับสื่อมวลชนสายยานยนต์และสายไลฟ์สไตล์บนเส้นทางจากจังหวัดกระบี่สู่ ภูเก็ตระหว่างวันที่ 18 – 23 พฤษภาคม การทดสอบการขับขี่ในครั้งนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบในการใช้งาน โคโลราโด ไฮ คันทรี่ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม

ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่มากมาย โดยเฉพาะการพักผ่อนริมชายหาด ดำน้ำและล่องเรือ ลูกค้าโคโลราโด ไฮคันทรี่สามารถเล่นกีฬาทางน้ำได้อย่างสนุกสนาน ไฮคันทรี่ยังสามารถบรรทุกเรือคายัคและเครื่องเล่นทางน้ำระดับไฮเอนด์ เช่น เครื่องเล่นแรงดันน้ำไอพ่น และกระดานโต้คลื่นติดเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่จะเปลี่ยนการพัก ผ่อนริมหาดธรรมดาให้เป็นกิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดเร้าใจ

เพื่ออำนวยความสะดวกในการขับขี่บริเวณที่จอดเรือหรือสถานที่อื่นๆ ไฮ คันทรี่ มาพร้อม กล้องมองหลังที่จะทำงานเมื่อเข้าเกียร์ถอยจอด ภาพด้านท้ายรถจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอทัชสกรีนสี บนคอนโซลพร้อมเส้นกะระยะที่แสดงให้เห็นพื้นที่ด้านท้ายรถโดยภาพบนหน้าจอจะ เปลี่ยนทิศทาง ไปตามการหมุนของพวงมาลัยซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมตัวเรือที่บรรทุกมา ให้เทียบท่าได้อย่างสะดวก สบายง่ายดายหรืออำนวยความสะดวกในการนำอุปกรณ์ลงจากหลังรถกระบะสู่ผิวน้ำ

นอกจากนี้ไฮ คันทรี่ ยังมาพร้อมระบบสมาร์ทมีเดียเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน เพลง ภาพถ่าย วีดีโอ และระบบนำทาง ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อจะมีการแสดงผลขึ้นบนหน้าจอทัชสกรีนทำให้ผู้ใช้สามารถเข้า ถึงรายการส่วนตัวและใช้โทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรีติดต่อกับสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และที่จอดเรือ ได้โดยสะดวก

สำหรับความปลอดภัยทั้งแบบแอคทีฟและแพสซีฟ ไฮ คันทรี่ มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน ระบบกระจายแรงเบรกอิเลคทรอนิคส์ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชันซึ่งเป็นเทคโนโลยีทีช่วยอำนวยความ สะดวกในการนำเรือที่บรรทุกมาลงสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย

ขุมพลังขับเคลื่อนของไฮ คันทรี่ คือ เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ เจนเนอเรชั่น ที่สอง ซึ่งทำให้ไฮ คันทรี่ เป็นรถกระบะที่ทรงพลังและมีแรงบิดสูงที่สุดในรถตลาดเดียวกัน เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ให้กำลัง 200 แรงม้า (147 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ไฮ คันทรี่ จึงมีกำลังเทียบเท่าหรือเหนือกว่ารถกระบะรุ่นอื่นๆ ที่มีขนาดเครื่องยนต์ใหญ่กว่า และเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์นี้ยังให้อัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจและสมรรถนะที่ สูงต่อเนื่องรวมถึงกำลังในการบรรทุกได้อย่างเต็มพิกัด

เครื่องยนต์นี้ควบคุมโดยซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นโดยจีเอ็มเพื่อการตอบสนอง ที่รวดเร็วและแม่นยำในช่วงที่ให้กำลังสูงสุด อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันในทุกการขับขี่ เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ดีเซล 2.8 ลิตร ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4

การตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกช่วยสร้างความแตกต่างให้ไฮ คันทรี่ มีความโดดเด่นเหนือกว่า รถกระบะรุ่นอื่นในประเทศไทยด้วยโคมไฟหน้าสีเข้ม กระจังหน้าสีเทาอ่อนสลับดำ รวมถึงแผงกันชนเสริม และเสาหลังคากลางด้วยวัสดุพื้นผิวมันเงา พร้อมกันนี้ยังคงความสวยงามสะดุดตาด้วยการติดตั้ง ราวหลังคาแนวขวาง โครงเหล็กแบบสปอร์ต ลายโครเมียมด้านข้างตัวรถและกระจกมองข้าง ที่เปิด ฝากระบะท้ายสีโครเมียม และล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้วที่ยกระดับไฮ คันทรี่ ให้มีความสง่างาม มากยิ่งขึ้นและเน้นย้ำความเป็นรถระดับพรีเมียมอย่างชัดเจน

ภายในห้องโดยสารของโคโลราโด ไฮ คันทรี่ ได้รับการตกแต่งใหม่ให้มีความหรูหรามากยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้า ระดับบน เบาะที่นั่งคนขับเป็นแบบปรับไฟฟ้าหกทิศทาง หุ้มด้วยหนังเกรด พรีเมียมสี Brown Stone ขณะที่บนแผงแดชบอร์ด คอนโซล และพวงมาลัย ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา Piano Black

ชื่อรุ่น “ไฮ คันทรี่” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถกระบะขนาดใหญ่รุ่นท็อปไลน์ของเชฟโรเลต ที่จัดจำหน่ายในอเมริกาเหนือ ไฮ คันทรี่ โดดเด่นด้วยบุคลิกแบบรถอเมริกันพันธุ์แท้ที่ได้รับการออกแบบสำหรับตลาดระดับ บนเพื่อมอบไลฟ์สไตล์การขับขี่ในเมืองใหญ่และยังคงมีศักยภาพรองรับการใช้ งานอย่างสมบุกสมบันนอกเมือง

ไฮ คันทรี่ ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นล่าสุดของเชฟโรเลตในการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ ที่สานต่อตำนานความสำเร็จ “รถกระบะพันธุ์แกร่ง” ของแบรนด์เชฟโรเลต จีเอ็มแนะนำรถกระบะ เชฟโรเลตรุ่นแรกในอเมริกาเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมาและยังคงเดินหน้าพัฒนา นวัตกรรมใหม่สำหรับตลาดรถกระบะอย่างต่อเนื่อง

“ถ้าคุณต้องการบรรทุกเครื่องเล่นทางน้ำ โคโลราโด ไฮคันทรีเป็นรถกระบะพรีเมียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การพักผ่อนริมทะเลได้อย่าง สมบูรณ์แบบ ด้วยการผสมผสานศักยภาพ ความยืดหยุ่น และสไตล์ที่โดดเด่นอย่างลงตัว” คุณอุณากล่าว

เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮ คันทรี่  มีให้เลือก 2 รุ่น และมีราคาดังนี้
– รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 969,000 บาท
– รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 1,029,000 บาท

โคโลราโด ไฮ คันทรี่


เชฟโรเลต จัดโปรโมชั่น “แคปติวา”สุดพิเศษ ฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กม.

$
0
0

เชฟโรเลต จัดโปรโมชั่น “แคปติวา” สุดพิเศษ ฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กม.

Chevrolet Captiva

  • ฟรีของขวัญสุดพิเศษทั้งค่าบำรุงรักษา สิทธิการเป็นสมาชิกเชฟวี่ พลัส วีไอพี และจักรยานพับเชฟโรเลต
  • พร้อมรับข้อเสนอฟรีค่างวดและดอกเบี้ยต่ำ
  • แคปติวาเป็นรถเอนกประสงค์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมสูงสุด

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย นำเสนอโปรโมชั่นใหม่ล่าสุดสำหรับลูกค้า ที่เลือกซื้อแคปติวา รถเอสยูวีชั้นนำของเชฟโรเลต

“เราต้องการตอบแทนลูกค้าที่กำลังมองหารถเอสยูวีระดับพรีเมียมและตัดสินใจ เลือกซื้อเชฟโรเลต แคปติวา” คุณอุณา ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทยกล่าว

โปรโมชั่นสุดพิเศษนี้เริ่มจากฟรีค่างวดสูงสุด 5 เดือน พร้อมประกันภัยชั้น 1 สำหรับแคปติวา 2.4 LSX และ 2.0 LSX (รุ่นปี 2014) ลูกค้ายังสามารถชำระเงินดาวน์ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ และผ่อนชำระ 60 เดือน โดยเริ่มผ่อนชำระตั้งแต่เดือนที่ 6 เป็นต้นไป ลูกค้าที่เลือกรุ่นที่สูงกว่าอย่างแคปติวา 2.0 LTZ (รุ่นปี 2014) จะได้รับข้อเสนอฟรีค่างวด 3 เดือนแรก พร้อมเงินดาวน์ 20 เปอร์เซ็นต์ และผ่อนชำระนาน 60 เดือน

สำหรับลูกค้าที่เลือกซื้อแคปติวา 2.0 LTZ และ 2.4 LTZ (รุ่นปี 2015) จะได้รับแพ็คเกจเงินดาวน์ 25 เปอร์เซ็นต์ และผ่อนชำระ 48 เดือน พร้อมดอกเบี้ย 2.31 เปอร์เซ็นต์ ตลอดจนฟรีประภัยชั้น 1

นอกจากแพ็คเกจสุดพิเศษ เชฟโรเลตยังมอบของขวัญสำหรับลูกค้าแคปติวาทั้งฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กม. อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน (ไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง เช่น แบตเตอรี่ ยางรถยนต์ ผ้าเบรก ใบปัดน้ำฝน สายพาน เป็นต้น) จักรยานพับเชฟโรเลต สปีดไลน์ รุ่น 2007A และสิทธิการเป็นสมาชิกเชฟวี่พลัส วีไอพี 3 ปี

โปรโมชั่นนี้เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558

แคปติวาเป็นรถเอนกประสงค์ชั้นนำของเชฟโรเลตที่มาพร้อมระบบสตาร์ทเครื่อง ยนต์และเข้า-ออก ห้องโดยสารโดยไม่ต้องใช้กุญแจ (PEPS) ระบบควบคุมอากาศแบบแยกส่วน (dual zone) สวิทช์ควบคุม บนพวงมาลัยแบบเรืองแสง และวัสดุตกแต่งรูปแบบใหม่

ขุมพลังของแคปติวามี 2 รุ่นให้เลือกใช้ เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร รองรับเชื้อเพลิง E85 พร้อมเพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) 16 วาล์ว และระบบวาล์วแปรผันคู่ต่อเนื่อง (Double CVC) และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมเพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ 16 วาล์ว และระบบ จ่ายเชื้อเพลิงคอนมอนเรลแรงดันสูง

นอกจากสมรรถนะและการควบคุมที่เหนือชั้น เชฟโรเลต แคปติวา ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟและแพสซีฟทั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบเบรกไฮโดรลิก (HBA) ระบบกระจาย แรงเบรกอิเลคทรอนิคส์ (EBD) ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) และระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) ระบบป้องกันการลื่นไถลบนทางลาดชัน (HSA)  ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) เชฟโรเลต แคปติวา ป้องกันผู้โดยสารแบบแอคทีฟด้วยการติดตั้งถุงลมนิรภัย คู่หน้า ม่านถุงลมนิรภัย และเข็ดขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ

พบกับแคปติวาและเชฟโรเลตทุกรุ่นได้ที่ศูนย์ผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลต 106 สาขาทั่วประเทศ

เชฟโรเลต แคปติวา

ใหม่ Toyota Hilux Revo 2015-2016 ราคา โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ตารางผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ Toyota Hilux Revo 2015-2016 ราคา โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่  ตารางผ่อน-ดาวน์

TOYOTA-HILUX-REVO

TOYOTA HILUX REVO ปฏิวัติความแรง กว่าที่เคยแรง

ขีดสุดแห่งเทคโนโลยีอนาคตพลิกโฉมยานยนต์กระบะโลกให้หลุดพ้นทุกข้อจำกัดด้วยพลังขับเคลื่อนที่แรงขึ้น

แต่ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม พร้อมฟันฝ่าทุกอุปสรรครองรับการใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มสมรรถนะ

Toyota Hilux Revo ราคา
Revo B-cab  
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4J  569,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.7J   569,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4J Plus SWB  585,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.8J Plus  605,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.8J 4WD  675,000.

Revo Standard-cab 
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4J  619,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4J Plus  679,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.7J Plus   679,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4E  709,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4J Plus Pre-runner  729,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4G  755,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4E Pre-runner  765,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.7E Pre-runner  765,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4E 4WD  799,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4E pre-runner A/T  815,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4G pre-runner Navi  815,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.8G Pre-runner Navi  859,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4G pre-runner A/T Navi 865,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.8G 4WD Navi 899,000.

Revo Double Cab    
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4J Plus  725,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4E  795,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.7E   795,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4J Plus Pre-runner 809,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4E Pre-runner 845,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4E Pre-runner A/T  895,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.7E Pre-runner A/T  895,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4E 4WD 899,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4G Pre-runner Navi 925,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4G Pre-runner A/T Navi 969,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.4G Plus Pre-runner A/T Navi  1,009,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.8G 4WD Navi  1,069,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.8G Pre-runner A/T Navi  1,099,000.
ราคา โตโยต้า รีโว่ Toyota Revo 2.8G 4WD A/T Navi   1,139,000.

*ของแถม Toyota Revo พิเศษก่อนใคร ติดต่อ  เซลล์  คุณวารุณี 089-506-4177 หรือ คุณโบว์ 086-8717365  *รามคำแหง

Toyota Hilux Revo ราคา, ตารางผ่อน-ดาวน์

Toyota Revo, โตโยต้า รีโว

Toyota Revo Smart Cab ราคาผ่อน

Toyota Revo Double Cab ราคาผ่อน

 

56

58

59

68

“ปฏิวัติดีไซน์ใหม่ เร้าใจทุกมุมมอง”

ทุกองศา คือความหรูหราเหนือระดับ ผสานความโฉบเฉี่ยวดุดัน ด้วยเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

22_resize

– กระจังหน้า และกันชนหน้า ออกแบบอย่างลงตัวสะท้อนสไตล์ที่เหนือใครด้วยเส้นสายที่สอดประสานกับไฟหน้า

25_resize

– ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (Light Control System) เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล่าสุดระบบจะทำการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมภายนอก

24_resize

ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติและไฟ LED Daytime Running Lights ความโฉบเฉี่ยว ดุดัน มาพร้อมคุณภาพการส่องสว่างที่ยอดเยี่ยม เพิ่มทัศนวิสัยที่ดีในทุกสภาวการณ์

23_resize

ไฟตัดหมอกหน้า ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย และความปลอดภัยขณะขับขี่ เมื่อฝนตกหน้าหรือหมอกลงจัด

19_resize

กระจกมองข้างโครเมียมพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว โดดเด่นด้วยวัสดุผิวโครเมียมขนาดใหญ่ ให้มุมมองที่กว้างขึ้นพร้อมครบช่วยการทรงตัว (Aero Stabilizing Fin) เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น

17_resize

กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติพร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Jam Protection) ทั้ง 4 บาน

26_resize

เสาอากาศแบบสั้น พับเก็ยได้ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต

20_resize

บันไดข้าง เพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงรถ

21_resize

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All Terrain รองรับทุกรูปแบบการขับขี่

18_resize

ไฟท้ายพร้อมไฟตัดหมอก (Rear Combination Lamp) ออกแบบพิเศษให้แสงสว่างเด่นชัดพร้อมครีบช่วยการทรงตัว (Aero Stabilizing Fin) เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น

ภายใน TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB

“ทุกตารางนิ้วคือความหรูหรา พร้อมฟังก์ชั่นสมบูรณ์แบบ”
7_resize

ความสะดวกสบายสมบูรณ์แบบ เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำด้วยไฟฟ้าพร้อมที่พักแขนขนาดใหญ่/ห้องโดยสารตอนหลังโอ่อ่ากว้างขวางพร้อมเบาะหลังพับได้ แบบ 60 : 40

27

28

พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง สามารถปรับระดับสูง-ต่ำ กึงเข้า-ออก รองรับทุกสรีระของผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมออกแบบพิเศษให้มีพื้นผิวสัมพัสใหญ่ขึ้น จับกระชับ มั่นคงแรงสั่นสะเทือนต่ำ ผ่อนคลายทุกการเดินทาง

29

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) รักษาความเร็วให้คงที่ โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งลดความเมื่อยล้า เมื่อเดินทางไกล

30

จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID 4.2 นิ้ว คมชัด อ่านง่ายสวยงามด้วยระบบสีสมบูรณ์แบบ

8_resize

ระบบ Push Start ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปลายนิ้ว

31

ระบบเครื่องเสียงพร้อมเนวิเกเตอร์แบบหน้าจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบนำทาง T-Connect และการเชื่อมต่อ USB / AUX / Bluetooth พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง

32

ระบบควบคุมความเย็นอัตโนมัติ ยกระดับความเย็นสบายในห้องโดยสาร

33

กล่องเก็บของพร้อมระบบรักษาความเย็น (Cool Box) ขนาดใหญ่บริเวณคอนโซลหน้าเติมเต็มทุกความสดชื่น ตลอดการเดินทาง

9_resize

ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC 220 V ใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปเพิ่มความสะดวกสบายเหนือระดับ

10_resize

ช่องปรับอากาศสำหรับเบาะหลัง เพื่อผู้โดยสารด้านหลัง

11_resize

ที่พักแขนเบาะหลังพร้อมที่วางแก้ว พับเก็บได้เพิ่มความสะดวกสบาย

12_resize

จุดล็อคเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX) บริเวณเบาะหลังเพิ่มความปลอดภัยแก่เด็กอ่อน

13_resize

ที่แขวนอเนกประสงค์ สำหรับแขวนสิ่งของต่างตามต้องการ

14_resize

 

เครื่องยนต์ TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB

“ปฏิวัติความแรง กว่าที่เคยแรง”

50

เครื่องยนต์ GD Efficient Boost
ขีดสุดเทคโนโลยีแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด “Effcient Boost” เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ลดการสูญเสียความร้อนและแรงเสียดทานของเครื่องยนต์ ผลิกโฉมยานยนต์ระดับโลก ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดจากโตโยต้า ให้แรงบิดสูงสุดในรอบกว้าง (Flat Torque) ครอบคลุมทุกการใช้งานทั้งในช่วงออกตัว หรือเมื่อเร่งแซง ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เครื่องยนต์ทำงานเงียบ และสั่นสะเทือนน้อยกว่าพร้อมฟันฝ่าทุกอุปสรรค รองรับการใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มสมรรถนะ

43

– เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร (เกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีด) กำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ (177แรงม้า) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-2,600 รอบ/นาที

46

– เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร (เกียร์ธรรมดา 6 สปีด/เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที

51

– เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร (เกียร์ธรรมดา 5 สปีด) กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-2,800 รอบ/นาที

48

– เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร Dual VVT-i* (เกียร์ธรรมดา 5 สปีด) กำลังสูงสุด 122 กิโลวัตต์ (166แรงม้า) ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

 

ระบบช่วงล่าง TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB

“ปฎิวัติความเหนือชั้น ทุกการทรงตัว”

ปฏิวัติใหม่กับระบบควบคุมช่วงล่างแบบพลวัต อีกขั้นของความล้ำหน้า ออกแบบใหม่ทุกชิ้น ขีดสุดความแกร่งพร้อมตอบสนองดีเยี่ยม ทั้งการทรงตัวและความนุ่มนวล

53

ระบบกันสะเทือนใหม่ (New Suspension System) ให้สมรรถนะเช่นเดียวกับรถ SUV ระดับหรู สู่การควบคุมเหนือชั้น เสถียรภาพมั่นคง มั่นใจในทุกสถานการณ์

55

– แหนบถูกออกแบบให้ยาวขึ้น ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความนุ่มนวล และขยายระยะห่างของแหนบ ซ้าย-ขวา ให้เสถียรภาพการทรงตัวที่นิ่งทั้งทางตรงและเข้าโค้ง

54

– โช๊คอัพถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มสมรรถนะการเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อต้องวิ่งบนเส้นทาง Off Road

49

– โครงสร้างแชลซีส์ใหม่ FIRM (Frame with Integrated Rigidity Mechanism) ออกแบบพิเศษเพิ่มสมรรถนะการทรงตัวที่มั่นคงในขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง ลดแรงสั่นสะเทือน เพิ่มความนุ่มนวล
– ระบบควบคุมเสถียรภาพของห้องโดยสาร (Body Control with Torque Demand)* ช่วยลดการกระพือของห้องโดยสารอันเนื่องมาจากสภาพถนนให้การขับขี่ราบเรียบ และนุ่มนวลยิ่งขึ้น *เฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล

“ปฏิวัติมิติใหม่แห่งการควบคุม”

63
– สวิตช์ปรับรูปแบบการขับขี่ (Drive Mode Switch) เลือกรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ ทั้งแบบประหยัด (ECO Mode) และแบบสมรรถนะสูง (Power Mode)

62

– สวิตช์ปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า Shift-On-The-Fly (4WD Switch) ช่วยให้ปรับระบบเข้าสู่รูปแบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

64

– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟ A-TRC (Active Traction Control) เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ว่าล้อใดเริ่มสูญเสียแรงขับเคลื่อน ขณะวิ่งผ่านพื้นผิวลื่น ระบบจะลดแรงขับที่ส่งไปยังล้อนั้น เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี และเพิ่งแรงขับไปยังล้อที่เหลือ เพื่อเคลื่อนที่ต่อไปได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย
– ระบบล็กเฟืองท้าย (Diff-Lock) ควบตุมการทำงานด้วยไฟฟ้า มั่นใจได้ว่ารจะมีแรงฉุดลากที่เหมาะสมสามารถตะลุยผ่านเส้นทางวิบากได้อย่างง่ายดาย

52

– เกียร์ธรรมดาอัจฉริยะ iMT 6 สปีด ครั้งแรกในโลกกับระบบเกียร์ธรรมดาอัจฉริยะ iMT 6 สปีด ครั้งแรกในโลกกับระบบเกียร์ธรรมดาอัจฉริยะ iMT 6 สปีดในรถกระบะ ให้ทุกการขับขี่ง่ายดาย และราบรื่นทุกจังหวะความเร็ว

61

– เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้แรงบิดสูงในรอบต่ำ ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับเคลื่อน และประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ระบบความปลอดภัย TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB
ปฏิวัติระบบความปลอดภัยมั่นใจทุกสถานการณ์”
อีกขั้นของระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

– ระบบป้องกัน ACTIVE SAFETY

66

– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) ป้องกันการเกิดอาการล้อหมุนฟรี เมื่อขับอยู่บนผิวถนนที่ลื่น ซึ่งเป็นสาเหตุของการลื่นไถลทำให้รถเสียการทรงตัว

65

– ระบบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ขณะเข้าโค้งบนถนนที่เปียกลื่น ระบบจะว่งแรงเบรกไปยังล้อแต่ละล้อแบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันภาวะมุตโค้ง (Understeer) หรือแหกโค้ง (Oversteer)
– ระบบป้องกันล้อล็อค ABS (Anti-lock Braking System) เมื่อต้องเบรกอย่างกะทันหัน ระบบจะช่วยป้องกันล้อล็อกและลื่นไถล ทำให้สามารถควบคุมรถได้

28
– ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ระบบช่วยกระจายแรงเบรกล้อ ซ้าย-ขวาในขณะเข้าโค้ง เพื่อการควบคุมที่ดีขึ้น
– ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ในสภาวะเบรกฉุกเฉิน และแรงเบรกจากผู้ขับไม่เพียงพอต่อการหยุดรถ ระบบจะเพิ่มแรงเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้สามารถหยุดรถได้ในระยะที่ปลอดภัย

38

– ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control) เมื่อวิ่งบนพื้นถนนขรุขระ หรือใช้งานลากจูงและต้องเผชิญลมพัดขวางรุนแรกเซ็นเซอร์จะปรับแรงดันเบรก และกำลังของเครื่องยนต์ให้เหมาะสม ช่วยรักษาเสถียรภาพป้องกันรถส่ายหรือเสัยการทรงตัว

40

– ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control) เมื่อต้องออกตัวบนทางลื่นและลาดชันระบบจะเพิ่มแรงดันเบรกไปยังล้อทั้ง 4 อัตโนมัติ เพื่อป้องกันรถลื่นไถลลงเนินชัน

39
– ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) เมื่อต้องขับเคลื่อนลงเนินชัน ระบบจะควบคุมแรงดันเบรกที่ล้ออัตโนมัติ โดยผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องแตะเบรก ช่วยให้เคลื่อนที่ลงเนินชันด้วยความเร็วสม่ำเสมอ

69

– กล้องมองหลัง ระบบจะแสดงภาพบริเวณมุมมองด้านหลังของรถผ่านจอ LCD เมื่อเข้าเกียร์ถอย ช่วยให้ถอยจอดได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัยยิ่งขึ้น

35

– ระบบปกป้อง Passive Safety ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่งรอบคัน มั่นใจอีกขั้นของการปกป้องที่เหนือชั้น ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารลดโอกาสบาดเจ็บแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยถุงลมเสริมความปลอดภัย ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง / ม่าน 2 ตำแหน่ง / เข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง

37

– โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ ให้เกร่งยิ่งขึ้นโดยการใช้เหล็กกล้าแรงดึงสูง (High Tensile Strength Steel) เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับและกระจายแรงกระแทกจากการชนได้อย่างดีเยี่ยม

 

COLORS สี TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB 2015

โตโยต้า รีโว้ ดับเบิ้ลแค็บ มีให้เลือก 6 สี ได้แก่
1.สีขาว (Super white)
2.บรอนซ์ (Silver Metalic)
3.เทาเข้ม (Dark Gray Mica Metalic)
4.ขาวมุข (White Pearl Crystal)
5.สีแดง (Crimson Spark Red Metalic)
6.น้ำเงิน (Nebura Blue)

1_resize
TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB สีขาว

2_resize
TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB สีบรอนซ์

3_resize
TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB สีเทาเข้ม

4_resize
TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB สีขาวมุก

5_resize
TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB สีแดง

6_resize
TOYOTA HILIX REVO DOUBLE CAB สีน้ำเงิน

“ใหม่ –สุคนธวา เกิดนิมิตร” ร่วมแคมเปญ “อยากคูลได้ทุกที่…ต้องติดฟิล์ม FEEL COOL ”

$
0
0

“ใหม่ – สุคนธวา เกิดนิมิตร” ร่วมแคมเปญ “อยากคูลได้ทุกที่…ต้องติดฟิล์ม FEEL COOL”

FEEL COOL FILM  ใหม่ สุคนธวา

บริษัท ไอ ฟีล คูล จำกัด ในกลุ่มบริษัท ฟีล ผู้ประกอบกิจการจำหน่าย และให้บริการธุรกิจด้านรถยนต์มากว่า 20ปี ดึงดาราสาวเจ้าบทบาทระดับเซ็กซี่ สตาร์เมืองไทยอย่าง “ใหม่ – สุคนธวา เกิดนิมิตร” ร่วมกิจกรรมเคมเปญ “อยากคูลได้ทุกที่…ต้องติดฟิล์ม FEEL COOL” การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ในรูปแบบ Mobile Unit ที่สาวใหม่จะต้องร่วมอยู่ขบวนคาราวานรถ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมเคมเปญดังกล่าวไปทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ที่ตอบโจทย์ปัญหารังสี Infrared (IR) หรือคลื่นรังสีความร้อนที่มีอยู่ทุกๆ ที่ ซึ่งเป็นต้นเหตุแท้จริงของความร้อนที่ได้รับขณะขับรถ อีกทั้งอินฟาเรดเป็นรังสีที่สามารถทะลุทะลวงลงไปในชั้นผิวเป็นผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น (Elasticity) สาเหตุทำให้เกิดความหมองคล้ำ ดังนั้นการติดฟิล์มที่สามารถป้องกันอินฟาเรดได้สูง นับเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบันนี้

FEEL COOL FILM

ทั้งนี้ บริษัท ไอ ฟีล คูล จำกัด คือบริษัทที่อยู่ในกลุ่มบริษัท ฟีล ผู้ประกอบกิจการจำหน่าย และให้บริการธุรกิจด้านรถยนต์มากว่า 20ปี (ตั้งแต่ปี 2536 ถึงปัจจุบัน) โดยกลุ่มบริษัท ฟีล นั้นได้วางแผนธุรกิจระยะยาวที่มีเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้ายานยนต์แบบครบวงจร จึงได้ขยายกิจการเพื่อดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทางบริษัทเล็งเห็นว่าฟิล์มติดรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่มีประโยชน์กับผู้บริโภค จึงได้ก่อตั้งบริษัท ไอ ฟีล คูล จำกัด ขึ้นเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 โดยเป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ ฟิล์มอาคาร ฟิล์มนิรภัย และฟิล์มตกแต่ง ภายใต้แบรนด์ “ ฟีล คูล ฟิล์ม” (FEEL COOL FILM) และด้วยนโยบาย และความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ฟิล์มกรองแสงฟีลคูล จึงตระหนักถึงคุณภาพมากที่สุด โดยได้คัดสรรฟิล์มกรองแสงที่ดีที่สุดจากหลากหลายผู้ผลิต โดยคัดสรรผู้ผลิตที่ต้องผ่านมาตรฐาน ISO9001 เป็นอย่างน้อย หรือถึงขั้นผ่านการรับรองมาตรฐานชั้นสูงอย่าง ASTM หรือ JIS ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือญี่ปุ่นมาแสดงต่อบริษัทฯ เท่านั้น

อีกทั้งยังต้องมีการทดสอบการติดตั้งจริงกับรถยนต์ พร้อมทั้งทดสอบคุณสมบัติต่างๆ ตามสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย เราให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับฟิล์มกรองแสงในราคาที่เหมาะสม สิ่งนี้คือความตั้งใจ และใส่ใจทุกขั้นตอนที่ทางบริษัทฯ ยึดถือมาตลอด ด้วยเหตุนี้คุณจึงมั้นใจได้ว่า คุณจะได้ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพสูงสุด เป็นฟิล์มกรองแสงที่ผลิตขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีคุณภาพในราคาเหมาะสม โดยมีคุณภาพเทียบเท่าฟิล์มกรองแสงแบรนด์ดังในตลาด ตามคอนเสป Feel Cool Feel The Different สัมผัสความเย็นที่แตกต่าง ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ Feel Cool มีจำหน่ายหลายชนิด ได้แก่ บรอนซ์, ซิลเวอร์, โกลด์ และแพทตินัม และมีฟิล์มกรองแสงติดอาคาร ซึ่งขั้นตอนการติดตั้งจะได้รับการบริการอย่างดีโดยช่างผู้ชำนาญการเฉพาะทาง รวมถึงมีใบรับประกัน และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.feelcoolfilm.com

FEEL COOL ฟิล์มติดรถยนต์คุณภาพสูงที่สามารถป้องกันรังสีอินฟาเรดได้อย่างแท้จริง เพราะฟิล์ม FEEL COOL เป็นฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูง เพราะผลิตด้วยเทคโนโลยี Nano Non-Metal Ceramic Sputtering IR เทคโนโลยี ที่มีชั้นฟิล์มสูงสุดถึง 12 ชั้น จึงป้องกันรังสีอินฟาเรดได้ถึง 98%* ป้องกันแสง UV ได้ถึง 99.99%* ป้องกันความร้อนได้สูงสุดถึง 98% และด้วยคุณภาพที่ผ่านการรับรองและผ่านการทดสอบจากสมาคม ASTM (American Society for Testing and Materials) สมาคมมาตรฐานอุสาหกรรมจากสหรัฐอเมริกาแล้ว คุณจึงมั่นใจทุกครั้งได้ว่า ฟิล์ม FEEL COOL สามารถปกป้องคุณให้ห่างไกลจากความร้อนได้จริง

เทคโนโลยี ของฟิล์มกรองแสง FEEL COOL ดีอย่างไร

  • ลดรังสีอินฟาเรดได้สูง ต้นเหตุของความร้อนที่แท้จริง และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร
  • ป้องกันแสง UV มากกว่า 99% สาเหตุของมะเร็งผิวหนังและต้อในดวงตา และช่วยยืดอุปกรณ์ภายในรถ ลดแสงจ้า ถนอมสายตา สาเหตุหนึ่งของต้อกระจก
  • ไม่รบกวนทัศยวิสัย เนื้อฟิล์มใสพิเศษสูงสุด ด้วยเทคโนโลยี Super Clear ไม่รบกวนทัศนวิสัยในการขับขี่ ไม่ทำให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นภาพจากภายในลดลง
  • เป็นฟิล์มทูโทนแบบพิเศษ ด้วยเทคโนโลยี TWO SIDE VISIBLE LIGHT สีฟิล์มดูเข้มเมื่อมองจากภายนอก แต่ขณะที่มองจากภายในจะมีความใสสว่าง
  • ไม่รบกวนสัญญาณ GPS ด้วยเทคโนโลยีกึ่งเซรามิค ทำให้ฟิล์มทุกรุ่นไม่รบกวนGPSและคลื่นวิทยุFM
  • แสงสะท้อนต่ำ ไม่ทำให้เกิดอันตรายจากเงาสะท้อนตา ขณะขับขี่
  • เป็นฟิล์มคุณภาพในราคาย่อมเยา
  • รับประกันยาวนานสูงสุดถึง 8 ปี

ขอเชิญเลือกติดฟิล์มที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณได้แล้ววันนี้ที่บริษัท ไอ ฟีล คูล จำกัด โครงการรอยัล ซิตี้ อเวนิว (RCA) 21 / 114 ซ ศูนย์วิจัย ถ พระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพ 10310 หรือที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

โทร 098-1051399 www.feelcoolfilm.com

ฟิล์ม์ cool

Suzuki Ciaz ท้าดวล Toyota Vios เปรียบเทียบหมัดต่อหมัด

$
0
0

Suzuki Ciaz ท้าดวล Toyota Vios เปรียบเทียบหมัดต่อหมัด
ciaz01

Suzuki Ciaz (เซียส) รถยนต์ 4 ประตูของซูซูกิ ที่เผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทยที่งาน Motor Show 2015 ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เป็นรถยนต์ที่หลายคนรอคอยมานาน อยากรู้ราคาและอยากรู้ว่าจะเริ่มผลิตพร้อมจำหน่ายได้เมื่อไร เชื่อว่าใครที่ได้ยลโฉม Ciaz มาแล้ว ก็คงจะเหมือนกับรักแรกพบ รู้สึกใช่ทันทีที่ได้เห็นรถจริง สวยกว่าในภาพที่เคยเห็นมาจากอินเตอร์เน็ต

ciaz02

แน่นอนว่า เดือนมิถุนายน 2558 ซูซูกิจะเริ่มเปิดสายการผลิต เปิดตัว และเผยราคาให้ทุกคนได้รับทราบกัน คาดว่าจะเริ่มส่งมอบลูกค้ากันได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 เป็นต้นไปตามคิวจอง ใครอยากรับรถเร็วหน่อย ก็ต้องรีบจองได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมใกล้บ้าน เริ่มมีลูกค้ามาจองกันแล้ว ใครที่ยังไม่เคยสัมผัสรถคันจริง ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ติดตามกันให้ดี เมื่อไรที่มีงานเปิดตัว มีโฆษณาให้เห็นในโทรทัศน์ ก็หมายความว่าให้รีบแวะไปชมพร้อมทดลองขับได้แล้วที่โชว์รูมทั่วประเทศ

Happy_Finish_Creative_Production_CGI_Karunakaran_Retoucher_Vasud

เรามาดูกันดีกว่าครับว่า Ciaz กับ Vios มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง

จับตาให้ดี กระแสความแรงในช่วงกลางปี 2558 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ซูซูกิพร้อมสู้เต็มที่ ประกาศสงครามกับเจ้าตลาดอย่าง Vios เรามาดูกันว่า ถ้าเปรียบเทียบกันตรง ๆ ใครจะเหนือกว่าใคร ในแต่ละด้าน และมั่นใจว่าลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์ในช่วงราคา 5-7 แสนบาท ก็จะต้องเปรียบเทียบน้องใหม่ในตลาดอย่างเซียส กับรถยอดนิยมที่วิ่งเกลื่อนเมืองอย่างวีออสแน่นอน

 

การออกแบบภายนอกตัวรถ

1409714938-ciaz5-o

vios ciaz

เปรียบเทียบมิติตัวรถ

  • Ciaz ยาวกว่า Vios 80 มม.
  • Ciaz กว้างกว่า Vios 30 มม.
  • Ciaz สูงเท่ากับ Vios
  • Ciaz มีฐานล้อยาวกว่า Vios 100 มม.
  • Ciaz มีความกว้างฐานล้อหน้ามากกว่า Vios 25 มม.
  • Ciaz มีความกว้างฐานล้อหลังมากกว่า Vios 45 มม.
  • รัศมีวงเลี้ยว Vios แคบกว่า Ciaz 0.3 m.
  • ความสูงใต้ท้องรถ Vios เตี้ยกว่า Ciaz 15 มม.
  • ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตรเท่ากัน

 

9

2014 Toyota Vios

ดีไซน์ภายนอกของ Ciaz จะเน้นหรูหราภูมิฐาน แต่ Vios จะเน้นความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

Ciaz ห้องโดยสารกว้างขวาง เพื่อความสะดวกสบายเต็มที่ ใช้วัสดุตกแต่งดีสมราคา อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำตัดสีเงินหรือโครเมี่ยมตามสไตล์รถหรู ห้องโดยสารกว้างสบายมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ยี่ห้ออื่นในระดับเดียวกัน

GLX_05

2014 Toyota Vios Interior Pictures

– Ciaz ให้อารมณ์สปอร์ตผสานความสง่างามไปพร้อมกัน เบาะที่นั่งขนาดพอดีตัว กระชับสรีระ ใช้สีดำ เส้นสายของแผงคอนโซลหน้าสีเทาเข้ม ลากพาดผ่านไปถึงประตูทั้งฝั่งซ้ายและขวาอย่างลงตัว

– Vios เน้นความสปอร์ต ทันสมัย ไฟเรืองแสงสีฟ้า เบาะผ้า ตกแต่งด้วยวัสดุเลียนแบบหนังเย็บทั่วทั้งคัน เกียร์แบบขั้นบันได

8

jklsjToyota-Vios

ช่องเก็บของและใส่ขวดน้ำมีมากมายหลายตำแหน่งภายในห้องโดยสาร ที่เก็บสัมภาระท้ายรถ Ciaz  มีความจุมากถึง 565 ลิตร แต่ Vios มีเพียง 476 ลิตร ซึ่งทำให้ Ciaz จุของได้มากกว่า Vios ถึง  89 ลิตร เยอะมากเลยทีเดียวครับ

364

toyota-vios-2014-1

ซูซูกิ เซียส มีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สี คือ สีขาว, สีเงิน, สีเทา, สีดำ และสีน้ำตาล
โตโยต้า วีออส มีสีให้เลือกทั้งหมด 7 สี คือ สีขาว, น้ำตาล, แดง, ดำ, ทอง, เทา และเงิน

เปรียบเทียบสมรรถนะและความปลอดภัย

  • Ciaz ประหยัดน้ำมันมากกว่า 20 กม./ลิตร ส่วน Vios ประหยัดน้ำมันเฉพาะขับทางไกล
  • Ciaz มีชุดเกียร์ CVT 7 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีดทั้งคู่ ส่วน Vios เป็นเกียร์ SUPER ECT 4 สปีด กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
  • ระบบกันสะเทือน เป็นแบบเดียวทั้ง Ciaz และ Vios
  • ระบบเบรค Ciaz เป็นแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม ส่วน Vios ในรุ่นเกรดสูงอย่าง G กับ S เป็นดิสก์แบบทุกล้อ
  • น้ำหนักตัวรถ Ciaz เบากว่า Vios 60-110 กิโลกรัม ทำให้ Ciaz ออกตัวแล่นไปได้ทันใจกว่า ประหยัดน้ำมันมากกว่า
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบเบรก ABS มีให้ใน Ciaz แต่ Vios เกรดล่าง J ไม่มีเบรค ABS

สุดท้ายนี้ ต้องรอดูราคาและสเปคแบบเต็ม ๆ อีกครั้งหลังการเปิดตัว Suzuki Ciaz อย่างเป็นทางการ เพื่อที่จะเปรียบเทียบกับ Toyota Vios ได้แบบละเอียด ว่าในระดับราคาเท่ากัน รุ่นไหนให้ความคุ้มค่ามากกว่า นี่ขนาดเปรียบเทียบกันแบบคร่าว ๆ หลายคนก็เทใจไปทาง Ciaz กันแล้วใช่ไหม ทั้งสดใหม่และคันใหญ่กว่าคู่แข่งทั้งหมดในตลาดระดับราคาเดียวกัน

 

Test Drive : รีวิว 2015 Chevrolet Colorado High Country รถกระบะใช้งานพร้อมลุยทุกสถานการณ์

$
0
0

Test Drive : รีวิว 2015 Chevrolet Colorado High Country รถกระบะใช้งานพร้อมลุยทุกสถานการณ์

DSC09303

ปีนี้ เชฟโรเลต ขอรุกหนักเอาจริงในตลาดรถกระบะ ผลักดันทุกวิธี สร้างยอดขาย Colorado ให้เติบโตมากขึ้นในไทย ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด และล่าสุดที่เพิ่งเผยโฉมในมอเตอร์โชว์ 2015 ก็คือ Chevrolet Colorado High Country ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Colorado รุ่นท็อปสุด ครั้งนี้ถือว่าจัดออปชั่นมาเต็มรูปแบบ

เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี่ มีให้เลือก 2 รุ่น และมีราคาดังนี้
– รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 969,000 บาท
– รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,029,000 บาท

DSC09295

สำหรับ รุ่นที่ 9CarThai ได้ทดสอบขับ รีวิวกันในบทความนี้ ก็คือรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาอยู่ที่ 1.029 ล้านบาท ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีความยาว 5,360 มม. กว้าง 1,882 มม. สูง 1,798 มม. และฐานล้อยาว 3,096 มม.

DSC09301

ดีไซน์ภายนอก เท่ด้วยชุดตกแต่งรอบคัน

สิ่งแรกที่ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ก็คือ Colorado High Country ถูกตกแต่งให้มีความสวยงาม สปอร์ตเท่มากขึ้นกว่า Colorado รุ่นปกติ  เรียกว่ามองมุมไหนก็สวย

DSC09305

DSC09332

รูปทรงและหน้าตาโดยรวม ดูแกร่งตามสไตล์รถกระบะอเมริกัน ดุดันพร้อมลุยงานหนัก  เป็นเสน่ห์ของรถกระบะอเมริกันที่คนไทยชื่นชอบ และอยากได้มาครอบครองอย่างที่เห็นในภาพยนตร์ Hollywood

DSC09301

ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมกรอบโครเมียม รมดําแบบสปอร์ตดูโฉบเฉี่ยว ปรับระดับทิศทางของแสง ด้วยสวิตช์ปรับระดับสูง-ต่ำ เพิ่มวิสัยทัศน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เพิ่มความสวยงามสะดุดตาและปลอดภัย ด้วย Day Time Running Light ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตกแต่งของเชฟโรเลตเอง

DSC09331

กระจังหน้าแบบ Dual Port-Grille สีเทาเข้ม ดีไซน์สปอร์ตพร้อมกรอบโครเมียม เอกลักษณ์เฉพาะเชฟโรเลต สัญลักษณ์โบว์ไทด์ และไฟตัดหมอกหน้า ช่วยเพิ่มความปลอดภัยแม้ในสภาพอากาศที่วิสัยทัศน์ไม่ดี

DSC09314

ยาง Bridgestone ขนาด 265/60 R18  ล้ออัลลอย 18 นิ้วแบบ Two-Tone ใหม่ โดดเด่นด้วยการผสมผสานโทนสีเทาดําเข้ม ตัดขอบแบบปัดเงา เพิ่มความหรูหรา ทันสมัย

DSC09306

สปอร์ตบาร์ที่กระบะท้ายสีเดียวกับตัวรถ

DSC09311

สัญลักษณ์ ไฮคันทรี เพิ่มความบึกบึนดูน่าเกรงขาม

DSC09316

ราวสีดำยึดสัมภาระหรือรถจักรยานบนหลังคาได้

DSC09315

DSC09313

สัญลักษณ์ เครื่องยนต์ Duramax 2.8 ลิตร 200 แรงม้า 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พลังการขับเคลื่อนของไฮคันทรีนั้นเหนือกว่ารถกระบะรุ่นอื่นๆ  ทำให้อัตราเร่งรวดเร็วทันใจ

DSC09312

กล้องมองหลัง เพิ่มความปลอดภัยสะดวกสบายในขณะถอยจอด

DSC09328

แนวกันชน ติดตั้งเซ็นเซอร์ 4 จุด กะระยะถอยหลัง

DSC09309

พื้นที่บรรทุกสัมภาระ ก็มีมากพอ แม้ว่าจะเป็นรถกระบะ 4 ประตู

DSC09325

ฝากระบะท้าย แข็งแกร่ง รองรับการบรรทุกได้อย่างดีเยี่ยม

DSC09329

ยางอะไหล่พร้อมโซ่ล็อค

DSC09326

ไฟท้ายและไฟเบรคดวงที่สาม เป็น LED ทั้งหมด อายุใช้งานยาวนานกว่าหลอดไฟธรรมดา

DSC09317

มือจับประตู แถบโครเมียม

DSC09318

กระจกมองข้างโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยว มองเห็นชัดเจนสำหรับรถที่วิ่งขนานในเลนข้าง ๆ

 

ภายในห้องโดยสารปรับปรุงใหม่ หรูหรากว้างสบาย

ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นไปอีกขั้น ภายนอกดูแกร่งดุดัน ภายในก็เพิ่มความหรูหราเข้าไปอีกด้วยเบาะหนังสีน้ำตาล Brown Stone สมกับคำว่า High Country  ชวนนึกถึงภาพยนตร์คาวบอยอเมริกันขับรถกระบะยกสูง สวมชุดหนัง รองเท้าหนังสีน้ำตาลกันเลยทีเดียว

DSC09335

DSC09334

DSC09336

DSC09337

ทัศนวิสัยในการขับขี่ดี มุมมองกว้างไกลเพราะตัวรถยกสูง เสาหลังคาไม่หนาจนบดบังขณะเลี้ยว กระจกมองข้างขนาดใหญ่มุมมองกว้าง ให้ความมั่นใจในขณะเปลี่ยนเลน ถ้าใครที่ยังไม่เคยขับรถกระบะยกสูง อยากให้ลองขับดู น่าจะติดใจ

DSC09339

มีมือจับที่เสาหลังคาและขอบหลังคา ขึ้นลงได้สะดวกมาก ความสูงตัวรถไม่สูงเกินไปจนขึ้นลำบาก มีบันไดข้างเพื่อความสะดวกสบาย และสวยงาม

DSC09338

ที่บังแดด ไฟส่องแผนที่ และที่เก็บแว่นตา

DSC09343

พวงมาลัยหุ้มหนัง จับแล้วค่อนข้างกระชับมือ ไม่ลื่นเกินไป พร้อมปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยทั้งระบบเครื่องเสียง การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และระบบ Cruise Control  ไม่ต้องเหยียบคันเร่งค้างไว้  ช่วยรักษาระดับความเร็วรถให้คงที่  ทำให้ลดความเมื่อยล้าในขณะขับขี่ทางไกล

DSC09371

แผงคอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา Piano Black ดูหรูหรา มาพร้อมเครื่องเสียง ศูนย์รวมความบันเทิงภายในรถ หน้าจอทัชสกรีน 7 นิ้ว กดง่าย สะดวกรวดเร็ว

DSC09372

เครื่องปรับอากาศพร้อมหน้าจอดิจิทัล

DSC09341

เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

DSC09342

สวิตช์เปลี่ยนระบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อตามสถานการณ์

DSC09361

ที่วางแขน กว้างและยาวพอสำหรับผู้ขับและผู้โดยสาร หุ้มด้วยหนัง  ช่วยลดความเมื่อยล้าได้

DSC09375

มีพอร์ต USB Input ต่อเข้าเครื่องเสียง อยู่ใต้ที่วางแขนนี้

DSC09354

DSC09353

สวิตช์ปรับกระจกมองข้าง สวิตช์หน้าต่าง อยู่ในตำแหน่งสูง ไม่ต้องก้มดู

DSC09352

ลำโพง ช่องใส่ขวดน้ำ ที่วางแขนเป็นพลาสติกทนทานต่อเหงื่อ ผนังหุ้มแผ่นหนัง

DSC09355

ตำแหน่งเสียบกุญแจ ด้านขวาของคอพวงมาลัย  มีช่องลมเครื่องปรับอากาศฝั่งใกล้ประตูทั้งสองด้าน มีที่วางแก้วกาแฟ ใช้ลมเย็นเป่าให้เย็นได้เลย

DSC09356

สวิตช์ไฟหน้ารถ สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้

DSC09360

คันโยกเปิดฝากระโปรง เปิดฝาถังน้ำมัน และที่พักเท้าซ้าย

DSC09358

DSC09363

เบาะนั่งหนังสีน้ำตาล ดูดีในสไตล์ไฮคันทรี

DSC09359

เบาะผู้ขับ ปรับไฟฟ้าทุกสเตป สะดวกสบาย

DSC09362

ที่พิงศีรษะ ดูหรูหรากว่ารถกระบะทั่วไป มุมเอนพอดี กระชับศีรษะ

DSC09367

มาดูฝั่งผู้โดยสารตอนหน้ากันบ้าง

DSC09366

DSC09368

– เบาะที่นั่ง ไม่มีปรับไฟฟ้า ปรับเอนและระดับสูงต่ำได้  พร้อมช่องเก็บของ 2 ช่อง เปิดได้สะดวก

DSC09369

ช่องใส่แก้วเครื่องดื่ม เป่าลมเย็นได้

DSC09370

เหนือขึ้นไปจากตำแหน่งเครื่องเสียง มีช่องเก็บของด้วย ผู้ขับเปิดได้สะดวกมาก เหมาะกับการใส่บัตรผ่านประตู

DSC09377

มาดูกันต่อที่ห้องโดยสารตอนหลัง เปิดประตู เหยียบบันไดปีนขึ้นได้ไม่ยาก ผู้โดยสารสรีระใหญ่เป็นพิเศษ ก็เข้าออกได้ค่อนข้างสะดวก

DSC09378

ประตูตอนหลัง มีช่องใส่ขวดน้ำ ลำโพง และบุผนังด้วยแผ่นหนังเช่นกัน ตกแต่งดูดี ไม่มีการลดต้นทุน

DSC09379

ห้องโดยสารตอนหลัง กว้าง นั่งได้ 3 คน พร้อมพนักพิงศีรษะปรับความสูงได้

DSC09381

มีที่วางแขนให้ด้วย

DSC09382

มีช่องจ่ายไฟ เสียบ Car Charger ได้

DSC09383

Leg room ค่อนข้างกว้าง ระยะห่างจากเข่าถึงหลังเบาะ กว้าง สะดวกสบาย สำหรับเดินทางระยะทางไกล

DSC09385

สำหรับ Headroom ผู้โดยสารตอนหลังที่มีความสูงไม่เกิน 180 cm. ศีรษะไม่ติดเพดานแน่นอน

DSC09384

หลังเบาะคู่หน้า สามารถใส่นิตยสารหรือเอกสารได้

 

เครื่องยนต์

DSC09322

เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 2.8 Duramax Diesel ความจุ 2.8 ลิตร คอมมอนเรล 4 สูบ 16 วาล์ว 200 แรงม้า พร้อมเทอร์โบแปรผันและอินเตอร์คูลเลอร์ เหนือกว่าด้วยเซอร์โวมอเตอร์ท่ีควบคุมโดยสมองกลอัจฉริยะ (Engine Control Module) ช่วยเพิ่มแรงบิดในรอบต่ำได้สูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร ท่ี 2,000 รอบต่อนาที ทํางานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบโอเวอร์ไดรฟ์ 2 อัตราทด  และระบบ Active Select ควบคุมทุกเกียร์ได้อย่างแม่นยํา  ประหยัดยิ่งข้ึนด้วยระบบหัวฉีด ไดเรคอินเจคชั่น

จุดเด่นของ Colorado 2.8 ที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Hilux Revo ที่เพิ่งเปิดตัว ก็คือ แรงม้าที่มากถึง 200 แรงม้านั่นเอง ในขณะที่คู่แข่งรายอื่น ใช้เครื่องยนต์ 2.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ให้กำลังได้น้อยกว่านี้

 

ระบบความปลอดภัย

โครงการตัวถังระบบ Active Safety  ปกป้องทุกคนในรถด้วยโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่ง ป้องกันการบิดตัวของตัวถังได้แบบไร้กังวล พร้อมเสริมความแข็งแรง ด้วยคานนิรภัยที่แผงประตู ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชนด้านข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ช่วงล่างแน่น เกาะถนน ดีเยี่ยมเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ  พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว  และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน  ช่วยหยุดรถไม่ให้ไหลลงจากทางลาดชัน เพื่อให้คุณปล่อยเท้าจากเบรกมาแตะคันเร่งได้โดยไม่เสียการควบคุม

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

DSC09398

MyLink ระบบเครื่องเสียงและระบบนำทางที่ถือเป็นจุดเด่นอย่างนึงของเชฟโรเลต เป็นระบบที่น่าใช้มากกว่าที่ติดตั้งมาในรถยนต์ยี่ห้ออื่น  รองรับ Input จากวิทยุ AM, FM, Bluetooth, Aux และ USB  โดยเมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน จะทำให้การรับสาย โทรออก ค้นหารายชื่อ และเล่นภาพหรือเพลง ทำได้สะดวกมาก

DSC09399

วิทยุ FM รับสัญญาณได้ไวดี สแกนคลื่นได้รวดเร็ว

DSC09400

หน้า Home Screen มีให้เลือกใช้ระบบนำทาง, กำหนดปลายทางของการเดินทาง, ใช้โทรศัพท์, ตั้งค่า และปรับแต่งเสียง

DSC09401

GPS แม่นยำ จับสัญญาณได้รวดเร็วกว่าที่คิด มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่และเส้นทางค่อนข้างละเอียดดี ใช้งานง่าย

DSC09402

หน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว ใหญ่เหมาะสมกำลังดี สัมผัสติดง่าย ไม่ต้องจิ้มแรง

DSC09403

เมนูภาษาไทย แปลได้เข้าใจง่าย อ่านแล้วไม่งง

DSC09404

ปรับสมดุลเสียงของลำโพงซ้ายขวาหน้าหลังได้ พร้อม EQ  ซึ่งจากการทดสอบฟัง ถือว่าเสียงดีสมราคา ฟังสนุก ไม่มีความจำเป็นต้องอัพเกรดลำโพงหรือเครื่องเสียงอีกแล้ว จุดนี้ถือว่าเชฟโรเลตใส่ใจรายละเอียดดี ไม่ใช่แค่ของแถมติดรถ

DSC09394

ลำโพง Tweeter ยิงเสียงทำมุมสะท้อนกระจกหน้า ไปยังผู้ฟังทุกที่นั่งอย่างทั่วถึง ทำให้รู้สึกถึงความใสกังวานของเสียง ในขณะที่เสียงย่านเบส ถูกขับโดยลำโพง Mid-Bass ที่ติดตั้งบริเวณประตูทั้ง 4 บานแล้ว

DSC09396

หน้าจอทำหน้าที่แสดงภาพจากกล้องมองหลัง ช่วยให้การถอยจอดเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะ  มีเส้นกะระยะที่แม่นยำ รวมทั้งแสดงทิศทางตามการหักเลี้ยวของพวงมาลัยในขณะถอยจอดได้ด้วย ซึ่งรถกระบะยี่ห้ออื่น ยังทำไม่ได้ขนาดนี้

DSC09397

มาตรวัดและจอแสดงข้อมูลสีฟ้าเย็นตา อ่านง่าย มองเห็นชัดเจน

 

ทดสอบขับ

DSC09386

เรา ได้ทำการทดสอบขับบนถนนราชพฤกษ์และนครอินทร์  ทดสอบอัตราเร่ง การเข้าโค้งกลับรถ การทรงตัว และการทำความเร็ว ซึ่งถือว่าน่าประทับใจ  ทั้งการเร่งแซงที่ว่องไวดี พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดีเมื่อขับด้วยความเร็วสูง การทรงตัวเมื่อเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน ช่วงล่างเกาะถนนดีสไตล์รถอเมริกัน ไฟท้าย LED รูปตัว C ไฟถอยหลังมีให้สองข้าง ช่วยส่องสว่างในขณะถอยจอดที่มืดได้ดีกว่า รถกระบะที่มีไฟถอยหลังเพียงข้างเดียว

จุดเด่นที่สร้างความประทับใจได้ดีกว่ารถกระบะจากคู่แข่ง

  • ช่วงล่างเกาะถนนดี ทรงตัวดีทั้งการขับเคลื่อนแบบ 2 และ 4 ล้อ ทั้งพื้นราบและทางลาดชัน
  • เครื่องยนต์ Duramax ให้กำลัง 200 แรงม้า ใช้งานบรรทุกหนักได้สบาย
  • ไฟท้าย LED ไฟถอยจอดคู่ กล้องมองหลังกะระยะแม่นยำ เลี้ยวตามพวงมาลัย
  • ระบบ เครื่องเสียงและระบบนำทาง MyLink น่าประทับใจมาก ใช้งานง่าย สัมผัสเบา ไม่ต้องจิ้มแรง เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนง่าย ฟังก์ชั่นฉลาดมีเยอะ ใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่คำโฆษณา
  • ชุดแต่งสวยงามมาก ลงตัวกับดีไซน์ หล่อเท่แบบเบ็ดเสร็จ ไม่ต้องลงทุนตกแต่งอะไรเพิ่มเติม
  • ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย หรูหรา เหมือนรถ SUV
  • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางเหมือนในรถยนต์หรูระดับราคา 1-2 ล้านบาท
  • เบาะหนังสีน้ำตาล Brown Stone ให้ความรู้สึกแบบ High Country เป็นความแตกต่างอย่างมีสไตล์
  • ล้อสีดำ ตัดขอบสีเงิน สวยงาม ทันสมัย
  • เบรคกระทันหันที่ความเร็วสูงได้นุ่มนวล ควบคุมรถได้แม่นยำ ไม่มีอาการท้ายปัด
  • กำหนด เข้าศูนย์บริการเพื่อบำรุงรักษาที่ระยะทุก 15,000 กม. ส่วนคู่แข่งรายอื่น อยู่ที่ 10,000 กม. ซึ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
  • ติดตั้งระบบความปลอดภัยมากมายในตัวรถ บวกกับโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรงดีมาก เหล็กหนา ทำให้รู้สึกอุ่นใจปลอดภัยทุกครั้งที่ขับ
  • เครื่องปรับอากาศเย็นเร็ว ลมแรง สู้กับอากาศร้อนภายนอกได้สบาย
  • สีแดง ทางเลือกใหม่ที่สวยโดดเด่น สะกดทุกสายตาบนถนนให้เหลียวมอง

สรุป

ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสวยงามทุกมุมมอง มาพร้อมกับชุดตกแต่งรอบคันที่ไม่ต้องตกแต่งเพิ่มอีกแล้ว ล้อเงางามทันสมัย รูปทรงดูแกร่งตามสไตล์รถกระบะอเมริกัน ยกสูง ขับเคลื่อนสี่ล้อ สมรรถนะที่ดีเยี่ยม บวกกับห้องโดยสารที่หรูหรา เบาะหนังสีน้ำตาล Brown Stone อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้ปลอดภัยได้จริงในวินาทีฉุกเฉิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเหตุผลดี ๆ ที่ตอบโจทย์ครบทุกด้านสำหรับผู้ที่กำลังต้องการรถกระบะใช้งานพร้อมลุยทุก สถานการณ์ กับ Chevrolet Colorado High Country

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.chevrolet.co.th/cars/colorado/model-overview.html

หรือทดลองขับที่ https://www.chevrolet.co.th/shopping-tools/test-drive.html

หรือขอใบเสนอราคาที่ https://www.chevrolet.co.th/shopping-tools/quote.html

รู้จัก “inkaNet” เทคโนโลยีอัจฉริยะจาก MG ช่วยผู้ขับขี่สื่อสารกับรถยนต์ได้ทุกที่ทุกเวลา

$
0
0

รู้จัก “inkaNet” เทคโนโลยีอัจฉริยะจาก MG ช่วยผู้ขับขี่สื่อสารกับรถยนต์ได้ทุกที่ทุกเวลา

MG INKANET
MG เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “inkaNet” เป็นระบบสื่อสารอัจฉริยะระหว่างรถยนต์ MG กับผู้ขับขี่ เป็นครั้งแรกที่ผ่านโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ 3G และ 4G สะท้อนเทรนด์ “IoT หรือ Internet of Things” แนวโน้มสำคัญของโลกไอทีปัจจุบันถึงอนาคตอันใกล้นี้ โดยจะติดตั้งในรถยนต์ MG รุ่นใหม่ทุกรุ่นในเร็วๆ นี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย สะดวก และความมั่นใจในทุกเส้นทางสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ MG

inkaNet คืออะไร?
“inkaNet” เป็นนวัตกรรมที่ เอสเอไอซี มอเตอร์ (SAIC Motor) พัฒนาและเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2553 ในช่วงแรกฟังก์ชั่นหลักของ inkaNet เน้นความบันเทิงแบบเรียลไทม์ ด้วยการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ต่อมา เอสเอไอซี มอเตอร์ ได้ค้นคว้าและพัฒนานวัตกรรมนี้อย่างต่อเนื่องโดยได้เพิ่มฟังก์ชั่นระบบนำทาง และระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานวงการยานยนต์ ล่าสุด ในยุคของ Internet of Things เอสเอไอซี มอเตอร์ ได้ทำให้ “inkaNet” เป็นอะไรมากกว่าที่เคยเป็น มีฟังก์ชั่นสมาร์ทๆ มากมาย และเป็นประโยชน์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน  หลักการทำงานคร่าว ๆ ของ inkaNet คือ ในรถยนต์ MG ที่มีระบบ “inkaNet” จะติดตั้งกล่องควบคุมที่เรียกว่า T-Box มาจากโรงงาน โดยกล่อง T-Box จะเป็นตัวกลางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างรถยนต์ MG กับผู้ขับขี่ ซึ่งสามารถใช้งาน“inkaNet” ผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่
1. แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
2. เว็บไซต์ www.mgcars.com ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
3. MG Call Center (1-800-999-988, 1-401-999-988 กด 3)

inkaNet มีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง?
inkaNet” จัดเต็มด้วย 5 ฟังก์ชั่นหลัก ฟังก์ชั่นแรกคือ การตรวจสอบสถานะของรถยนต์ (Vehicle Status Update) ช่วยอัพเดทสถานะพื้นฐานให้รู้ทันที เช่น ระยะทาง ระดับน้ำมันเชื้อเพลิงและแบตเตอรี่ ประตูปิดสนิทหรือไม่ อุณหภูมิภายนอกรถ ฯลฯ ต่อมาคือฟังก์ชั่น การควบคุมการทำงานของรถยนต์ (Remote Vehicle Control) ช่วยให้ผู้ขับขี่สั่งล็อค/ปลดล็อครถได้จากระยะไกล หรือเมื่อลืมที่จอดรถ หารถไม่เจอ ก็สามารถสั่งการผ่านแอพพลิชั่นบนสมาร์ทโฟน ให้รถเปิดไฟหน้าเพื่อให้ค้นหารถได้ง่ายขึ้น

ตามด้วยฟังก์ชั่น การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ (Remote Vehicle Diagnosis) เป็นฟังก์ชั่นสุดสะดวกที่ช่วยให้คุณตรวจเช็คความผิดปกติเบื้องต้นของเครื่องยนต์ได้เองง่ายๆ รวมถึงการทำงานของระบบความปลอดภัย เช่น ระบบเบรก ถุงลมนิรภัย ไม่เพียงแค่นั้น หากต้องการคำแนะนำ ก็ติดต่อ MGCall Center ซึ่งจะเข้ามาดูปัญหาที่เกิดขึ้นผ่านทาง inkaNet ได้ทันที พร้อมให้คำแนะนำเบื้องต้นกับ
คุณได้ ณ จุดนั้นเลย

ต่อมาเป็นฟังก์ชั่น การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ (Vehicle Alarm) หากรถยนต์มีการเคลื่อนที่แบบผิดปกติ หรือเมื่อมีการสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบจะส่ง SMS และ Push Notification แจ้งเตือนในสมาร์ทโฟนของคุณทันที อุ่นใจอีกขั้นในเรื่องความปลอดภัย

ปิดท้ายด้วยฟังก์ชั่น ระบบนำทางรถยนต์ (Navigation) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามตำแหน่งของรถได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในกรณีที่ถูกขโมย จะสามารถค้นหาตำแหน่งรถได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ยังสามารถบอกสถานที่ที่สนใจ (Point of Interest) ให้ข้อมูลสภาพจราจรแบบเรียลไทม์เพื่อใช้วางแผนการเดินทางในสภาพการจราจรที่ติดขัดด้วย

inkaNet ควบคุมได้…ทุกที่ ทุกเวลา
สรุปว่า “inkaNet” เป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจอย่างมากในแวดวงยานยนต์ระดับ Compact Car ที่ราคาไม่สูงเกินเอื้อม เป็นเจ้าของและจับต้องได้ง่าย ใช้งานง่าย มีประโยชน์จริงในชีวิตประจำวัน เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถอย่างแท้จริง สะท้อนแนวคิด Brit Dynamic ของ MG คือ การออกแบบรถยนต์ที่เกิดจากความเข้าใจความต้องการของผู้ขับขี่ ให้ทั้ง
สมรรถนะ การควบคุมที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยเหนือระดับ ซึ่งจะช่วยให้คนไทยได้รับประสบการณ์ในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเอ็มจีที่จะเติบโตไปคู่กับอุตสาหกรรมยาน ยนต์ไทย และนำเสนอนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ของลูกค้าทุกคน

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mgcars.com/th/innovation/inkaNet ครับ

เชฟวี่ พลัส จับมือแบล็คแคนยอน รับกาแฟฟรีทั่วประเทศ

$
0
0

เชฟวี่ พลัส จับมือแบล็คแคนยอน รับกาแฟฟรีทั่วประเทศ

chevy black canyon

กรุงเทพฯ – เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย จับมือร้านกาแฟแบล็คแคนยอน หนึ่งในพันธมิตรใหม่ของโปรแกรมเชฟวี่ พลัส เพียงแสดงรหัสทางโทรศัพท์มือถือเพื่อรับเครื่องดื่มฟรีจากร้านกาแฟแบล็คแคน ยอนทั่วประเทศ

สิทธิประโยชน์จากโปรแกรมเชฟวี่ พลัส ยังรวมไปถึงการซื้อสินค้าในราคาพิเศษ รับผลิตภัณฑ์ฟรี และสิทธิประโยชน์จากร้านค้าต่างๆ มากมาย อาทิ เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ ไอศครีมโคลสโตน แมคโดนัลด์ อานตี้แอนส์ บางกอกแอร์เวย์ส และไทยทิคเก็ตเมเจอร์ เป็นต้น

นอกจากนี้ เชฟโรเลตยังชวนสมาชิกเชฟวี่ พลัส ดูภาพยนตร์ฟรีที่โรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ กับกิจกรรมเชฟวี่ พลัส มูฟวี่ เดย์ ตลอดทั้งปี

Chevrolet


9 เหตุผลดี ๆ ที่หลายคนรอตัดสินใจซื้อ Suzuki Ciaz มากกว่า Eco Car Sedan จากคู่แข่ง

$
0
0

Ciaz with Teaser BG

อดใจรอกันอีกนิด อีกไม่กี่วัน ซูซูกิ เซียส (Suzuki Ciaz) ก็จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ทุกท่านสามารถติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์ 9CarThai โดยทีมงานจะตามติดภาพบรรยากาศภายในงาน สเปค รวมไปถึงราคามาเสิร์ฟให้กับผู้อ่านอย่างจุใจเช่นเคย

9 เหตุผลว่าเหตุใด Suzuki Ciaz จึงเป็นรถยนต์ที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนี้

GLX_09

1. ดีไซน์ภายนอกที่ผสานความหรูหราและความสปอร์ตเข้าด้วยกัน
ฉีกทุกข้อจำกัดเดิมๆ ที่ว่ารถยนต์ราคาประหยัด จะต้องไม่สวยบางรุ่นใส่ความสปอร์ตมาเต็มที่ ดูโฉบเฉี่ยวแบบ Sport Racing แต่ก็ไม่มีความหรูหรามาให้  สำหรับ Ciaz มีให้ทั้งความหรูหราสง่างามภูมิฐานแต่ก็สามารถผสมผสานความสปอร์ตได้อย่างลงตัว

 

ciaz02

2. ห้องโดยสารกว้างสบาย
ใครๆ ก็มองหารถยนต์ที่มีราคาสมเหตุสมผล มีห้องโดยสารขนาดใหญ่ นั่งสบาย ซึ่งเป็นความต้องการที่สวนทางกันจนไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ด้วยฐานล้อที่ยาวเป็นพิเศษของ Ciazบวกกับมิติตัวรถที่กว้างกว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน  ทำให้ห้องโดยสารของCiaz  มีความกว้างและนั่งสบายอย่างเหลือเชื่อ เรื่องนี้อย่างเพิ่งเชื่อ แต่ขอท้าพิสูจน์ให้สัมผัสด้วยตัวท่านเอง  (อ้างอิงจากสเปค ตัวรถยาว 4,490 มม. กว้าง 1,730 มม. ฐานล้อยาว 2,650 มม.ใหญ่กว่าคู่แข่งในทุกมิติ)

 

GLX_04_B

3. ความจุห้องเก็บสัมภาระของ Ciazที่มากถึง 565 ลิตร

จริงอยู่ที่รถยนต์ Hatchback คันเล็กๆ ที่วิ่งเกลื่อนเมือง ดูน่ารัก กะทัดรัด แต่หลายๆ ครั้งที่มักจะประสบปัญหาในการวางสัมภาระขนาดใหญ่หรือจำนวนมากไม่เพียงพอ ซึ่ง Ciaz ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งสี่ประตูขนาดใหญ่ที่สามารถตอบโจทย์ในข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยช่องเก็บสัมภาระท้ายรถกว้างมากถึง 565 ลิตร ที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่

4. สมรรถนะในการขับขี่และความสามารถในการประหยัดน้ำมัน
ลบทุกคำสบประมาท เปลี่ยนความเชื่อเดิมๆ ของรถยนต์ราคาประหยัด แต่ด้วยเครื่องยนต์ 1.25 ลิตรของ Ciazที่ให้แรงบิดสูงจึงทำให้มีสมรรถนะสูง ช่วยให้รถออกตัวได้ว่องไว ขับสนุก คล่องตัว แต่ก็ยังประหยัดน้ำมันมากถึง 20 กม./ลิตร ด้วยการออกแบบตัวถังที่ลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์

5. ประสิทธิภาพเหนือขั้นด้วยระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ (CVT) 5 สปีด
Suzuki Ciaz ให้ความเหนือกว่าในด้านพละกำลังและประสิทธิภาพในการขับขี่เมื่อเทียบกับคู่แข่งบางรายในระดับเดียวกัน โดย Ciazให้ความนุ่มนวลในขณะเปลี่ยนอัตราทดของเกียร์อัตโนมัติได้ดีกว่าด้วยระบบเกียร์แบบ CVT (Continuously Variable Transmission) 5 สปีดเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมากับทุกสไตล์การขับขี่

 

GLX_05

6. เบาะผ้าใหญ่กระชับ นุ่มสบาย ให้ควารู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินทาง
รถยนต์ทั่วไปในระดับเดียวกัน มักจะให้เบาะที่นั่งขนาดเล็ก นั่งไม่สบายไม่กระชับพอดีตัว แต่สำหรับ Ciaz ได้ออกแบบเบาะนั่งด้วยวัสดุคุณภาพดี มีขนาดใหญ่ นุ่มและนั่งสบาย โค้งกระชับสรีระให้ความสบาย ผ่อนคลายในตลอดการเดินทาง

7. สะดวกสบายด้วยพนักวางแขน
Suzuki Ciaz ได้ทำการติดตั้งมพนักวางแขนให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่น ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่บางคนอาจมองข้ามไป ในช่วงเวลาที่ต้องเดินทางไกลหรือการจราจรติดขัด หรือต้องอยู่ในรถเป็นเวลานาน ซึ่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถวางแขนหรือศอกลงมาช่วยลดอาการเมื่อยล้าและผ่อนคลายได้ดีทีเดียว

 

Ciaz Wheel

8.สะดวกสบายด้วย ระบบควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์บนพวงมาลัย
เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของ Ciaz GLX  เพราะซูซูกิเข้าใจถึง Lifestyleของผู้ขับขี่ ในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ขณะขับขี่  รวมทั้งระบบเครื่องเสียงรถยนต์รุ่นใหม่ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบไร้สายบลูทูธที่ทำงานประสานกันเป็นอย่างดี กับระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย  เพื่อความปลอดภัยขณะสั่งงานเครื่องเสียงในการปรับเพิ่มลดเสียงเปลี่ยนเพลง คลื่นวิทยุ รับสายหรือโทรออกหมายเลขล่าสุดได้ง่ายๆโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน

 

GLX_10

9. ราคาที่คุ้มค่าและบริการหลังการขายที่ไว้ใจได้
หลายคนคาดเดาได้ว่าราคาเปิดตัวของ Suzuki Ciaz จะอยู่ที่ 5 แสนกลางๆไปจนถึง 7 แสนโดยประมาณ  ซึ่งก็ใกล้เคียงกับคู่แข่งหลากหลายรุ่นในตลาดระดับเดียวกัน  แต่สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับนั้น รับรองได้ว่าคุ้มค่าอุปกรณ์มาตรฐานแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก ทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระบบความปลอดภัย เทคโนโลยีทันสมัย ห้องโดยสารกว้างเกินราคา ดีไซน์ที่สวยงามหรูหราผสานความสปอร์ต  ในเรื่องการบริการหลังการขาย ก็ไม่ต้องลังเลใจเนื่องจากซูซูกิมีแผนที่จะเพิ่มศูนย์บริการในปีนี้กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ

ทั้งหมดนี้เป็น 9 เหตุผลดีๆ ที่ทำให้หลายคนให้ความสนใจ Suzuki Ciaz นั่นเอง ที่พร้อมจะเผยโฉมใน  วันที่ 8 กรกฎาคมนี้ เชิญทุกท่านสัมผัสและทดลองขับได้ที่โชว์รูมซูซูกิใกล้บ้านท่าน

Nissan NP300 Navara King Cab ดีไซน์โดดเด่นตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมฟังก์ชั่นครบทุกความต้องการ

$
0
0

Nissan NP300 Navara King Cab ดีไซน์โดดเด่นตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมฟังก์ชั่นครบทุกความต้องการ

NISSAN NAVARA KING CAB (1)

คงต้องยอมรับกันว่าในยุคสมัยนี้ ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ใช้รถใช้ถนนนั้นเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ของรถยนต์นั่งจากซีดานมาเป็นรถ 5 ประตูแฮทช์แบ็ค หรือรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ปรับเปลี่ยนไปใช้เป็นรถยนต์แบบครอสโอเวอร์รวมไปถึงรถกระบะซึ่งจากเดิมทีจะเน้นไว้ใช้งานเพื่อขนส่งเชิงพาณิชย์เท่านั้น แต่ปัจจุบันรถกระบะได้มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ทั้งกระบะแบบ 2 ประตูซึ่งยังคงเน้นใช้งานขนส่งบรรทุกของ, กระบะ 4 ประตู ซึ่งเปรียบได้เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ป้ายทะเบียนดำ) และสุดท้ายกับรถกระบะแบบตอนครึ่ง ซึ่งเป็นรถที่ใช้งานได้ทั้งขนส่ง และใช้งานเป็นรถยนต์นั่งโดยสารได้

NISSAN NAVARA KING CAB (2)

และในวันนี้เองทาง 9carthai ของเราจะขอมาพูดถึงรถกระบะแบบตอนครึ่ง คันใหม่ อย่าง Nissan NP300 Navara King Cab ซึ่งถูกเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วแบบครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยนี้ และแน่นอนว่า NP300 Navara ถือเป็นรถที่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการรถกระบะในเมืองไทยเป็นอย่างมาก จากฟังก์ชั่นและออปชั่นการใช้งาน ที่ดีไซน์ได้โดดเด่นตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานในหลากหลายรูปแบบที่เรียกได้ว่ายังไม่มีกระบะที่ผลิตในประเทศไทยคันไหนกล้าให้มาก่อน

NISSAN NAVARA KING CAB (3)

กว่า 80 ปีที่ Nissan ได้เป็นผู้นำรถกระบะบนท้องถนนทั่วโลก และมีความเชื่อมั่นมากกว่า 14 ล้านคนของผู้ใช้รถกระบะแบบ Pick Up Truck จาก 180 ประเทศทั่วทุกมุมโลก มาจนวันนี้ Nissan ได้พัฒนาเพื่อสืบสานตำนานของรถ Pick Up พันธุ์แกร่งยุคใหม่ Nissan NP300 Navaraเพื่อมาตอบสนองที่พร้อมจะพาคุณไปทุกเส้นทางการผจญภัย ไปพร้อมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันในเมืองได้อีกด้วย

NISSAN NAVARA KING CAB (4)

Nissan NP300 Navaraมากับดีไซน์ใหม่หมดจดรอบคันรูปทรงบอดี้รถได้ออกแบบมาในแนวเหลี่ยมสันที่ดูแข็งแกร่ง บึกบึน รวมไปถึงเส้นสายของตัวรถจากด้านข้าง, ฝากระโปรง และหลังคา ที่คงไว้ซึ่ง DNA ของ Nissan Navaraดั้งเดิม แต่เท่ล้ำกว่าใครด้วยฟังก์ชั่นที่ทันสมัย

NISSAN NAVARA KING CAB (5)

กันชนหน้าเน้นมุมเหลี่ยม เสริมภาพลักษณ์ที่ดูแกร่งให้แก่NP300 Navaraกระจังหน้ากันชนหลังแบบโครเมียม ช่วยเสริมภาพความหรูหราดูมีระดับให้แก่รถกระบะพันธุ์แกร่ง

นอกจากนี้กระจกมองข้างขนาดใหญ่ ยังครอบด้วยวัสดุโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยวในตัวรูปทรงแบบสายฟ้า กรอบไฟตัดหมอกหน้าเป็นแบบโครเมียมดูรับเข้ากันกับกระจังหน้าและกระจกมองข้างได้เป็นอย่างดี

NISSAN NAVARA KING CAB (6)

ไฟหน้าเป็นแบบ LED Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED เช่นกันเรียงเป็นเส้นในกรอบเดียวกันถือเป็นรถกระบะคันแรกและคันเดียวในประเทศที่ใช้หลอดไฟแบบ LED ซึ่งเทียบชั้นกับรถยนต์ยุโรปหรู

มองทางด้านข้างจะพบซุ้มโป่งล้อหน้า-หลัง ที่มีลักษณะโค้งนูนช่วยเสริมตัวถังรถให้ดูมีมิติมากขึ้น เปรียบเสมือนรถกระบะที่มีมัดกล้ามเนื้อ บันไดด้านข้างช่วยอำนวยความสะดวกขณะก้าวขึ้นลงรถ และช่วยให้รถดูลุยได้มากยิ่งขึ้น (ถูกติดตั้งมาเฉพาะในรุ่นยกสูง Calibre)

 

NISSAN NAVARA KING CAB (7)

NP300 ยังถือเป็นรถกระบะรุ่นแรกที่ติดตั้งสปอยเลอร์ด้านท้ายมาให้ เพิ่มรูปลักษณ์สปอร์ตอีกทั้งยังได้ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน และมีเสถียรภาพในการทรงตัวขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงได้ดียิ่งขึ้น

NISSAN NAVARA KING CAB (8)

หลังจากชมความงามภายนอกตัวรถแล้ว คุณสามารถเปิดประตูของ NP300 Navaraนี้ได้ด้วยการกดปุ่มที่มือจับประตูด้วยปลายนิ้ว ระบบกุญแจอัจฉริยะก็จะตอบสนองปลดล๊อกประตูโดยอัตโนมัติ เมื่อกุญแจอยู่ในรัศมี เปิดประตูเข้ามาจะพบกับการออกแบบห้องโดยสารภายในของ NP300 Navaraแบบใหม่หมดจดเช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอกภายในมีการดีไซน์ที่ให้อารมณ์เดียวกับรถยนต์นั่งแบบ SUV ซึ่งลบภาพความเป็นรถกระบะออกไปอย่างสิ้นเชิงทั้งคุณภาพวัสดุรวมไปถึงการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานและความสะดวกสบายของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้มีพื้นที่ใช้สอยภายที่กว้างขวาง และที่สำคัญที่สุด คือ ออปชั่นภายในที่มีเพียบพร้อมเกินกว่าใครในระดับเดียวกัน

NISSAN NAVARA KING CAB (9)

ปุ่ม Push Start, พวงมาลัย 3 ก้านดีไซน์หรูแบบรถยนต์นั่งขนาดกลาง มาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ และปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

NISSAN NAVARA KING CAB (10)

ระบบเครื่องเล่น DVD MP3 หน้าจอสัมผัสขนาด 7” และระบบนำทางถ่ายทอดเสียงผ่านลำโพงคุณภาพ 4 ตัว และหน้าจอนี้ยังเชื่อมต่อกับกล้องมองหลังซึ่งทำงานขณะเข้าเกียร์ถอยหลังด้วย

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา ช่วยให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถปรับอุณหภูมิได้ตามชอบใจ นอกจากนี้ยังมาพร้อมช่องแอร์ตอนหลังที่ติดตั้งมาให้แม้กระทั่งตัวถังตอนครึ่งอย่าง King Cab คันนี้ ซึ่งมีให้ในทุกรุ่นย่อย เรียกได้ว่าเกินหน้าเกินตา รถยนต์เก๋ง และ SUV หลายรุ่นด้วยกัน

NISSAN NAVARA KING CAB (11)

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่อัจฉริยะแบบ 3 มิติ พร้อมเลือกได้ 2 ภาษา ไทย และอังกฤษ โดดเด่นเกินใคร ช่วยให้การขับขี่ตามระบบนำทางไม่ต้องละสายตาไปมองยังหน้าจอบนคอนโซลกลาง

นอกจากนี้ NP300 Navaraยังใส่ใจรายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยตอบโจทย์ทุกการใช้งาน อาทิการติดตั้งมือโหนสำหรับก้าวขึ้นรถที่บริเวณเสา A ฝั่งผู้โดยสาร ช่วยให้ผู้โดยสารก้าวขึ้นลงรถได้อย่างสะดวกสบายปลอดภัย, มีช่องสำหรับเก็บแว่นตาฝังอยู่ใกล้กับไฟอ่านแผนที่, ช่องเก็บของทางด้านบนคอนโซลหน้าที่มีช่องจ่ายไฟไว้พร้อม สามารถวางโทรศัพท์สมาร์ทโฟน พร้อมเสียบชาร์จประจุได้ทันที, ช่องเก็บของขนาดใหญ่ที่แผงประตู, ที่วางแก้วน้ำทั้งด้านหน้า คอนโซลกลาง, ช่องเก็บของที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะหลัง และที่ขาดไม่ได้ NP300 Navaraยังคงเอกลักษณ์ด้วยกระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ พร้อมเข็มทิศในตัว

NISSAN NAVARA KING CAB (12)

ด้านระบบขับเคลื่อน NP300 Navaraใช้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ รหัส YD25DDTi ความจุ 2.5 ลิตร ให้พละกำลังแรงถึง 163 แรงม้า และแรงบิด 403 นิวตันเมตร (190 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตันเมตร ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) ซึ่งถือได้ว่าเป็นรถกระบะในคลาสเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงที่สุด ทั้งแรงม้าและแรงบิด

NISSAN NAVARA KING CAB (13)

ขณะที่ระบบส่งกำลัง NP300 Navaraได้ใช้เกียร์ธรรมดาแบบ 6 Speed ซึ่งทันสมัยกว่ากระบะหลายรุ่นที่ใช้เกียร์ธรรมดา 5 Speed ซึ่ง NP300 Navaraประหยัดน้ำมันมากกว่า และมีประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีกว่าด้วย นอกจากนี้ยังมีรุ่นเกียร์อัตโนมัติให้เลือกอีกด้วย (V 7AT) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของรถกระบะอีกเช่นกันที่ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 7 Speed ที่ช่วยคงความนิ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ ถ่ายทอดกำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกย่านความเร็ว

NISSAN NAVARA KING CAB (14)

ปิดท้ายด้วยระบบความปลอดภัย ทั้งระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA, กระจกบังลมหน้าแบบอัดซ้อนนิรภัย Laminated, ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะเสริมระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด อาทิ ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ VDC ระบบช่วยการขับบนทางลาดชัน HSA และ HDC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ระบบลิมิเต็ดสลิป ABLS

NISSAN NAVARA KING CAB (15)

ทั้งหมดนี้ทางNissan ได้ใช้เวลาในการพัฒนารถกระบะพันธุ์แกร่ง Nissan NP300 Navara ใหม่ เพื่อต่อยอดความเป็นผู้นำบนท้องถนนมากว่า 80 ปี สอดคล้องกับสโลแกน Innovative that excites ซึ่งเราเชื่อว่า NP300 Navaraจะเป็นรถกระบะ Pick Up ที่ครองใจคนไทยต่อไปได้อีกนาน จากดีไซน์อันยอดเยี่ยม และฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ให้มาอย่างอัดแน่นตอบโจทย์การใช้งานในทุกรูปแบบ ทั้งชีวิตคนเมือง และการลุยบนเส้นทางผจญภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวถังตอนครึ่งอย่าง Nissan NP300 Navara King Cab คันนี้ หากคุณกำลังมองหารถกระบะคู่ใจสักคัน ไม่ควรพลาดที่จะสัมผัสกับ Nissan NP300 Navaraใหม่คันนี้ ซึ่งทดลองขับได้ที่โชว์รูมใกล้บ้านท่าน

NISSAN NAVARA KING CAB (16)

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เปิดตัวพิสูจน์ความแกร่ง 18-19 กรกฎาคมนี้ ณ ลานจอดรถ EZ Park พร้อมเผยโฉม เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ตัวจริงครั้งแรก

$
0
0

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เปิดตัวพิสูจน์ความแกร่ง 18-19 กรกฎาคมนี้
ณ ลานจอดรถ EZ Park พร้อมเผยโฉม เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ตัวจริงครั้งแรก

FORD RANGER

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 6 กรกฎาคม 2558ฟอร์ด ประเทศไทย พร้อมเปิดตัวกระบะสายพันธุ์แกร่ง Ford Ranger ใหม่ ณ ลานจอดรถ EZ Park ถนนพระราม 4 ในวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2558 โดยเปิดให้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่เหนือระดับและสัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มาพร้อมดีไซน์อันดุดันของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ ตัวจริงเป็นครั้งแรก

ในงานนี้ฟอร์ดได้เตรียมเปิดตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ พร้อมรายละเอียดราคากว่า 17 รุ่น ทั้งรุ่นสแตนดาร์ดแค็บ โอเพ่นแค็บ ดับเบิ้ลแค็บ และรุ่นไวล์ดแทรค นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเตรียมมอบข้อเสนอสุดพิเศษ โดยผู้ซื้อรถในงานรับสิทธิ์รับรถก่อนใครพร้อมประกันชั้น 1 และซื้ออุปกรณ์ตกแต่งฟอร์ดแท้ในราคาพิเศษ ในงานระหว่างวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2558 ณ ลานจอดรถ EZ Park ริมถนนพระราม 4 และทางเชื่อมต่อศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ฟอร์ด โทร.0-2686-5899 (กรุงเทพฯ) หรือ โทร. 1-800-293-333 (ต่างจังหวัดโทรฟรี)

 

Nissan NP300 Navara Single Cab รถกระบะพันธุ์แกร่ง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบตามที่คุณต้องการ

$
0
0

Nissan NP300 Navara Single Cab รถกระบะพันธุ์แกร่ง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบตามที่คุณต้องการ

NISSAN NAVARA NP300 SINGLE CAB

ในปัจจุบันนี้ ถือเป็นยุคสมัยของการทำมาค้าขาย หรือการทำธุรกิจซึ่งมักจะต้องมีการขนส่งสินค้าอยู่ตลอด พาหนะที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขนย้ายสินค้านั่น ก็คงจะหนีไม่พ้นรถกระบะปิ๊กอัพ ที่มีกระบะด้านท้ายเอาไว้สำหรับขนถ่ายย้ายสินค้าหรือสิ่งของต่าง ซึ่งรถกระบะปิ๊กอัพ ก็ได้อยู่ควบคู่กับผู้ทำธุรกิจในไทยมาเป็นเวลายาวนานกว่าหลายสิบปี แต่สำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มประกอบธุรกิจ SME ซึ่งต้องการที่จะหารถกระบะเชิงพาณิชย์เอาไว้ใช้งานเพื่อการขนส่งสินค้า หรือรวมไปถึงผู้ที่ต้องการปลดระวางรถคันแล้วล่ะก็ ในวันนี้ทาง 9carthai ของเราจะมาแนะนำกระบะพันธุ์แกร่งที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งการขับเพื่อขนของ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเจ้าลูกจ้างพนักงานขับรถ หรือ แม้กระทั่งเจ้าของธุรกิจก็สามารถขับได้ด้วยตัวเอง เพราะเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย เกินกว่าใคร นั่นก็คือ Nissan NP300 Navara ตัวถัง Single Cab นั่นเอง

2

ทำไมถึงต้องเป็น Nissan NP300 Navara ใหม่ด้วย เพราะว่า นิสสัน ได้ใช้เวลากว่า 80 ปี ในการคิดค้นพัฒนา ต่อยอดรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ที่ได้ครองใจคนทั่วโลกมากว่า 14 ล้านคนจาก 180 ประเทศทั่วทุกมุมโลก ซึ่งนี่ถือเป็นเกียรติประวัติหนึ่งที่การันตี ความสำเร็จของรถกระบะสายพันธุ์จาก นิสสันได้เป็นอย่างดี และกับยุคปัจจุบันนี้ที่ Nissan NP300 Navara พร้อมที่จะยอดยอดความสำเร็จและสร้างมาตรฐานใหม่ ให้แก่วงการรถกระบะปิ๊กอัพในเมืองไทย

3

Nissan NP300 Navara ใหม่ ยังคงรูปลักษณ์ความเป็นรถกระบะพันธุ์แกร่งได้เป็นอย่างดีจากรูปทรงที่ดูเหลี่ยม แต่ได้เพิ่มเส้นสายที่อ่อนช้อยขึ้น ซึ่งลบความแข็งแบบดูทื่อๆ ลงไปได้ ให้ความรู้สึกทั้งลุย ได้และขับใช้งานได้ด้วยจากฟังก์ชั่นที่อัดแน่นกว่ากระบะคันไหนๆ ไม่เว้นแม้แต่ในตัวถัง Single Cab คันนี้ด้านโครงสร้างตัวถังรับรองว่าแข็งแกร่งกว่าใครจากการใช้โครงสร้างแบบเหล็กกล้าไร้รอยต่อรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ในปริมาณมาก รวมไปถึงขนาดของกระบะบรรทุกที่มีความกว้าง x ยาว x สูงอยู่ที่ 1,560 x 2,348 x 472 มม. ซึ่งถือว่ามีพื้นที่กระบะกว้างขวางกว่าเพื่อนรถกระบะ 2 ประตูหลายคันด้วยกัน ช่วยให้สามารถบรรทุกปริมาณสัมภาระได้มากกว่า

4 

5

แต่สำหรับจุดเด่นที่ถือว่าเป็นฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสำคัญเลย ก็คือ กล้องมองหลัง และที่เหยียบขึ้นกระบะท้ายจากทางด้านข้าง เพราะว่าการถอยรถจอดเวลาที่ขนสัมภาระทางด้านหลังกระบะถือเป็นเรื่องยากลำบากเนื่องจากถูกบดบังทัศนะวิสัย และการปีนขึ้นด้านหลังกระบะจากการเหยียบที่ล้อหลัง หรือการก้าวขึ้นจากฝาปิดกระบะหลังซึ่งต้องปีนก้าวขาสูง ถือเป็นเรื่องอันตราย เนื่องจากรถกระบะตัวถัง 2 ประตู ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยยังไม่มีคันไหนที่มีการติดตั้งกล้องมองหลัง และที่เหยียบขึ้นกระบะท้ายทางด้านข้างให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นิสสันจึงได้เล็งเห็นความสำคัญทั้งในด้านความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้ขับรวมไปถึงผู้ยกของ NP300 Single Cab จึงได้ทำการติดตั้งกล้องมองหลัง และที่เหยียบขึ้นกระบะท้ายด้านข้าง มาให้จากโรงงานในทุกรุ่นย่อย

6

NP300 Single Cab ใหม่ ได้รับการออกแบบห้องโดยสารภายในใหม่หมดจด ให้ความสะดวกสบายด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง เบาะนั่งที่ออกแบบเพื่อช่วยให้อยู่ในท่านั่งที่สบาย และดูคล้ายรถยนต์นั่งมากกว่าที่จะดูเป็นรถกระบะ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้มาเพียบพร้อมครบครัน ชนิดที่รถยนต์นั่งบางคันยังต้องอาย

7

สำหรับในยุคสมัยนี้ ถือเป็นยุคแห่งการออนไลน์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใคร เดี๋ยวนี้ก็ย่อมใช้มือถือแบบสมาร์ทโฟน เพื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้ตัวเองออนไลน์อยู่ตลอดเวลา ย่อมทำให้แบตเตอรี่โทรศัพท์อยู่ไม่ครบวัน และต้องมาคอยหาที่ชาร์จกันอยู่เสมอ ซึ่งทั้งผู้ขับและผู้โดยสารก็มักมีความต้องการที่จะชาร์จประจุโทรศัพท์ขณะอยู่บนรถพร้อมกัน แต่ช่องจ่ายไฟนั้นโดยส่วนมากมักจะมีเพียงช่องเดียวเท่านั้น ซึ่งปัญหานี้จะไม่พบใน Nissan NP300 Navara Single Cab คันนี้อย่างแน่นอน เพราะได้มีการออกแบบเพิ่มช่องวางของตรงด้านบนแผงคอนโซลที่มาพร้อมช่องจ่ายไฟเพิ่ม นอกจากนี้เรื่องระบบความบันเทิงที่รองรับก็โดดเด่นกระรถกระบะ 2 ประตู คันอื่นๆ อีกด้วย เพราะมีการติดตั้งลำโพงเครื่องเสียงให้มากถึง 4 ตัว มาพร้อมหน้าจอเครื่องเสียงแบบสีขนาด 5 นิ้ว ซึ่งรถกระบะ Single Cab ยี่ห้ออื่นๆ แทบทั้งหมด จะให้หน้าจอเครื่องเสียงเป็นแบบวิทยุ 2 din ธรรมดาและลำโพงเพียง 2 ตัวเท่านั้น

8

9

นอกจากนี้ที่หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบอัจฉริยะของ NP300 Single Cab ยังเป็นหน้าจอแบบดิจิตัลที่ดูทันสมัย แสดงผลข้อมูลครบถ้วนทั้งอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย, อัตราสิ้นเปลืองขณะขับขี่,ระยะทางคงเหลือ ซึ่งรถกระบะในระดับเดียวกัน มักให้หน้าจอแสดงผลแบบธรรมดาไฟสีส้มที่ดูเก่า และแสดงค่าต่างๆ ได้น้อยจึงทำให้วางแผนการขับขี่ได้ลำบาก

10

ด้านขุมพลังเครื่องยนต์ ก็มีให้เลือกถึง 2 แบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ได้แก่ เครื่องดีเซลขนาด 2.5 ลิตร คอมมอนเรล4 สูบ 16 วาล์ว รหัส YD25DDTiให้กำลังแรงสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาทีแรงบิด 403 นิวตันเมตรเมื่อเทียบกับกระบะ 2 ประตู ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลในพิกัดเดียวกันคันอื่นๆ แล้ว NP300 Single Cab ถือว่าให้กำลังสูงสุดทั้ง แรงม้าและแรงบิด

และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ ระบบหัวฉีดมัลติพอยท์รหัส QR25DE ให้กำลังแรงสูงสุด 169 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 241 นิวตันเมตร โดยทั้งสองเครื่องยนต์ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดซึ่งได้เมื่อเปรียบกับคู่แข่งคันอื่นๆ ที่ยังใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีด

11

ดังนั้นด้านของสมรรถนะมั่นใจได้ว่าระบบส่งกำลังของ NP300 จะให้พละกำลังที่ดีเยี่ยม ทั้งอัตราเร่ง และการฉุดลากสัมภาระ นอกจากนี้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันก็ได้รับการพัฒนาให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมสูงสุดถึง 22 % ด้วยกัน

12

ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลือกสำหรับเครื่องยนต์เท่านั้น แต่นิสสัน ยังจำหน่ายตัวถังแบบ Chassis Cab (หัวเดี่ยว ไม่มีกระบะท้ายติดตั้ง) เพื่อมีไว้สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขนส่งสินค้าที่มีความจำเพาะอีกด้วย Nissan NP300 Navaraรุ่น Single Cab ใหม่ มีสีตัวถังให้เลือก3 สี ได้แก่ สีขาว ไวท์ โซลิด, สีเงิน บริลเลียนท์ซิลเวอร์ และสีเทา ทไวไลท์เกรย์โดยจะมีรุ่นให้เลือกทั้งสิ้น4รุ่น 4 ราคา ดังนี้

  1. รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 S Gasoline 6MT ราคา 456,000 บาท
  2. รุ่น Chassis Cab 6MT (ไม่มีกระบะท้าย) ราคา 498,000 บาท
  3. รุ่น 5 S 6MT ราคา 508,000 บาท
  4. รุ่น 5 SL 6MT ราคา 516,000 บาท

13

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ Nissan NP300 Navaraรุ่น Single Cab ใหม่ ที่ 9carthai เราภูมิใจนำเสนอ ซึ่งหวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้ที่กำลังคิดจะซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์นั้น ได้รับประโยชน์เพื่อนำไปเป็นข้อมูลรายละเอียดประกอบการพิจารณาในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น แต่ถ้าหากคุณอ่านจบแล้วมีความสนใจอยากสัมผัส NP300 NavaraSingle Cab ใหม่คันนี้แล้วล่ะก็ สามารถไปพบตังจริงและทดลองขับได้ที่โชว์รูมนิสสัน ใกล้บ้านทั่วประเทศ

ใหม่ All New Suzuki Ciaz 2015-2016 ราคา ซูซูกิ เซียส ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ All New Suzuki Ciaz 2015-2016 ราคา ซูซูกิ เซียส ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

1_resize

1 2453 IMG_2950_resizeIMG_2953_resizeIMG_2957_resizeIMG_2964_resizeIMG_2970_resizeIMG_2974_resize

All New Suzuki Ciaz เหนือระดับ…อย่างสง่างาม
ความเหนือระดับแห่งภาพลักษณ์อันสง่างาม ผสานความเป็นเลิศแห่งสมรรถนะ และการออกแบบภายในห้องโดยสารที่โอ่โถงกว้างสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากกว่าใครครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่เพิ่มความ สะดวกสบายตลอดการเดินทาง และความสมบูรณ์แบบของรถยนต์ซีดานประหยัดน้ำมันที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต เหนือระดับสำหรับคุณ

ALL NEW SUZUKI CIAZ ราคา
ราคา Suzuki Ciaz ซูซูกิ เซียส GA MT 484,000.
ราคา Suzuki Ciaz ซูซูกิ เซียส GL MT 523,000.
ราคา Suzuki Ciaz ซูซูกิ เซียส GL CVT 559,000.
ราคา Suzuki Ciaz ซูซูกิ เซียส GLX CVT 625,000.

*ของแถม ซูซูกิ เซียส จัดเต็ม ติดต่อ  เซลล์ 089-508-9575 Kเม่า *จอมทอง

ราคา ซูซูกิ เซียส ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
SUZUKI CIAZ ราคาผ่อน

อุปกรณ์มาตรฐาน SUZUKI CIAZ

ความยาว x ความกว้าง x ความสูง มม. = (4,490 x 1,495 x 1,475 มม.)

Suzuki Ciaz GA MT เกียร์ธรรมดา 484,000.

อุปกรณ์ภายนอก
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์
– กระจกสีตัดแสง
– ไล่ฝ้ากระจกหลัง
– ที่ปัดน้ำฝน
– กระจกมองข้าง
> ปรับไฟฟ้า
-กระจกมองหลังปรับแสงแบบกลางวัน-กลางคืนได้
– ยางและล้อ
> 185/65R15+ล้อกระทะพร้อมฝาครอบดุมล้อ

อุปกรณ์ภายใน
– ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
> ด้านหน้า 3 ตำแหน่ง
> ตอนกลางห้องโดยสาร 3 ตำแหน่ง
> บริเวณคอนโซลกลางด้านล่าง
– แผงบังแดดคู่หน้า
> พร้อมช่องเสียบนามบัตรด้านคนขับ
> พร้อมกระจกแต่งหน้าด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
– มือจับผู้โดยสาร 3 ตำแหน่ง
– ที่วางแก้วน้ำและที่วางขวดน้ำ 8 ตำแหน่ง
– ช่องเก็บสัมภาระ
> บริเวณประตูหน้า-หลัง
– ช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลาง
– ช่องเก็บของบริเวณคอนโซลหน้าด้านล่าง
> พร้อมไฟส่องสว่างและฝาปิด
-ช่องจ่ายไฟสำรอง/12v บริเวณคอนโซลกลางด้านล่าง
– ที่พักเท้าสำหรับคนขับ
– มือจับประตูด้านในโครเมียม
– เบาะนั่งด้านหน้า
> พร้อมผนักพิงศีรษะ 2 ตำแหน่ง
> ปรับตำแหน่งสูง-ต่ำบริเวณคนขับ
-เบาะนั่งด้านหลัง
> พนักผิงศีรษะแบบ integrated 2 ตำแหน่ง
– ที่วางแขนด้านหน้าและด้านหลัง

ความสะดวกสบาย
– กระจกไฟฟ้า
> ด้านคนขับ (ปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติ)
> ด้านหลัง
– ระบบเซ็นทรัลล็อก
> ปุ่มควบคุมบริเวณคนขับ
– กุญแจรีโมท
> ไฟกระพริบตอบรับ
– ระบบกรองอากาศ
-ระบบเครื่องเสียง
> เสาอากาศแบบฝังกระจกหลัง
> แบบไฟฟ้า

มาตรวัดและอุปกรณ์อื่นๆ
– พวงมาลัย 3 ก้าน
> แบบยูรีเทน
> ปรับระดับสูง-ต่ำได้
– พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า
– มาตรวัดความเร็ว
-จอแสดงผล
> มาตรวัดระยะสะสม
> มาตรวัดระยะทาง
> มาตรวัดอุณหภูมิภายนอก
> มาตรวัดค่าเฉลี่ยการใช้น้ำมันต่อระยะทาง
> มาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสำหรับเดินทาง
– เสียงสัญญาณเตือนเปิดไฟหน้าค้างและลืมกุญแจ
– ไฟสัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับ/ปิดประตูไม่สนิท/เตือนระดับน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ

ระบบความปลอดภัย
– ถุงนิรภัย SRS ด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า
– พวงมาลัยแบบยุบตัว
– เข็มขัดนิรภัย
> ด้านหน้า : เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติปรับระดับสูง-ต่ำได้
> ด้านหลัง : เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และ 2 จุด 1 ตำแหน่ง
– คานกันกระแทกด้านข้าง
– ระบบป้องกันล้อล็อกพร้อมระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์
– ระบบช่วยเบรก
– ไฟเบรกดวงที่สาม
– ระบบกุญแจนิรภัย
– ระบบสัญญาณเตือยภัย
– ชุดซ่อมแซมยางฉุกเฉิน

Suzuki Ciaz GL MT เกียร์ธรรมดา 523,000.
– กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
– กระจังหน้าโครเมียม
– เพิ่มฝาครอบล้อ
– ระบบป้องกันล้อล็อกพร้อมระบบกระจายแรงเบกอิเล็กทรอนิกส์ ABS
– เบาะนั่งด้านหน้า ปรับตำแหน่งสูง – ต่ำบริเวณคนขับ
– การเชื่อมต่อ USB และ AUX  บริเวณเครื่องเสียง
– เบาะนั่งด้านหน้า ปรับตำแหน่งสูง-ต่ำ บริเวณคนขับ
– ลำโพง 4 ตำแหน่ง
– เครื่องเล่นวิทยุ CD MP3

Suzuki Ciaz GL CVT เกียร์อัตโนมัติ 559,000.
– อุปกรณ์เหมือน GL MT  แตกต่างกันแค่เกียร์

Suzuki Ciaz GLX CVT เกียร์อัตโนมัติ 625,000.
– มือจับประตูด้านในโครเมียม
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า
– กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
– ยางและล้อ 185/65R15 + ล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์
– กุญแจรีโมท ไฟกระพริบและเสียงสัญญาณตอบรับ
– Keyless push start
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– ระบบกรองอากาศ
– ระบบเครื่องเสียง ทวีตเตอร์ 2 ตำแหน่ง
– เครื่องเล่นวิทยุ CD MP3 WHA และ Bluetooth
– พวงมาลัย  หุ้มหนัง + ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง + พร้อมระบบควบคุมการสั่งโทรศัพท์
– การเชื่อมต่อ USB และ AUX บริเวณคอนโซลกลางด้านล่าง

 

Untitled-1

2_resize

ภายนอก New Suzuki Ciaz  ด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหรา สง่างาม
การออกแบบที่ดูโอ่อ่า ภูมิฐาน พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งโครเมี่ยม และไฟหน้าโปรเจคเตอร์คุณภาพสูงให้ความรู้สึกหรูหรา สง่างามทุกมุมมอง

24_resize
-ไฟหน้าโปรเจคเตอร์คุณภาพสูง

1_resize
– แผงกระจังหน้า โครเมียมทั้งแผง

2_resize
– มือจับประตู โครเมียม

4_resize
– คิ้วขอบประตู โครเมียม

5_resize
– คิ้วขอบฝากระโปรงท้าย โครเมียม

6_resize
– ฐานล้อกว้าง

7_resize
– ล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว (GLX)

21_resize
– ออกแบบให้มีแรงเสียดทานอากาศต่ำตามหลักอากาศศาสตร์

9_resize
– เสาอากาศ แบบฝังกระจกหลังเพื่อความสวยงามมากยิ่งขึ้น

 

4_resize

ภายใน New Suzuki Ciaz
Interior & Utility การออกแบบภายในโอ่โถง กว้างสบาย ให้ความรู้สึกภูมิฐาน เหนือระดับ
การออกแบบห้องโดยสาร
ออกแบบภายในเรียบหรู สอดรับกับรูปลักษณ์ภายนอกที่สง่างาม ด้วยวัสดุตกแต่งโครเมียมคุณภาพสูงพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน

5_resize
– คอนโซลหน้า เรียบหรู คอนโซลหน้าถูกออกแบบให้ผายออกเพื่อเพิ่มมิติของห้องโดยสารให้กว้างขึ้น และเพิ่มความหรูหราด้วยโทนสีดำตัดสีเงิน

17_resize
– เบาะนั่ง เบาะผ้าให้สัมผัสนุ่มสบาย เข้ากับสรีระ พร้อมเบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำ (GLX) ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินทาง

16_resize

8_resize

– ห้องโดยสารโอ่โถง กว้างขวางนั่งสบาย เพิ่มพื้นที่วางขามากขึ้น ตอบโจทย์การใช้ชีวิตสมบูรณ์แบบ

1_resize
– เกียร์ ออกแบบอัตราเกียร์ให้สมดุลทั้งสมรรถนะและความประหยัดพร้อมกลไกการเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลและแม่นบำ

6_resize
– พวงมาลัย หุ้มหนังคุณภาพสูงพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายบนพวงมาลัย เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน (GLX)
– มาตรวัดสไตล์สปอร์ต โฉบเฉี่ยวด้วยตัวเลขสีขาวเรืองแสงแสดงข้อมูลชัดเจนขณะขับขี่

2_resize
– อุปกรณ์เพื่อความเพลิดเพลิน ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงพร้อมชุดลำโพงดีไซน์พิเศษ รองรับความบันเทิงได้หลากหลาย ทั้งเครื่องเล่นวิทยุ CD USB และ MP3 (GL, GLX) ให้คุณเพลิดเพลินกับเพลงโปรดตลอดการเดินทาง

1
– ระบบปรับอากาศ ระบบปรับอากาศภายในอัตโนมัติ ( GLX) ให้ความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง

18_resize
– กุญแจรีโมท Keyless Entry สะดวกสบายด้วยกุญแจรีโมทพร้อมระบบ Keyless Entry ง่ายต่อการเปิด-ปิดล็อคประตู และการเปิดฝากระโปรงท้าย (GLX)
– Keyless Push Start สตาร์ตหรือดับเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่ม Engine Switch (GLX)

11_resize
– ช่องใช้สอยอเนกประสงค์ ช่่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางพร้อมฝาปิด รวมถึงไฟส่องสว่างและช่องต่อไฟ 12V USB และ AUX (GLX)

13_resize 12_resize
– ที่วางเครื่องดื่มและช่องเก็บของ ที่วางเครื่องดื่มจัดสรรให้มี 8 ตำแหน่ง และช่องเก็บของเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

9_resize
– พื้นที่กระโปรงท้าย เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย มีความจุถึง 565 ลิตร

 

5_resize

เครื่องยนต์ New Suzuki Ciaz
Performance & Safety สมดุลแห่งสมรรถนะเหนือชั้น และประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน

1_resize
– เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ K12B ขนาดความจุ 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมตัวถังลดแรงเสียดทานของอากาศ และน้ำหนักเบาส่งผลให้ ซูซูกิ เซียส มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ระบบวาล์วแปรผันทั้งได้ดีและไอเสีย (VVT) ช่วยเพิ่มแรงบิดและประหยัดน้ำมันถึง 20 กม./ลิตร

2_resize
– ถุงลมนิรภัย ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถทุกรุ่นช่วยลดการบาดเจ็บจากแรงกระแทกบริเวณศีรษะและหน้าอกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

6_resize
– NVH ให้ความนุ่มนวลและลดแรงเสียดทานขณะขับขี่พร้อมลดเสียงรบกวนจากภายนอก

3_resize
– โครงสร้างตัวถัง (TECT) การออกแบบตัวถังจากเหล็กกล้า น้ำหนักเบา ทนทานต่อการสึกหรอเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

4_resize
– ระบบเบรก ABS/EBD ระบบ ABS ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกขณะเบรกกระทันหัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการหักหลบสิ่งกีดขวาง อีกทั้งระบบกระจายแรงเบรก EBO เพิ่มความสามารถในการเบรกได้อย่างสมดุล
– ระบบกันการสั่นสะเทือน ออกแบบพิเศษเพื่อการขับขี่ที่นิ่มนวล ดูโซับแรงกระแทกและลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน

7_resize
– ระบบกุญแจนิรภัย กุญแจนิรภัย Immobilizer ช่วยป้องกันการโจรกรรมได้ดีเยี่ยม

COLORS สี SUZUKI CIAZ

ซูซูกิ เซียส มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่  1.สีขาว  2.สีเงิน  3.สีเทา  4.สีดำ และ 5.สีน้ำตาล
สีขาว
SUZUKI CIAZ สีขาว

สีเงิน
SUZUKI CIAZ สีเงิน

สีเทา
SUZUKI CIAZ สีเทา

สีดำ
SUZUKI CIAZ สีดำ

สีน้ำตาล
SUZUKI CIAZ สีน้ำตาล

New Suzuki Ciaz ชุดแต่ง

0
– ชุดคิ้วกันสาด Door cisor set (990N0-79M06-000)
– สติ๊กเกอร์คาร์บอนด้านหน้า Sport sticker carbon front (990N0-79M24-000)
– ชุดคิ้วกระจังหน้าโครเมี่ยม Front grille garnish set (990N0-79M19-000)
– ชุดสติ๊ฏเกอร์คาร์บอนใต้ไฟหน้า Sport sticker carbon under H/L (990N0-79M27-000)
– ชุดไฟตัดหมอก Fog lamp (990N0-79M22-000)
– ชุดโครเมียมครอบไฟตัดหมอก Front fog lamp garnish chrome set (990N0-79M09-000)

1
– ชุดกระจกตัดแสง Side mirror with blue coating and water repelling (990N0-79M23-000)
– ชุดสติ๊กเกอร์คาร์บอนเสากลาง Sport sticker carbon B-pillar (990N0-79M26-000)
– คิ้วฝากระโปรงท้าย Trunk lig garnish (990N0-79M05-000)
– ชุดโครเมียมครอบกันรอยมือเปิดประตู Door handle protector chrome set (990N0-79M09-000)
– ชุดโครเมียมครอบมือเปิดประตู Door handle chrome set (990N0-79M10-000)
– ชุดโครเมียมครอบตัวสะท้อนแสง Rear reflector garnish chrome set (990N0-79M08-000)
– สติ๊กเกอร์คาร์บอนด้านหลัง (GA, GL และ GLX) Sport sticker carbon rear (GA, GL and GLX) (990N0-79M25-001)
– ชุดสัญญาณเตือนถอยหลัง Parking sensor, rear (990N0-79M14-000)

2
– ชุดแต่งแผงด้านหน้า Instrumental Panel ornament
ลายเส้นสีเทา/Silver (990N0-79M12-002)
ลายไม้สีดำ/Black wood (990N0-79M12-001)

3
– ปลอกหุ้มเข็มขัด Seat belt pad (990N0-58M53-000)

4 5
– ชุดคิ้วบันไดสเตนเลส (4ชิ้น) Door sill guard set (990N0-79M11-001)

6
– แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต Sport pedal
CVT(990N0-79M13-001)
MT(990N0-79M13-002)

7
– ผ้าคลุมรถยนต์ Car cover (990N0-79M18-000)

8
– ม่านบังแดดหน้ารถ Front sunshade (990N0-79M17-000)

9
– ตาข่ายเก็บของท้ายรถ Cargo net (990N0-79M15-000)

10
– ถาดเก็บสัมภาระท้ายรถ Luggage tray (990N0-79M16-000)

11
– แผ่นกันรอยสเตนเลสฝาท้าย Rear bumper step guard (990N0-79M20-000)

12
– ปลอกหนังหุ้มพวงกุญแจ Leather Key case (990N0-58M77-000)

13
– พวงกุญแจ (3สี) Key holder
สีดำ/Black (990SVC006603B000)
สำน้ำตาล/Brown (990SVC006608B000)
สีม่วง/Purple (990SVC006609B000)

14
– ชุดผ้ายางปูพื้นรถยนต์ All weather mat (75901-79PA0-000)

15
– หมอนผ้าห่ม Blanket cushion (990N0-58M54-000)

16
– ปลอกคลุมกล่องทิชชู่ Tissue box cover (990N0-58M55-000)

17
– กล่องเก็บสัมภาระ Luggage box (990N0-84M20-000)

18
ชุดน้ำมันหอมระเหย/Arome refresh kit
– กลิ่นส้ม/Sweet orang (990N0-58M51-001)
– กลิ่นมินต์/Green mint (990N0-58M51-002)
– กลิ่นบลูคูล/Blue cool (990N0-58M51-003)

น้ำมันหอมระเหย/Aroma oil+Oil pad
– กลิ่นส้ม/Sweet orange (990N0-58M52-001)
– กลิ่นมินต์/Green mint (990N0-58M52-002)
– กลิ่นบลูคูล/Blue cool (990N0-58M52-003)

*ของแถม Suzuki Ciaz จัดเต็ม ติดต่อ  เซลล์ 089-508-9575 Kเม่า *จอมทอง

Test Drive : รีวิว Toyota Hilux Revo Double Cab 4×4 2.8G MT

$
0
0

Test Drive : รีวิว Toyota Hilux Revo Double Cab 4×4 2.8G MTDSC09409

เปิดตัวกันไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่สำหรับรถกระบะรุ่นล่าสุด โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ รถกระบะที่ครองแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่งมาหลายปีในไทย ในบทความนี้ เป็นการรีวิวในรุ่นดับเบิ้ล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ยกสูง รุ่น 2.8G MT เกียร์ธรรมดา ราคาอยู่ที่ 1,069,000 บาท

ปฏิวัติดีไซน์ภายนอกใหม่ เร้าใจทุกมุมมอง
Hilux Revo มาพร้อมกับความหรูหราและดุดัน ด้านหน้าดูสวยกว่า Hilux Vigo อยู่พอสมควร

DSC09413

กันชนหน้าขนาดใหญ่สีเดียวกับตัวรถ พร้อมไฟตัดหมอก

DSC09410

กระจังหน้ามีเส้นสายที่ประสานกับไฟหน้าตามสไตล์ของโตโยต้ารุ่นใหม่ ๆ รูปทรงของกันชนหน้าก็ลงตัวกับเส้นสายที่ลากผ่านมาจากฝากระโปรงจนถึงกระจังหน้า ได้อารมณ์ที่ดุดัน

DSC09424

ไฟหน้าแบบ LED Projector ปิดเปิดอัตโนมัติตามสภาวะแสงภายนอก ปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟ LED DRL สีขาวเป็นแนวขีดยาวสุดเท่ ขับไปไหน ใครก็เหลียวมอง

DSC09425

กระจังหน้าโครเมียมหรูหรา

DSC09423

Hilux Revo Double Cab มีความยาว 5,330 มม. ไม่ดูยาวหรือสั้นป้อมเกินไป แบ่งสัดส่วนห้องโดยสารกับกระบะท้ายได้เหมาะสม ฐานล้อยาวถึง 3,085 มม. ส่วนความกว้างและความสูงของตัวรถอยู่ที่ 1,855 กับ 1,815 มม. ตามลำดับ

DSC09422

มีสติ๊กเกอร์ 4×4  แสดงถึงการขับเคลื่อนสี่ล้อ

DSC09415

กันชนท้ายดีไซน์สวยหรูหราเงางาม

DSC09416

มือจับเปิดฝาท้ายโครเมียมดีไซน์ทันสมัย เหนือขึ้นไปเป็นไฟเบรค LED แถบยาว สว่างมองเห็นได้ชัดเจน

DSC09430

กล้องมองหลังขณะถอยหลัง ซ่อนอยู่ใกล้มือจับฝาท้ายกระบะ

DSC09417

DSC09418

ไฟท้ายเป็นหลอดไฟธรรมดา ไม่ใช่ LED มีไฟตัดหมอกหลังฝั่งขวา 1 ดวง ส่วนไฟถอยหลังอยู่ทางฝั่งซ้าย 1 ดวงในตำแหน่งเดียวกันคนละฝั่ง

DSC09419

ถึงแม้ว่าเป็นรุ่น Double Cab แต่ก็มีกระบะหลังที่ใหญ่และกว้าง บรรทุกได้เยอะพอสมควร

DSC09421

DSC09420

ฝาท้ายและเหล็กยึด เปิดได้ง่าย น้ำหนักปานกลาง แต่ทนทานแน่นอน

DSC09429

ล้ออัลลอยสีเงิน ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All Terrain ขนาด 265/65 R17

DSC09532

ยางอะไหล่ ก็ให้มาในขนาดเดียวกันกับยางติดรถทั้งสี่ล้อ

DSC09433

สัญลักษณ์ Hilux Revo ที่ฝากระบะท้าย

DSC09427

ขอบหน้าต่างโครเมียม และสัญลักษณ์ Hilux เครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร มีทั้งสองฝั่ง

DSC09428

กระจกมองข้างโครเมียมขนาดใหญ่ พร้อมไฟเลี้ยว LED  รูปทรงหรูหราทันสมัยแบบรถเก๋ง

DSC09435

บันไดข้าง เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถกระบะยกสูงในยุคนี้

DSC09440

ไฟตัดหมอกใช้หลอดฮาโลเจน ให้แสงสีเหลืองอ่อน แตกต่างจากไฟหน้า LED ให้แสงสีขาว

DSC09442

มาดูในมุมมองอื่นกันบ้าง

DSC09443

DSC09445

DSC09447

คันนี้เป็นรถทดสอบขับ ถอดเสาอากาศวิทยุออกไป แต่รถจำหน่ายจริงมีเสาอากาศมาด้วย

DSC09448

ระยะต่ำสุดจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถอยู่ที่ 286 มม. แต่กันชนหน้าและกันชนหลัง จะมีความสูงจากพื้นถนนมากเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถขับขึ้นลงเนินดินลาดชันประมาณ 30 องศาได้โดยไม่ติดหรือสร้างเสียหายให้กับกันชนนั่นเอง  เป็นการปรับปรุงข้อเสียที่เคยมีใน Hilux Vigo

 

ปฏิวัติความสบายของห้องโดยสารที่หรูหราทันสมัยมากขึ้น

ถือว่าฉีกแนวไปจากเดิมอย่างมาก ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ให้มีความหรูหรา สวยงาม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความบันเทิงครบครันเกินคาด

DSC09467

DSC09468

ทัศนวิสัยในการขับขี่ ให้มุมมองที่ดีตามสไตล์รถกระบะยกสูง เสาหลังคาไม่หนาจนบดบังมุมมองขณะเลี้ยวมากเกินไป

DSC09466

คอนโซลดูทันสมัย ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นเบาะหนังสังเคราะห์สีน้ำตาลอ่อน

DSC09449

เริ่มต้นที่ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้ากันก่อน  ประตูติดตั้งลำโพง ที่วางแขนหุ้มหนังในแนวระนาบกับพื้น มีช่องใส่ของและขวดน้ำ หยิบง่าย ช่องเก็บดูไม่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับรถกระบะอื่น ๆ

DSC09450

ใกล้กับแกนกระจกมองข้างที่ประตู ติดตั้งลำโพงเสียงแหลมเอาไว้ ยิงเสียงเข้าหาผู้โดยสารในระดับเดียวกับหูพอดี

DSC09451

ปีนบันได จับราวเสาหลังคา แล้วขึ้นนั่งได้สะดวกสบาย ตัวรถไม่ต่ำหรือสูงเกินไป

DSC09452

เบาะผู้โดยสารตอนหน้า ปรับเอนหลังได้ แต่ปรับระดับสูงต่ำไม่ได้อยู่แล้ว

DSC09453

ที่พิงศีรษะ โน้มเอนในมุมที่รองรับศีรษะพอดี

DSC09454

DSC09455

เบาะรองนั่งและรองหลัง ให้ความสบายที่มากกว่ารุ่นก่อน ใกล้เคียงกับรถเก๋งมากขึ้น

DSC09456

มุมของเบาะรองนั่ง ไม่ได้ต่ำเกินไปเมื่อเหยียดขา ความยาวของเบาะถือว่ากำลังดี

DSC09487

DSC09488

ช่องเก็บของและเอกสารชั้นล่าง ส่วนชั้นบนเป็นช่องเก็บเครื่องดื่มบรรจุขวด ทำหน้าที่คล้ายตู้เย็นในรถ โดยใช้ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เป่าในช่องเก็บ ทำให้เครื่องดื่มเย็นได้ในระดับหนึ่ง

DSC09478

ที่วางแขนหุ้มหนังสังเคราะห์สีน้ำตาลอ่อน

DSC09457

มาดูในฝั่งคนขับกันต่อ

DSC09458

แผงปุ่มปรับกระจกมองข้าง กระจกหน้าต่างไฟฟ้าแบบป้องกันการหนีบ ยกดีไซน์ของรถเก๋งมาเลย

DSC09459

ห้องโดยสารตอนหน้า

DSC09460

DSC09492

เบาะที่นั่งคนขับ ปรับไฟฟ้าทุกทิศทาง ทั้งปรับเอนหลัง เดินหน้าถอยหลัง และสูงต่ำ

DSC09461

แป้นคลัช เบรก คันเร่ง  คันโยกเปิดฝากระโปรงและฝาถังน้ำมันอยู่ในมุมนี้

DSC09464

ที่วางแก้วเครื่องดื่ม เป่าเย็นด้วยลมจากเครื่องปรับอากาศ

DSC09465

ภาพรวมของแผงควบคุมที่ดูน่าขับขี่มากขึ้น

DSC09513

ปุ่ม Push Start ด้านขวา ใกล้คอพวงมาลัย

DSC09476

พวงมาลัยใหญ่หนา จับได้กระชับมือดี ไม่ลื่นมือจนเกินไป ทำให้ควบคุมการเลี้ยวได้มั่นใจมากขึ้น

DSC09495

DSC09496

ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์มือถือ และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่

DSC09494

มาตรวัดและหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 4.2 นิ้ว ภาพกราฟฟิคสีสันสวยงาม คมชัด เข้าใจง่าย อ่านง่าย แสดงผลเป็นภาษาไทยได้ด้วยฟอนต์สารบรรณที่ราชการนิยมใช้กัน

DSC09489

เครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศ

DSC09491

เครื่องเสียงแบบหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง (Navigator) เล่นแผ่น DVD/CD ได้ มีวิทยุ AM/FM รองรับอินพุต Aux, USB และ Bluetooth

DSC09503

เมนูในจอภาพเปลี่ยนเป็นภาษาไทยได้ แต่ปุ่มที่ขอบจอภาพ เป็นเมนูภาษาอังกฤษ

DSC09523

โลโก้โตโยต้า ปรากฏขึ้นทุกครั้งที่เครื่องเสียงเริ่มทำงาน

DSC09522

วิทยุรับสัญญาณได้ชัดเจนดี แม้ว่ารถทดสอบคันนี้ไม่ได้ใส่เสาอากาศมาด้วย  เสียงจากลำโพงรอบคัน 6 ตัว จัดว่ามีคุณภาพดีใช้ได้ สมราคา ฟังสนุก กำลังขับเหลือเฟือ

DSC09520

ในขณะถอยจอด หน้าจอก็จะแสดงภาพจากกล้องมองหลัง โดยที่เสียงเพลงก็ยังคงมีอยู่

DSC09490

เครื่องปรับอากาศแบบดิจิทัล เย็นเร็วมากจนหนาวได้ท่ามกลางแดดจัดภายนอก

DSC09497 DSC09498

เหนือตำแหน่งเครื่องเสียงขึ้นไป มีนาฬิกาดิจิทัลแยกออกจากหน้าจอเครื่องเสียง ทำให้หน้าจอไม่จำเป็นต้องติดตลอดเวลาเพื่อแสดงเวลา แต่แยกนาฬิกาออกไปต่างหาก  รวมทั้งช่องลมเครื่องปรับอากาศที่ขนาบข้างนาฬิกา ก็เป็นแบบหมุนปรับความแรงลมแยกได้อิสระซ้ายขวา

DSC09499

DSC09500

ใต้ที่วางแขน มีช่องเก็บของและมีปลั๊กไฟ AC 220 โวลต์ รองรับกำลังไฟถึง 100 วัตต์ เสียบปลั๊กไฟชาร์จไฟหรือใช้งานคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คได้เลย

DSC09512

ช่องจ่ายไฟสำรองเสียบ Car Charger / USB / Aux ซ่อนอยู่ใต้แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ

DSC09469

ไฟส่องสว่างและที่เก็บแว่นตา

DSC09470

DSC09471

ที่บังแดดและกระจกส่องหน้าในฝั่งผู้โดยสาร

DSC09472

DSC09473

เกียร์ธรรมดาอัจฉริยะ iMT 6 สปีด พร้อมสวิตช์ปรับรูปแบบการขับขี่ ระหว่าง Eco mode กับ Power mode ตามสถานการณ์ที่เน้นประหยัดน้ำมันหรือเน้นความแรงในเวลาที่เร่งรีบ

DSC09514

มีที่วางโทรศัพท์มือถือ เครื่องดื่ม หรือกุญแจรถก็ได้

DSC09474

ฝั่งคนขับมีมือจับที่ขอบเพดานด้วย ซึ่งมักจะไม่ได้ใช้ เพราะมือต้องจับพวงมาลัย

DSC09475

เข็มขัดนิรภัยปรับระดับความสูงได้

DSC09505

ประตูห้องโดยสารตอนหลัง ก็ติดตั้งลำโพงมาให้ด้วย

DSC09484

ราวมือจับขณะขึ้นลง และขณะนั่งโดยสาร มีให้เยอะครบครันจริง ๆ

DSC09479

ไฟส่องสว่างห้องโดยสารตอนหลัง

DSC09506

ห้องโดยสารตอนหลังกว้างสบายเทียบเท่ารถเก๋งขนาดกลาง

DSC09507

 

มีที่วางแขนและที่วางเครื่องดื่ม

DSC09485

ห้องโดยสารตอนหลัง เย็นสบายแน่นอนด้วยช่องลมเครื่องปรับอากาศ

DSC09486

ตะขอแขวนถุง

DSC09482

DSC09483

Leg room กว้าง วางขาได้สบาย ยังเหลือระยะห่างจากเบาะมาถึงเข่าอีกประมาณ 1 คืบ

DSC09508

ความสูงของเบาะนั่ง ถือว่ากำลังดี

DSC09510

สำหรับผู้โดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 180 ซม. ศีรษะไม่ชนเพดานแน่นอน

DSC09511

มีตัวยึดกับที่นั่งสำหรับเด็กทารกได้ด้วย

DSC09519

มีถุงลมนิรภัยด้านข้างปกป้องผู้โดยสารตอนหลังจากการชนด้านข้างตัวรถให้ด้วย

 

ปฏิวัติความแรงด้วยระบบเทอร์โบแปรผันแบบใหม่

Hilux Vigo ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องความแรง แซงทันใจแบบที่วัยรุ่นชื่นชอบ ต่อยอดมาอีกขั้นสำหรับ Hilux Revo รุ่นนี้ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 – 2,600 รอบต่อนาที พร้อมด้วย VN Turbo แบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่มีขนาดเล็กลง

DSC09518

ระบบคอมมอนเรลแบบใหม่ ที่ให้แรงบิดสูงทั้งในช่วงออกตัวและช่วงเร่งแซง

DSC09516

DSC09517

เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ใน Hilux Revo เงียบกว่า Hilux Vigo อย่างที่รู้สึกได้ และเงียบกว่ารถกระบะจากคู่แข่งอีกด้วย ถือเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นสำหรับรถกระบะ ที่มีห้องโดยสารเงียบ เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์น้อยลงใกล้เคียงกับรถเก๋งมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

ทดสอบขับ Toyota Hilux Revo

DSC09528

DSC09529

DSC09530

Hilux Revo มีระบบ Smart Entry ปลดล็อกประตู โดยไม่ต้องกดปุ่มรีโมท เพียงพกกุญแจเดินเข้าใกล้ประตูรถ ระบบจะปลดล็อกประตูทันที  สามารถถอดกุญแจออกได้เพื่อไขประตูรถในกรณีที่รีโมทมีปัญหาถ่านอ่อน

DSC09531

จากนั้นก็ขึ้นรถ กดปุ่ม Push Start เริ่มการทดสอบขับบนถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก ตามสภาพการจราจรจริง ใช้ความเร็วตามปกติ มีเร่งแซงเป็นครั้งคราวตามโอกาสและความเหมาะสม ได้บทสรุปจากการทดสอบขับ ดังนี้

  • พวงมาลัยปรับได้ทั้งตำแหน่งสูงต่ำ และปรับดึงออกมาเข้าหาตัวหรือผลักออกไปห่างตัวผู้ขับได้ เป็นข้อดีที่ปรับให้เหมาะสมกับท่านั่งหรือตามสรีระผู้ขับได้อย่างลงตัว  รวมทั้งพวงมาลัยที่ไม่ลื่นมือเกินไป กระชับมือ ควบคุมการเลี้ยวได้มั่นใจ
  • เท่าที่ถนนและสภาพการจราจรเอื้ออำนวย เราทำความเร็วสูงสุดได้ 181 km/h  โดยช่วงความเร็ว 130 km/h ขึ้นไป จะไม่รู้สึกว่ารถแล่นเร็ว เป็นเพราะตัวรถที่ยกสูงและแล่นเร็วแบบนิ่ง ๆ
  • ช่วงล่างไม่แข็งหรือหยาบกระด้างแบบรถกระบะในอดีตแล้ว ครั้งนี้ถูกเซ็ตมาแบบแน่นและนุ่มใกล้เคียงกับรถ SUV มากขึ้น แต่ยังไม่นุ่มหรือนิ่งเท่ารถเก๋งในระดับราคาเดียวกันอย่างแน่นอน  ซึ่งถือว่าน่าประทับใจที่ช่วงล่างซับแรงสะเทือนได้ดี ไม่สั่นสะเทือนมาถึงพวงมาลัยหรือพื้นห้องโดยสารมากเหมือนรถกระบะในอดีต
  • เครื่องยนต์เงียบลง เพราะขณะทำความเร็ว พบว่ารอบเครื่องไม่ได้สูงมากนัก  ทำให้รู้สึกว่าเป็นรถกระบะที่ให้สมรรถนะแรงแต่เงียบ ต่างจากรถกระบะทั่วไปที่ในขณะเร่งความเร็วสูง รอบเครื่องยนต์ก็สูงมากตามไปด้วย แม้ว่าใช้เกียร์สูงใน Hilux Revo ก็พบว่ารอบเครื่องยนต์ ไม่ได้สูงเท่าไรนัก  ผลที่ได้ตามมาก็คือการประหยัดน้ำมันนั่นเอง  อย่างเช่น ขับที่ความเร็ว 100-120 km/h แต่รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 1,400-1,800 rpm เท่านั้นเอง เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจทีเดียว เมื่อเทียบกับรถกระบะอื่น ๆ ที่เคยทดสอบขับมา
  • เกียร์ธรรมดา แต่มีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้ทั้ง ECO และ PWR  ซึ่ง ECO ก็ไม่ได้อืด ได้ความแรงพอประมาณและประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน เพียงแต่รอบเครื่องยนต์จะดึงไว้ไม่ให้สูงเกินไป  ในขณะที่โหมด PWR จะแสดงพละกำลังออกมาแบบไม่ยั้ง เร่งแซงได้สะใจมาก ออกตัวรวดเร็ว รอบเครื่องยนต์สูง รถพุ่งกว่าโหมด ECO แบบชัดเจน
  • ระบบเกียร์ iMT ช่วยให้รอบเครื่องยนต์ทำงานราบรื่นในขณะเปลี่ยนเกียร์  ได้ความนุ่มนวลในการขับขี่  ระบบจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของรอบเครื่องยนต์กับตำแหน่งเกียร์ที่ควรจะเป็น  ทำให้ทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์เมื่อทำความเร็วสูงขึ้นหรือเร่งแซง รถจะแล่นอย่างนุ่มนวลในรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสม
  • ส่วนท้ายของรถ มีอาการโยนตัวอยู่บ้าง เมื่อมีการเลี้ยวโค้งที่ความเร็วสูง
  • พวงมาลัยมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา ขับง่ายสำหรับทุกเพศทุกวัย เลี้ยวง่าย
  • เกียร์ถอยหลัง ต้องใช้แรงเยอะมากในการผลักเกียร์ไปยังตำแหน่ง R

สิ่งที่น่าประทับใจจากการทดสอบขับ

  • แรงจริง ถึงแม้ว่า Hilux Revo จะไม่ใช่รถกระบะที่มีแรงม้ามากที่สุดในตลาดระดับเดียวกันและเครื่องยนต์ขนาดเดียวกันก็ตาม แต่จากการทดสอบขับรถกระบะจากคู่แข่งที่ให้พละกำลังมากถึง 200 แรงม้า กลับรู้สึกว่า Hilux Revo ที่มีแรงม้าเพียง 177 แรงม้า ให้ความแรงมากกว่า ออกตัวจากจุดหยุดนิ่งและเร่งแซงได้ว่องไวกว่า รถพุ่งทะยานได้ดีกว่า และมีระบบ Cruise Control ให้ด้วย
  • เงียบเกินคาด แม้ว่าเหยียบคันเร่งเยอะในช่วงออกตัว เร่งแซง หรือขับเร็วแบบยาว ๆ บนถนนโล่งที่ความเร็วเกิน 80 km/h ขึ้นไป ไม่ว่าจะใช้เกียร์ใด ไม่ว่าจะเปิดใช้ระบบ iMT หรือไม่ก็ตาม ก็รู้สึกได้เลยว่า ในห้องโดยสารได้ยินเสียงเครื่องยนต์เบากว่ารถกระบะคู่แข่งอย่างมาก  อีกทั้งมีการป้องกันเสียงรบกวนภายนอกเข้ามาในห้องโดยสารที่ได้ผลดีกว่ารุ่นเดิม
  • ระบบช่วงล่าง DCS ดีขึ้นจริง แหนบยาวขึ้น โช้คอัพใหญ่ขึ้น ระบบกันสะเทือนแบบใหม่ เกาะถนนดีขึ้น นุ่มนวลมากขึ้น ถือว่าเริ่มดีใกล้เคียงกับ SUV มากขึ้น
  • ห้องโดยสารสบายและทันสมัยมากขึ้น เพราะออกแบบใหม่ทั้งหมดให้ดูคล้ายรถเก๋ง มีช่องลมเครื่องปรับอากาศด้านหลัง เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า แผงคอนโซลทันสมัยสวยงาม หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ สวย อ่านง่าย มีประโยชน์จริง มีปลั๊กไฟ 220 โวลต์ และช่องแช่เครื่องดื่มเย็น เป็นไอเดียที่ดี
  • ดีไซน์สวยกว่าเดิม และจะยิ่งสวยยิ่งขึ้นเมื่อติดตั้งชุดแต่งเพิ่มเติมอีกสักนิด

ข้อสังเกต

  • ยังไม่เห็นว่าระบบ iMT ของเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จะสร้างประทับใจในการขับขี่ได้อย่างไร ระบบสั่งเร่งรอบเครื่องยนต์ไปล่วงหน้าก่อนการเปลี่ยนเกียร์ ก็ไม่สัมพันธ์กับการขับขี่แบบประหยัด
  • ราคาเกินล้าน แต่ยังใช้ไฟท้ายหลอดไฟธรรมดา มีไฟถอยหลังข้างเดียว อีกข้างเป็นไฟตัดหมอก
  • ล้ออัลลอยดูเชยไปมากกับสมัยนี้ ไม่สมราคา ทั้งที่ควรจะเป็นล้อสีดำตัดขอบสีเงินแวววาว
  • ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ไม่มีระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC  ถูกตัดทิ้งออกไปทั้งหมด
  • หน้าจอเครื่องเสียง ไม่ตัดแสงสะท้อน มองได้ยาก ถูกรบกวนจากแสงภายนอก

ดูรายละเอียด ราคา, ตารางเงินผ่อน และรุ่นอื่นๆ ของ All New Toyota Revo เพิ่มเติมได้ที่

ใหม่ Toyota Hilux Revo 2015-2016 ราคา โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ตารางผ่อน-ดาวน์

 

Chevrolet Lucky Time ลุ้นรถ โคโลราโด ไฮ คันทรี่ หรือ ลุ้นรับทองคำแท่ง 45 บาท

$
0
0

Chevrolet Lucky Time ลุ้นรถ โคโลราโด ไฮ คันทรี่ หรือ ลุ้นรับทองคำแท่ง 45 บาท

CHEVROLET LUCKY TIME 2

 เชฟโรเลต ลัคกี้ ไทม์ ลุ้นรถ ลุ้นทอง
ตื่นตา ตื่นใจ กับข้อเสนอสุดพิเศษ ถอยรถเชฟโรเลตทุกรุ่นวันนี้ ลุ้นรับ! เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี หรือ ทองคำแท่ง น้ำหนักรวม 45 บาท พร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษจากเชฟโรเลตทุกรุ่น ตั้งแต่ 10 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม นี้ ที่โชว์รูมเชฟโรเลตทั่วประเทศ สอบถามเพิ่มเติมโทร 1734

*เงื่อนไขการร่วมรายการและกติกาการจับรางวัล
– ลูกค้าที่จองรถยนต์เชฟโรเลตทุกรุ่น ตั้งแต่ 10 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2558 และรับรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2558 จำนวน 1 คันต่อ 1 สิทธิ์ กรณีที่ลูกค้าจองซื้อรถยนต์มากกว่า 1 คัน มีสิทธิ์รับรางวัลสูงสุดเพียง 1 รางวัลเท่านั้น และชื่อ-นามสกุลที่ใช้ในการจองและออกรถต้องเป็นชื่อเดียวกับเจ้าของรถ ไม่สามารถโอนสิทธิ์ได้
– เมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด บริษัทฯ จะรวบรวมใบจองทั้งหมด เพื่อนำมาจับรางวัลหาผู้โชคดีในวันที่ 10 ก.ย. 2558 ณ โชว์รูมเชฟโรเลต ปทุมธานี บริษัท เอเลแกนซ์ ออโตโมบิล จำกัด 88/8 หมู่ 2 ถ.กรุงเทพฯ – ปทุมธานี ต.บางหลวง อ.เมือง จ.ปทุมธานี 12000
– ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลผ่าน www.chevrolet.co.th และ Chevrolet Facebook Fanpage
– รวมของรางวัลทั้งหมด 16 รางวัล มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,828,000 บาท รางวัลที่ 1 รถยนต์เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี รุ่น 2.8L 2WD C-Cab AT HI Z71 จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 969,000 บาท รางวัลที่ 2 ทองคำแท่งน้ำหนัก 5 บาท จำนวน 5 รางวัลๆ ละ 95,500 บาท รวมมูลค่า 477,000 บาท รางวัลที่ 3 ทองคำแท่งน้ำหนัก 2 บาท จำนวน 10 รางวัลๆ ละ 38,200 บาท รวมมูลค่า 382,000 บาท (หมายเหตุ: ราคาทองคำ ณ วันที่ 22 มิ.ย. 2558)
– ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลมูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป จะต้องชำระภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% ของมูลค่ารางวัล ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ทป. 101/2544
– พนักงานบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์เพาเวอร์เทรน (ประเทศไทย) จำกัด และพนักงานบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตและบริษัทในเครือ รวมถึงตัวแทนบริษัทโฆษณา ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมรายการนี้
– ใบอนุญาตเลขที่ ปท.0018/12834 ลงวันที่ 3 ก.ค. 58


ALL NEW TOYOTA FORTUNER 2015 ใหม่ เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี ราคาเริ่มต้นที่ 1,199,000.

$
0
0

ALL NEW TOYOTA FORTUNER 2015 ใหม่ เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี ราคาเริ่มต้นที่ 1,199,000.

1_resize

 ภายนอก All New Toyota Fortuner

1_resize     2_resize 3_resize 4_resize 5_resize 6_resize 7_resize15_resize16_resize17_resize18_resize

 ภายใน All New Toyota Fortuner

8_resize 9_resize 10_resize12_resize11_resize13_resize14_resize

            มร.ฮิโรกิ นาคาจิมะ หัวหน้าวิศวกรอาวุโส เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ มร.อาคิโตะ ทาจิบานะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวแนะนำรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุด “All New Fortuner … New legend of the pride” เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

ALL NEW TOYOTA FORTUNER 2015

รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ยนตกรรมแห่งความภาคภูมิ เริ่มแนะนำเจนเนอเรชั่นที่ 1 ในปี พ.ศ. 2548 ภายใต้โครงการ “IMV: Innovative International Multi-Purpose Vehicle” และสามารถสร้างปรากฏการณ์ เป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท PPV ในประเทศไทย และในตลาดต่างประเทศ ด้วยชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับ ในคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก สมรรถนะการขับขี่ ประหยัดน้ำมัน ประโยชน์ใช้สอยและคุ้มค่า ทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว จนสามารถครองใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ

มร.อาคิโตะ ทาจิบานะ กล่าวว่า “นับตั้งแต่การแนะนำรถอเนกประสงค์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 1 ในปี พ.ศ. 2548 โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ยอดนิยม ประเภท PPV ด้วยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นกว่า 220,000 คัน และยืนยันด้วยรางวัลด้านคุณภาพมากมายทั้ง รางวัล เจ.ดี.พาวเวอร์ เอเซีย แปซิฟิก (JD Power) รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมแห่งปี (TAQA Awards) และรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Car of the year)

และในวันนี้ โตโยต้า มีความยินดีที่จะแนะนำ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นยนตกรรมที่เหนือชั้นกว่าทุกข้อจำกัดแห่งการขับขี่ พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้อย่างเหนือความคาดหมาย และสร้างความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของกับความเหนือระดับอย่างแท้จริง

มร.ฮิโรกิ นาคาจิมะ เปิดเผยว่า “ทีมวิศวกรโตโยต้าได้สร้างสรรค์ All New Fortuner ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบและพัฒนา ภายใต้แนวคิด “ยนตกรรมอเนกประสงค์ตัวจริง ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมความมั่นใจในทุกการขับขี่” (The True SUV with Style & Confidence) เพื่อให้ All New Fortuner เป็นอีกหนึ่งในรถยนต์ผู้นิยามใหม่ของ “ความแกร่ง” ด้วยการขยายเฟรมให้ใหญ่ขึ้น และพัฒนาช่วงล่างแบบ 4 ลิงค์ เครื่องยนต์ใหม่ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพแห่งการขับขี่แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาพถนน รวมถึงกำหนดนิยามใหม่แห่ง “ดีไซน์” ด้วยการออกแบบที่หรูหรา ล้ำสมัย ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะ 3 เส้นสายแห่งดีไซน์ ( 3 Iconic lines) อันเป็นเอกลักษณ์แห่งความภาคภูมิของฟอร์จูนเนอร์ใหม่ พร้อมเพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ มาตรฐานระดับโลก สร้างความมั่นใจแห่งความปลอดภัยของชีวิตที่เหนือระดับ”

All New Fortuner 2015 … New legend of the pride เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี 

ยนตกรรมอเนกประสงค์ตัวจริง ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมความมั่นใจในทุกการขับขี่ ที่ได้รับการพัฒนา เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ทั่วโลก ด้วยจุดเด่น 4 จุดหลัก ดังนี้

  • NEW LEGEND OF DESIGN – นิยามใหม่แห่งดีไซน์ ด้วยดีไซน์ใหม่ของรถอเนกประสงค์แห่งอนาคตกับรูปลักษณ์แห่งความแข็งแกร่ง ดุดันและทรงพลัง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์กับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและพริ้วไหว ทั้งภายในและภายนอก
  • NEW LEGEND OF UTILITY – นิยามใหม่แห่งการใช้ชีวิต ด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ โอ่โถงกว้างสบาย เพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเหนือระดับ สู่ขีดสุดแห่งสุนทรียภาพการขับขี่สมบูรณ์แบบ
  • NEW LEGEND OF PERFORMANCE – นิยามใหม่แห่งสมรรถนะการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด (GD Efficient Boost) เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ให้แรงบิดสูงในช่วงรอบกว้าง (Flat torque) แต่ยังประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เครื่องยนต์ทำงานเงียบ ไอเสียต่ำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างเหนือชั้น และสัมผัสใหม่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซิกม่าโฟว์” ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาพถนน
  • NEW LEGEND OF SAFETY – นิยามใหม่แห่งความปลอดภัยเหนือระดับ สร้างความอุ่นใจในการขับขี่ เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ทั้งแบบปกป้อง และแบบป้องกัน

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ กล่าวว่า All New Fortuner เป็นการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ กับรถอเนกประสงค์ที่ถูกพัฒนาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ทั่วโลก ผ่านจุดขายหลักทั้ง 4 จุด จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาด ภายใต้สโลแกน “เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี” – “New legend of the pride” โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นให้เกิดการรับรู้นิยามใหม่ของ All New Fortuner สูงสุด ด้วยแผนการสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมทุกช่องทาง พร้อมการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสื่อดิจิตอลในเว็ปไซต์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ โตโยต้า ยังได้มอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าเพื่อร่วมสัมผัสนิยามใหม่ของยนตรกรรม แห่งความภาคภูมิใจ โดยเริ่มตั้งแต่การจัดกิจกรรมเปิดตัว All New Fortuner ที่โชว์รูมโตโยต้า 435 แห่งทั่วประเทศ ในวันที่ 17 – 19 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเราได้จัดเตรียมรถทดลองขับไว้ให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่กันอย่างทั่วถึง โดยหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเราจะจัดกิจกรรม Road show ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าทุกภูมิภาคให้สัมผัสและทดลองขับ All New Fortuner ในเดือนสิงหาคม – ตุลาคม

All New Fortuner มีให้เลือกถึง 5 แบบ และมีสีให้เลือกทั้งสิ้น 7 สี โดยเป็นสีใหม่ด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีน้ำตาล Phantom Brown และสีน้ำเงิน Nebula Blue ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1,199,000 บาท พร้อมเป้าหมายการขายที่ 2,600 คันต่อเดือน

มร.อาคิโตะ ทาจิบานะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผมเชื่อมั่นว่า All New Fortuner จะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลัก ที่เติมเต็มตลาดรถอเนกประสงค์ให้กลับมามีสีสันอีกครั้ง และผมมั่นใจว่าผู้ที่ครอบครอง All New Fortuner จะมีความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของกับสุดยอดยนตรกรรมนี้ อย่างแน่นอน”

สอบถามรายละเอียด และสั่งจองได้ที่โชว์รูมโตโยต้า 435 โชว์รูมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ใหม่ All New Toyota Fortuner 2015-2016 ราคา โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ All New Toyota Fortuner 2015-2016 ราคา โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

IMG_8778

IMG_8766IMG_8768

1_resize

ภายนอก ALL NEW TOYOTA FORTUNER

1_resize 2_resize 3_resize 4_resize 5_resize 6_resize 7_resize15_resize16_resize17_resize18_resize

 ภายใน ALL NEW TOYOTA FORTUNER

8_resize 9_resize 10_resize12_resize11_resize13_resize14_resize

All New Fortuner 2015 … New legend of the pride เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี

ยนตก รรมอเนกประสงค์ตัวจริง ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมความมั่นใจในทุกการขับขี่ ที่ได้รับการพัฒนา เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ทั่วโลก ด้วยจุดเด่น 4 จุดหลัก ดังนี้

  • NEW LEGEND OF DESIGN – นิยามใหม่แห่งดีไซน์ ด้วยดีไซน์ใหม่ของรถอเนกประสงค์แห่งอนาคตกับรูปลักษณ์แห่งความแข็งแกร่ง ดุดันและทรงพลัง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์กับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและพริ้วไหว ทั้งภายในและภายนอก
  • NEW LEGEND OF UTILITY – นิยามใหม่แห่งการใช้ชีวิต ด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ โอ่โถงกว้างสบาย เพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเหนือระดับ สู่ขีดสุดแห่งสุนทรียภาพการขับขี่สมบูรณ์แบบ
  • NEW LEGEND OF PERFORMANCE – นิยามใหม่แห่งสมรรถนะการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด (GD Efficient Boost) เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ให้แรงบิดสูงในช่วงรอบกว้าง (Flat torque) แต่ยังประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เครื่องยนต์ทำงานเงียบ ไอเสียต่ำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างเหนือชั้น และสัมผัสใหม่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซิกม่าโฟว์” ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาพถนน
  • NEW LEGEND OF SAFETY – นิยามใหม่แห่งความปลอดภัยเหนือระดับ สร้างความอุ่นใจในการขับขี่ เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ทั้งแบบปกป้อง และแบบป้องกัน

ALL NEW TOYOTA FORTUNER ราคา
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2.4G MT 2WD 1,199,000.
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2.4V AT 2WD 1,369,000.
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2.7V AT 2WD 1,449,000.
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2.8V AT 2WD 1,529,000.
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2.8V AT 4WD 1,599,000.

*สีขาวมุก เพิ่ม 12,000.

ราคา โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
ALL NEW TOYOTA FORTUNER ราคาผ่อน

ชมโฆษณา ALL NEW TOYOTA FORTUNER 2015

อุปกรณ์มาตรฐาน TOYOTA ALL NEW FORTUNER

1

2_resize 3_resize4_resize 5_resize

 

6_resize

New Legend of Exterior
เหนือนิยามแฟ่งดีไซน์ บ่งบอกความเป็นคุณอย่างเหนือใคร

ภายนอก TOYOTA ALL NEW FORTUNER

7
– ไฟหน้า Bi-Beam LED – สะท้อนภาพลักษณ์สุดโดดเด่น ด้วยไฟ LED โปรเจคเตอร์ แบบ Bi-Beam เจิดจรัสเหนือใคร

8
– กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์โฉบเฉี่ยว – บ่งบอกความภูมิฐานด้วยลายเส้นหน้าของกระจังหน้า ดีไซน์ลงตัวกับแนวกันชนหน้า

9
– เสารับสัญญาณวิทยุ ดีไซน์ล้ำแบบ Shark Fin – สะท้อนรสนิยมเหนือระดับ เติมอารมณ์สปอร์ตเต็มขั้น

10
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว พร้อมระบบ Welcome Light – ผสานความโดดเด่นอย่างลงตัว ทุกองศาสะท้อนความเหนือชั้นแห่งการเดินทาง

11
– ไฟตัดหมอก หน้าและหลัง – เติมเต็มทัศนวิสัยที่ชัดเจน ให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยอย่างแท้จริง

12
– สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED – เรียบหรูล้ำสไตล์ ดีไซน์ลงตัว พร้อมสะกดทุกสายตา

13
– ล้ออัลลอย 18 นิ้ว – บ่งบอกศักดิ์ศรีที่เหนือใครในทุกเส้นทาง

14
– กันชนท้ายดีไซน์ล้ำ – เผยความลงตัวของดีไซน์ด้านท้าย ไปกับความโดดเด่นเหนือชั้นในทุกมุมมองรอบคัน

15
– ราวหลังคา – เสริมภาพลักษณ์แห่งความโดดเด่น ด้วยดีไซน์สไตล์สปอร์ต

16
– ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding – เท่เกินใครในทุกองศา ไฟประกายแสงเด่นชัด มองเห็นจากระยะไกล เสริมความปลอดภัยไปอีกขั้น

17
– ประตูท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Power Back Door with Jam Protection) – สะดวกสบายเหนือระดับ ตอบรับชีวิตสไตล์หรูในแบบคุณ

42
– ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลังพร้อมระบบไล่ฝ้า เพื่อมุมมองการขับขี่ที่ดียิ่งกว่า

19
– กล้องมองหลัง – เพิ่มความมั่นใจด้วยทัศนวิสัยใหม่แห่งการขับขี่ ตอบรับความปลอดภัยอย่างเหนือระดับ (ยกเว้นรุ่น 2.4G MT)

 

43

New Legend of Exterior
เหนือนิยามแฟ่งดีไซน์ บ่งบอกความเป็นคุณอย่างเหนือใคร

ภายใน TOYOTA ALL NEW FORTUNER

21

– มาตรวัดเรืองแสงดีไซน์ล้ำแบบ Optitron – เผยภาพลักษณ์แห่งความโดดเด่น ด้วยดีไซน์สไตล์ล้ำของช่องมาตรวัด ที่เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียว เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

22
– จอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID (Multi-Information Display) – หน้าจอสีแบบ TFT คมชัดทุกรายละเอียด ที่สามารถปรับตั้งค่าการทำงานของระบบต่างๆ พร้อมแสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการขับขี่ตลอดการเดินทาง

23
– เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง – เข้าถึงสัมผัสล้ำที่พร้อม ตอบทุกความสะดวกสบายที่เป็นคุณ

24
– ระบบนำทาง (Navigator) พร้อมเครื่องเล่น DVD และจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ T-Connect และการเชื่อมต่อ Bluetooth – ให้คุณวางแผนการเดินทางอย่างแม่นยำ พร้อมสัมผัสความบันเทิงที่ครบครัน และเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับระบบ Hands-free ในรถ

25
– ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ – ควบคุมแรงลมอัตโนมัติ เพื่อรักษาอุณหภูมิในห้องโดยสารให้เหมาะสม พร้อมการจัดวางที่ลงตัว เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน

26
– ช่องต่ออุปกรณ์ USB, iPOD และ AUX – เชื่อมต่อความบันเทิงได้อย่างหลากหลาย ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างใจ

27
– เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift – ดีไซน์โดดเด่นสัมผัสสปอร์ต แม่นยำในทุกจังหวะเข้าเกียร์ ตอบความคล่องตัว และความเร้าใจในทุกการขับขี่

28
– ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) – ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย เร้าใจทุกการขับขี่เต็มพิกัด

29
– กล้องมองหลัง – แสดงภาพบริเวณมุมมองด้านท้ายของรถ ช่วยให้ทุกจังหวะการถอยจอดมั่นใจเพิ่มขึ้น ตอบรับความปลอดภัยอย่างเหนือระดับ

30
– ระบบ Push Start – สตาร์ทเครื่องยนต์ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

31
– พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์สปอร์ต พร้อมสวิตช์ควบคุม – สะดวกเหนือชั้น ด้วยสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และจอแสดงข้อมูลการขับขี่

32
– เบาะปรับพับแถว 2 แบบ One Touch

33
– ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสไฟฟ้า DC 12 โวลต์ และกระแสไฟฟ้า AC 220 โวลต์ – (กระแสไฟ 220 โวลต์ รองรับถึง 100 วัตต์)

34
– ที่เก็บแว่นตาพร้อมไฟส่องสว่าง LED

35
– ช่องเก็บของด้านบนแบบ Cool Box

36
– ที่วางแก้วสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า

37
– ที่วางขวดน้ำเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารด้านหลัง

38
– ช่องเก็บของด้านข้างประตูหน้าและหลัง

39
– ที่วางแก้วแบบ push – open เลื่อนเก็บได้ บริเวณที่พักแขนเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง

40
– ตะขอแขวนสัมภาระหลังเบาะคู่หน้า และบริเวณท้ายรถ

41
– แอร์บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3 พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 ตอน

 

45_resize
New Legend of Performance
เหนือนิยามแห่งพลังที่ไร้ขีดจำกัด เผยศักดิ์ศรีที่พร้อมท้าทายสู่ทุกจุดหมาย

เครื่องยนต์ TOYOTA ALL NEW FORTUNER

44_resize

55_resize
– เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร (เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด)
กำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า) ที่ 3,400 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที

56_resize
– เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร (เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด/เกียร์ธรรมดา 6 สปีด)
กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) ที่ 3,400 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที

57_resize
– เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร Dual VVT-i* (เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด)
กำลังสูงสุด 122 กิโลวัตต์ (166 แรงม้า) ที่ 5,200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที *รองรับน้ำมัน E20

 

48

ระบบขับเคลื่อน TOYOTA ALL NEW FORTUNER
New Legend of Performance
เหนือนิยามแห่งพลังที่ไร้ขีดจำกัด เผยศักดิ์ศรีที่พร้อมท้าทายสู่ทุกจุดหมาย

46
– เครื่องยนต์ GD Efficient Boot
ขีดสุดพลังแรงล่าสุด ที่พร้อมพาคุณโลดแล่นเหนือขีดจำกัดภายใต้แนวคิด “Efficient Boot” ลดการสูญเสียความร้อน และแรงเสียดทานของเครื่องยนต์ ให้แรงบิดสูงสุดในรอบกว้าง Flat Torque พร้อมประหยัดเป็นเยี่ยมในทุกการเดินทาง เหนือชั้นชั้นกว่าด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ที่เงียบและสั่นน้อยกว่า ตอบรับทุกการขับขี่ในทุกรูปแบบเต็มสมรรถนะ

47
-VN Turbo
ทะยานล้ำเหนือขีดจำกัด ด้วยระบบเทอร์โบแปรผันใหม่ ออกแบบให้มีขนาดเล็กลงแต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ พร้อมระบบควบคุมการ เปิด-ปิดครีบปรับแรงดันอากาศด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแม่นยำสูงสุด ส่งกำลังให้แรงต่อเนื่องทุกความเร็วรอบ
– ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop & Start System)
ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วขณะ และจะสตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นใหม่โดยอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่ง ช่วยประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และขณะที่เครื่องยนต์หยุดทำงานเครื่องปรับอากาศจะยังคงส่งลมเย็นอย่างต่อเนื่อง

49
– ระบบขับเคลื่อนม่าโฟร์
สัมผัสนิยามใหม่ของระบบขับเคลื่อน ไปกับเทคโนโลยีสุดล้ำที่ให้คุณเลือกโหมดการขับขี่ได้ดั่งใจ ด้วยโหมด H2, H4, L4 ผสานการทำงานร่วมกับระบบ DAC และ A-TRC ที่จะเอาชนะทุกความท้าทาย ก้าวข้ามอุปสรรคแห่งการเดินทาง (ระบบขับเคลื่อนซิกม่าโฟร์มีเฉพาะรุ่น 2.8V ขับเคลื่อน 4 ล้อ)

50
– H2 ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ
สำหรับสภาพถนนปกติ ช่วยให้ประหยดน้ำมันเป็นเยี่ยม

51
– ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control)
ระบบการควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติขณะขับลงทางชันช่วยควบคุมความเร็วรถให้คงที่ ป้องกันไม่ให้รถลื่นไถลลงเนินอย่างรวดเร็ว โดยผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องแตะเบรก

52
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟ A-TRC (Active Traction Control)
เมื่อเซ็นเวฮร์ตรวจจับได้ว่าล้อใดเริ่มสูญเสียแรงขับเคลื่อขณะวิ่งผ่านพื้นผิวลื่น ระบบจะลดแรงขับที่ส่งไปยังล้อนั้นเพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี และเพิ่มแรงขับไปยังล้อที่เหลือเพื่อเคลื่อที่ต่อไปได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย

53 54
– ระบบกันสะเทือนหน้าและหลัง
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลและการทรงตัวที่ดีเยียม

 

58

New Legend of Performance
เหนือนิยามแห่งพลังที่ไร้ขีดจำกัด เผยศักดิ์ศรีที่พร้อมท้าทายสู่ทุกจุดหมาย

ระบบความปลอดภัย TOYOTA ALL NEW FORTUNER

59

– ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control)
ระบบระเพิ่มแรงดันเบรกไปยังล้อทั้ง 4 อัตโนมัติ ป้องกันรถไหลในจังหวะออกตัวบนทางลาดชัน เพื่อความมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่

60
– ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control)
เซ็นเซอร์จะปรับแรงดันเบรก และกำลังของเครื่องยนต์ให้เหมาะสม เมื่อวิ่งบนถนน ขรุขระ หรือใช้งานลากจูง และเผชิญลมพัดขวางรุนแรง ช่วยรักษาเสถียรภาพ ป้องกันรถส่ายหรือเสียการทรงตัว

61
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Trailer Control)
ป้องกันการเกิดอาการล้อหมุนฟรีเมื่อขับอยู่บนผิวถนนที่ลื่นซึ่งเป็นสาเหตุของการลื่นไถลทำให้รถเสียการทรงตัว

62
– ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)
ตรวจวัดระบบการทรงตัวของรถ และควบคุมรถให้ทรงตัวอย่างมั่นคง แม้ในทางโค้งหรือถนนที่เปียกลื่น โดยสั่งการให้เครื่องยนต์ลดความเร็วอัตโนมัติ และเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกไปยังล้อเพื่อประคองการทรงตัวที่ลื่นไถลให้กลับสู่การทรงตัวที่สมดุล

63
– ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System)
ป้องกันล้อล็อกและการลื่นไถลจากการเบรกกะทันหัน ช่วยให้คุณสามารถควบคุมรถได้ แม้ในสถานการณ์คับขัน

64
– ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)
ในสภาวะฉุกเฉินและแรงเบรกจากผู้ขับไม่เพียงงพอต่อการหยุดรถ ระบบจะเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติเพื่อช่วยให้สามารถหยุดรถได้ในระยะที่ปลอดภัย

65
– ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution)
ปลอดภัยทุกการขับขี่ โดยระบบช่วยการจายแรงเบรกในแต่ละล้ออย่างสมดุล เพื่อป้องกันอาการท้ายสะบัด และการจายแรงเบรกล้อซ้าย-ขวาในขณะเข้าโค้ง เพื่อการควบคุมที่ดีขึ้น

66
– ไฟส่องสว่างตอนกลางวันแบบ LED (Daytime Running Light)
สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเสริมความปลอดภัยอย่างเหนือระดับ

67
– ดิสท์เบรกขนาดใหญ่ เพิ่มความมั่นใจในทุกจังหวะเบรก

68
– ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลังพร้อมระบบไล่ฝ้า เพื่อมุมมองการขับขี่ที่ดียิ่งกว่า

69
– ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ช่วยให้ผู้ขับขี่ที่ตามมาด้านหลังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

70
– รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.8 เมตร คล่องตัวในทุกสถานการณ์การขับขี่

71
– กล้องมองหลัง เพิ่มความมั่นใจด้วยทัศนวิสัยใหม่แห่งการขับขี่ ตอบรับความปลอดภัยอย่างเหนือระดับ (ยกเว้นรุ่น 2.4G MT)

72
– เซ็นเซอร์กะระยะการถอยหลัง เพิ่มความปลอดภัยในทุกการเข้าจอดหรือถอย (เฉพาะรุ่น 2.4G MT)

COLORS สี TOYOTA ALL NEW FORTUNER

มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่  1.สีดำ  2.สีเทา  3.สีน้ำเงิน  4.สีน้ำตาล  5.สีเงิน  6.สีขาว  7.สี Super White

1
TOYOTA ALL NEW FORTUNER สีดำ

2
TOYOTA ALL NEW FORTUNER สีเทา

3
TOYOTA ALL NEW FORTUNER สีน้ำเงิน

4
TOYOTA ALL NEW FORTUNER สีน้ำตาล

5
TOYOTA ALL NEW FORTUNER สีเงิน

6
TOYOTA ALL NEW FORTUNER Super White

7
TOYOTA ALL NEW FORTUNER สีขาว
———————————————————————————

TOYOTA FORTUNER 2014

ราคา Toyota Fortuner

ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2.5G MT 2WD 1,104,000.
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2.5V AT 2WD 1,209,000.
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2.7V AT 2WD Navi 1,268,000.
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 3.0V AT 2WD Navi 1,376,000.
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 3.0V AT 4WD 1,451,000.
ราคา Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 3.0V AT 4WD TRD Sportivo 1,536,000.

หมายเหตุ
– สีขาวมุก เพิ่ม 12,000.        
– ใหม่ เปลี่ยนภายในสีดำ ฟรี  (ยกเว้น 2.5G MT)   

*ของแถม Toyota Fortuner จัดเต็ม ติดต่อ  เซลล์ คุณวารุณี 089-506-4177 หรือ 086-8717365 คุณโบว์  *รามคำแหง

ราคา โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ ตารางผ่อน-ดาวน์

Fortuner 2.5G MT 2WD  1,104,000.
– เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ
– เกียร์ธรรมดา 5 สปีด
– ไฟหน้า เลนส์ projector แบบ Halogen
– ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
– เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง
– พวงมาลัยพร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง
– วิทยุ CD 1 แผ่น
– เบาะผ้า

Fortuner 2.5G AT 2WD  1,209,000.
– เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ
– เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
– ไฟหน้า เลนส์ projector แบบ Halogen
– ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
– เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง
– พวงมาลัยหุ้มหนัง และลายไม้ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง
– วิทยุ CD 1 แผ่น
– เบาะนั่งหนังและหนังสังเคราะห์ พร้อมระบบปรับไฟฟ้าเฉพาะคนขับ

Fortuner 2.7V AT 2WD  1,268,000.
– เครื่องยนต์เบนซืน 2.7 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ
– เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
– ไฟหน้า เลนส์ projector แบบ Halogen
– ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
– พวงมาลัยหุ้มหนัง และลายไม้ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง MID และรับ-วางสายโทรศัพท์
– วิทยุ DVD 1 แผ่น พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.1″
– ระบบนำทาง (In-Car Navigator) พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ Eco Navo
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
– กล้องมองหลัง
– เบาะนั่งหนังและหนังสังเคราะห์ พร้อมระบบปรับไฟฟ้าเฉพาะคนขับ

Fortuner 3.0V AT 2WD  1,376,000.
– เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ
– เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
– ไฟหน้า เลนส์ projector แบบ Halogen
– ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
– พวงมาลัยหุ้มหนัง และลายไม้ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง MID และรับ-วางสายโทรศัพท์
– วิทยุ DVD 1 แผ่น พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.1″
– ระบบนำทาง (In-Car Navigator) พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ Eco Navo
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
– ระบบควบคุมความเร็ว (Cruise Control)
– กล้องมองหลัง
– เบาะนั่งหนังและหนังสังเคราะห์ พร้อมระบบปรับไฟฟ้าเฉพาะคนขับ

Fortuner 3.0V AT 4WD  1,451,000.
– เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
– เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
– ไฟหน้า เลนส์ projector แบบ HID
– ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
– ระบบปรับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ
– ระบบทำความสะอาดไฟหน้า แบบพับซ่อนได้
– พวงมาลัยหุ้มหนัง และลายไม้ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง MID และรับ-วางสายโทรศัพท์
– วิทยุ DVD 1 แผ่น พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.1″
– ระบบนำทาง (In-Car Navigator) พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ Eco Navo
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
– ระบบควบคุมความเร็ว (Cruise Control)
– กล้องมองหลัง
– เบาะนั่งหนังและหนังสังเคราะห์ พร้อมระบบปรับไฟฟ้าเฉพาะคนขับ

New Fortuner Above & Beyond

1. ระบบนำทาง Navigator พร้อมเครื่องเล่น DVD และจอแสดงผล LCD แบบสัมผัส ให้คุณวางแผนการเดินทางและไปถึงทุกที่หมายอย่างง่ายดาย ด้วยระบบนำทางผ่าน GPS ที่ถูกต้องแม่นยำพร้อมสัมผัสความบันเทิงที่ครบครัน เพิ่มความสุนทรีย์ให้ทุกการเดินทาง
2. ระบบเชื่อมต่อแบบ Bluetooth เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่ด้วยการเชื่อมต่อโทรศัพท์ของคุณเข้ากับระบบ Hands-free ในรถ ให้คุณพูดคุยสื่อสารกับคู่สายได้อย่างอิสระ
3. กล้องมองหลัง เพิ่มความมั่นใจด้วยทัศนวิสัยใหม่แห่งการขับขี่ ตอบรับความปลอดภัยที่เหนือระดับ
4. ช่องเสียงอุปกรณ์ USB, Ipod และ AUX เชื่อมต่อความบันเทิงได้อย่างหลากหลายตอบรับความสุขสไตล์ล้ำได้อย่างใจ (ยกเว้นรุ่น 3.0V Navi)

5. พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมลายไม้ดีไซน์สปอร์ต, สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง และ จอแสดงข้อมูลการขับขี่ อำนวยความสะดวกเพียงปลายนิ้วสัมผัส, เพิ่มความปลอดภัย พร้อมมอบอำนาจแห่งการควบคุมระดับหรูในมือคุณ
6. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control รักษาระดับความเร็วรถให้คงที่ พร้อมเพิ่มลดระดับความเร็วได้โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง สะดวกสบาย พร้อมช่วยแบ่งเบาความเมื่อยล้า จากการขับขี่ทางไกลเป็นเวลานาน
7. มาตรวัดเรืองแสง แบบ Optitron เชื่อมต่อดีไซน์ช่องมองมาตรวัดเป็นหนึ่งเดียว เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
8. จอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID (Multi-Information Display) แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการขับขี่ 1. อุณหภูมิภายนอก 2. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย 3. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในขณะขับขี่ 4. ความเร็วเฉลี่ย 5. ระยะเวลาในการขับขี่ 6. ระยะทางที่สามารถขับขี่ได้ 7. เข็มทิศ
9. สวิตซ์ควบคุมระบบปรับอากาศแบบ Digital สวยล้ำสไตล์ พร้อมการจัดวางที่ลงตัวเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน
10. แป้นเกียร์แบบ Gate-Type และหัวเกียร์ลายไม้ดีไซน์หรู ตอบรับการขับขี่อย่างคล่องตัวพร้อมคอนโซลเกียร์สีเทาเข้มสไตล์หรูเข้าชุดกับแผงคอนโซลกลางอย่างลงตัว
11 สวิตซ์ควบคุมกระจกมองข้างและสวิตซ์ควบคุมบริเวณประตู บ่งบอกรสนิยมที่เหนือใครด้วยลายไม้ดีไซน์หรู

12. กรอบรองที่จับประตูโครเมียม Chrome Door Housing

13. แผงตกแต่งฝากระโปรง Hood Ornament

14. กระจกมองมุม Front Fender Mirror

15. แผงบังแดดข้าง Side Visor

16. สคัฟเพลทเรืองแสง LED Scuff Plate

17. สัญญาณเตือนกะระยะมุมกันชน Cornor Sensor

18. ชุดอุปกรณ์เติมลมยาง 12V Air Compressor

19. พรมปูพื้นรถยนต์ Floor Mat

20. ถาดใส่ของท้ายรถ Luggage Tray

21. ชุดควบคุมระบบนำทาง DVD-AVN

22. กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ Basic EC Mirror

23. โปรเจคเตอร์แสดงความเร็วดิจิตอล Head-up Display

 New Fortuner Above & Beyond มี 7 สี  ได้แก่
1. สีขาวมุก White Pearl CS  (ยกเว้นรุ่น 2.7V,2.5G) 2. สีบรอนซ์เงิน Silver Metallic  3. สีเทาดำ Dark Gray Mica Metallic  4. สีน้ำเงิน Dark Steel Mica 5.สีดำ Black Mica  6. สีบรอนซ์ทอง Silky Gold Mica Metallic  7. สีขาว Supper White II (เฉพาะรุ่น 2.7V,2.5G)

 

 New Toyota Fortuner  มี 8 สี  ได้แก่

1.สีขาวมุก White Pearl CS  2.สีบรอนซ์เงิน Silver Metallic 3. สีเทาดำ Dark Gray Mica Metallic 4.สีน้ำเงิน Dark Steel Mica  5.สีดำ Black Mica 6.สีบรอนซ์ทอง Silky Gold Mica Metallic  7. สีขาว Supper White II  8.สีมวงอ่อน Light Purple Mica Metallic (สีพิเศษ)

ฟอร์จูนเนอร์ สีขาวมุก

ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์เงิน

ฟอร์จูนเนอร์ สีเทาดำ

ฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำเงิน

ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ

ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง

ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว

ฟอร์จูนเนอร์ สีม่วงอ่อน

 *ของแถม โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ จัดเต็ม ติดต่อ  เซลล์ คุณวารุณี 089-506-4177 หรือ 086-8717365 คุณโบว์  *รามคำแหง

NEW Toyota Fortuner

ใหม่ All New Ford Ranger 2015-2016 ราคา ฟอร์ด เรนเจอร์ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

$
0
0

ใหม่ All New Ford Ranger 2015-2016 ราคา ฟอร์ด เรนเจอร์ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

IMG_8820

1

732456IMG_8794IMG_8795IMG_8796IMG_8797IMG_8818IMG_8819

IMG_8798 IMG_8799 IMG_8801 IMG_8802 IMG_8803 IMG_8804 IMG_8805 IMG_8806 IMG_8808 IMG_8809 IMG_8814 IMG_8816

 

ฟอร์ด ประเทศไทยเปิดตัวรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ชูไฮไลท์ เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค พร้อมประกาศราคาสำหรับรถทุกรุ่น

  • ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 549,000 บาท
  • มาพร้อมสมรรถนะที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 2 ลิตร และขนาด 2.2 ลิตร ใหม่ ที่ให้การขับขี่สนุกสไตล์ฟอร์ด
  • ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทรค ใหม่ โดดเด่นยิ่งกว่าด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดันและเป็นเอกลักษณ์ ทั้งมาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียงใหม่ ซิงค์ 2 และสัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง
  • มีให้เลือกหลายสี ได้แก่ สีขาว คูล ไวต์ (Cool White) สีดำ แบล็ก ไมก้า (Black Mica) สีเงินอลูมิเนียม เมทัลลิก (Aluminum Metallic) สีเทา เมโทรโพลิแทน เกรย์ (Metropolitan Gray) สีแดง ทรู เรด (True Red) สีน้ำเงิน ออโรร่า บลู (Aurora Blue) สีฟ้า บลู รีเฟล็กซ์ (Blue Reflex) และสีพิเศษ สีส้ม ไพร์ด ออเร้นจ์ (Pride Orange) ซึ่งมีสำหรับรุ่น ไวล์ดแทรค เท่านั้น

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 17 กรกฎาคม 2558 – ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดตัวรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่มากกว่าเดิม ผสานกับเทคโนโลยีชาญฉลาดและเปี่ยมประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมเปิดจำหน่ายแล้ววันนี้ที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ

ฟอร์ดได้เผยโฉม ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ ตัวจริงเป็นครั้งแรก ณ งานเปิดตัวในวันนี้ พร้อมได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ทั้งหมด 19 รุ่น โดยรุ่นสแตนดาร์ดแค็บ ราคาเริ่มต้นที่ 549,000 บาท รุ่นโอเพ่นแค็บ ราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาทบาท รุ่นดับเบิ้ลแค็บ ราคาเริ่มต้นที่ 789,000 บาท และ รุ่นไวล์ดแทรค ราคาเริ่มต้นที่ 925,000 บาท

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมสีสันโดดเด่นให้เลือกมากมาย ได้แก่ สีขาว คูล ไวต์ (Cool White) สีดำ แบล็ก ไมก้า (Black Mica) สีเงินอลูมิเนียม เมทัลลิก (Aluminum Metallic) สีเทา เมโทรโพลิแทน เกรย์ (Metropolitan Gray) สีแดง ทรู เรด (True Red) สีน้ำเงิน ออโรร่า บลู (Aurora Blue) สีฟ้า บลู รีเฟล็กซ์ (Blue Reflex) และสีพิเศษ สีส้ม ไพร์ด ออเร้นจ์ (Pride Orange) ซึ่งมีสำหรับรุ่น ไวล์ดแทรค เท่านั้น

“ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้ยกระดับความสะดวกสบายและความประณีตให้กับตลาดรถกระบะ โดยยังคงไว้ซึ่งความเป็นรถกระบะพันธุ์แกร่งตามมาตรฐานของฟอร์ด หรือ Built Ford Tough ด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาด ผนวกกับสมรรถนะการขับขี่ที่สมบุกสมบันและการประหยัดน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น เรามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จะสร้างมาตรฐานอีกระดับให้กับตลาดรถกระบะในประเทศไทยทั้งในด้านการออกแบบ ความสะดวกสบาย และความประณีต” ยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ขุมพลังที่มาพร้อมความประหยัด

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลทรงพลัง มีทั้งระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด และระบบเกียร์ธรรมดา เพื่อการบรรทุกและลากจูงอย่างเต็มสมรรถนะ

รถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทรค และรุ่น XLT มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ หรือเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ

เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 3.2 ลิตร รุ่นล่าสุดนี้ ได้รับการพัฒนาและติดตั้งระบบหมุนเวียนไอเสียแบบใหม่ จึงสามารถเพิ่มความสามารถในประหยัดน้ำมัน โดยให้พละกำลังได้ถึง 200 แรงม้า และมอบแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร

เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ รุ่นล่าสุด ให้ความประหยัดน้ำมันกว่าเดิม และยังคงสมรรถนะในการขับขี่ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มพละกำลังสูงสุดเป็น 160 แรงม้า และเพิ่มแรงบิดเป็น 385 นิวตัน-เมตร

รถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น XLS และ XL มาพร้อมกับเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะขนาด 2.2 ลิตร ที่มอบพละกำลัง 125 แรงม้า พร้อมให้แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร

รูปลักษณ์ภายนอกของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการออกแบบให้โดดเด่นและแสดงถึงสมรรถนะอันทรงพลังของรถ จากกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูและแนวเส้นบนกระโปรงหน้ารถที่ดูบึกบึน

ห้องโดยสารภายในใช้วัสดุดูหรูหราและทนทาน การออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นแบบรถยนต์นั่ง ทั้งยังให้ความรู้สึกทันสมัย โฉบเฉี่ยว เน้นให้ห้องโดยสารดูโออ่าและกว้างขวางยิ่งขึ้น

หน้าจอควบคุมแบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว แผงหน้าปัดควบคุมแบบหน้าจอคู่ ทีเอฟที (Dual TFT) หลังพวงมาลัย ช่วยแสดงข้อมูลต่างๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ข้อมูลด้านความบันเทิง การควบคุมระบบปรับอากาศ หรือ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์

ทีมวิศวกรของฟอร์ดได้พัฒนาระบบช่วงล่างเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายและการควบคุมที่คล่องแคล่ว แม่นยำ ทั้งยังได้ติดตั้งระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPAS) ที่ช่วยเสริมประสบการณ์การขับขี่ให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นและช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ โดยระบบจะปรับให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาเมื่อขับความเร็วต่ำ เช่น กรณีเข้าช่องจอด และปรับเน้นความแม่นยำเมื่อขับที่ความเร็วสูง โดยมีการตั้งค่าที่แตกต่างกันไปตามความเร็วของรถ มุมเลี้ยวของแรงเหวี่ยงพวงมาลัยขณะเข้าโค้ง และอัตราการเร่งหรือลดความเร็ว เป็นต้น

ฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นหนึ่งในสุดยอดรถกระบะพันธุ์แกร่งในตลาด โดยสามารถขับขี่ลุยน้ำได้ที่ความลึกถึง 800 มิลลิเมตร และส่วนพื้นรถที่สูงถึง 230 มิลลิเมตร จึงช่วยให้ฟอร์ด เรนเจอร์ สามารถรับมือกับทุกเส้นทางได้อย่างคล่องตัว

รถกระบะที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัย

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลา และยังสามารถควบคุมการขับรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ระบบสั่งงานด้วยเสียงใหม่ ซิงค์ 2 (SYNC 2) ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารภายในตัวรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถผ่านคำสั่งเสียง ไม่ว่าจะเป็นระบบความบันเทิง และระบบปรับอากาศ มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ซึ่งจอแสดงคำสั่งการใช้งานแต่ละเมนูแยกสีต่างกัน ทำให้การใช้งานเมนูง่ายดายยิ่งขึ้น
  • สัญญาณเซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้าหลัง (Front and Rear Park Assist) ใช้อุปกรณ์เซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางขณะจอดรถ และสั่งสัญญาณเสียงเตือนเมื่อรถเข้าใกล้สิ่งกีดขวางดังกล่าวที่ความเร็วต่ำ โดยกล้องมองหลังจะช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นด้านท้ายรถอย่างชัดเจน ทำให้สามารถจอดรถหรือเตรียมการพ่วงรถได้อย่างมั่นใจ
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) พร้อมระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Rollover Mitigation) และระบบลดอาการส่ายขณะลากจูงเทรลเลอร์ (Trailer Sway Control) ช่วยให้รถอยู่ในความควบคุมเสมอแม้ในสภาวะการขับขี่ที่ท้าทาย
  • ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่นๆ อาทิ
    • ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) ช่วยให้ผู้ขับขี่ขับรถบนทางลาดชันได้อย่างมั่นใจ
    • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) ที่ช่วยควบคุมการขับลงเขาที่เสริมแรงเบรกในระดับความเร็วต่อเนื่อง
    • ระบบควบคุมการบรรทุก (Adaptive Load Control) ช่วยรักษาระบบควบคุมการทรงตัว ตามน้ำหนักของสัมภาระ
    • ระบบเบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Assistance) ซึ่งจะส่งน้ำหนักไปที่ระบบเบรกเพื่อเพิ่มพลังในการเบรกเมื่อผู้ขับขี่ต้องเบรกกะทันหันในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการติดตั้งช่องชาร์จไฟแบบ 230 โวลต์ ซึ่งสามารถใช้ชาร์จไฟคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหรือแท็บเล็ตจากที่ไหนก็ได้ ให้คุณไม่พลาดทุกงานเร่งด่วน

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค อีกระดับของการขับขี่ที่เหนือชั้น

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ โดดเด่นเหนือใคร ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดัน ซึ่งมาพร้อมกับความหรูหราระดับพรีเมียม ห้องโดยสารภายในได้รับการออกแบบที่เน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทันสมัย นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ ยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและฟังก์ชั่นมากมาย อาทิ

  • Wi-Fi Hotspot ทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เนตได้แม้ระหว่างเดินทาง
  • ช่องต่อไฟ 230 โวลต์ สามารถชาร์จโน๊ตบุ๊คเพื่อไม่ให้พลาดทุกงานเร่งด่วน
  • ไฟส่องสว่างกระบะหลัง เพื่อความสะดวกในการเก็บหรือหาสิ่งของในเวลากลางคืน
  • ระบบกุญแจ MyKey ที่สามารถจัดการคุณลักษณะของรถสำหรับครอบครัวที่ใช้รถร่วมกับลูกๆ เพื่อช่วยควบคุมดูแลรถและส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ที่ดี โดยเฉพาะผู้ขับที่ยังอ่อนประสบการณ์

และเพื่อตอกย้ำความโดดเด่นของฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ซึ่งถือเป็นรถรุ่นสำคัญของรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ ทีมนักออกแบบได้พัฒนารถโดยคำนึงถึงความสำคัญทั้งในเรื่องการออกแบบภายในที่ประณีตควบคู่ไปกับความแข็งแกร่งภายนอก

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค โดดเด่นยิ่งกว่าด้วยไฟโปรเจกเตอร์และกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูแบบสปอร์ต รวมถึงกระจกด้านข้าง ที่จับประตู ช่องลมด้านข้าง ราวเสริมขอบกระบะท้าย และไฟท้ายที่ใช้วัสดุเคลือบสีเทาดำแบบเมทัลลิก เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่ดุดันและโฉบเฉี่ยว

นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้นแล้ว ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ ยังมาพร้อมกับองค์ประกอบอื่นที่ถูกออกแบบให้ดูหรูหราและเปี่ยมด้วยประโยชน์ใช้สอยไฟตัดหมอกทรงสี่เหลี่ยมและกรอบทรงสปอร์ตล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ สื่อถึงความท้าทายทุกการผจญภัย นอกจากนี้ สีส้ม ไพร์ด ออเร้นจ์ อันเป็นสีเอกลักษณ์ของฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ยังได้รับการปรับแต่งให้มีความโดดเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้น

การออกแบบห้องโดยสารภายในสีส้มทูโทนเน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทันสมัย สื่อถึงความสะดวกสบายแบบรถยนต์นั่ง คอนโซลหน้าหุ้มด้วยหนังนุ่มต่อการสัมผัสรวมถึงการเดินรอยเย็บสีส้มตลอดแนว มอบความหรูหราแบบรถยนต์ระดับพรีเมียม แต่ยังคงไว้ซึ่งความดุดัน

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ มาพร้อมเบาะนั่งแบบสปอร์ต รวมถึงเบาะนั่งฝั่งคนขับที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า ตกแต่งด้วยลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์และรอบเย็บสีส้มที่ผสานความดุดัน ความทนทานและความโฉบเฉี่ยวไว้อย่างลงตัว

รุ่นสแตนดาร์ดแค็บ จำนวน 3 รุ่น

Standard Cab 2.2L XL 4×2 Low-Rider ราคา 549,000

Standard Cab 2.2L SWB HP 4×2 HR 6MT ราคา 575,000

Standard Cab 3.2L SWB 4×4 w/TMS 6AT ราคา 749,000

รุ่นโอเพ่นแค็บ จำนวน 7 รุ่น

Open Cab 2.2L XL 4×2 Low-Rider ราคา 599,000

Open Cab 2.2L XLS 4×2 Low-Rider ราคา 659,000

Open Cab 2.2L XLS 4×2 Hi-Rider ราคา 699,000

Open Cab 2.2L XLT HP 4×2 Hi-Rider ราคา 749,000

Open Cab 2.2L XLT HP 4×2 Hi-Rider 6AT ราคา 789,000

Open Cab 2.2L XLT HP 4×4 ราคา 809,000

Open Cab 3.2L XLT 4×4 ราคา 859,000

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ จำนวน 5 รุ่น

Double Cab 2.2L XLS 4×2 Hi-Rider ราคา 789,000

Double Cab 2.2L XLT HP 4×2 Hi-Rider ราคา 829,000

Double Cab 2.2L XLT HP 4×2 Hi-Rider AT ราคา 869,000

Double Cab 2.2L XLT HP 4×4 ราคา 909,000

Double Cab 3.2L XLT 4×4 6AT ราคา 1,019,000

รุ่นไวล์ดแทรค จำนวน 4 รุ่น

Wildtrak Double Cab 2.2L HP 4×2 Hi-Rider ราคา 925,000

Wildtrak Double Cab 2.2L HP 4×2 Hi-Rider 6AT ราคา 965,000

Wildtrak Double Cab 2.2L HP 4×4 6AT ราคา 1,070,000

Wildtrak Double Cab 3.2L 4×4 6AT ราคา 1,139,000

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมบริการฟรีค่าแรงสำหรับการเข้ารับบริการบำรุงรักษารถตามระยะทางถึง 5 ครั้ง (45 เดือน หรือ 75,000 กิโลเมตรแรก แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) เพื่อสร้างความมั่นใจในการเป็นเจ้าของให้กับลูกค้าอีกด้วย

ฟอร์ด พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับท่านลูกค้าที่ซื้อรถในงานเปิดตัว ณ ลานจอดรถอีซี่ พาร์ค ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 18-19 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. – 20.00 น.  หรือที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ

EXTERIOR

11

– รูปลักษณ์ภายนอกของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ บ่อบองถึงสมรรถนะที่เหนือชั้น ดีไซน์ที่ดุดัน และโฉบเฉี่ยวบนท้องถนน สะท้อนถึงความสมบุกสมบัน ของตัวรถและความมั่นใจของผู้ขับขี่

2

– กระจังหน้าเชื่อมต่อกับไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ ขับเน้นให้ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ดูกว้าง บึกบึน และ แข็งแกร่ง

7

– เส้นสายบนกระโปรงหน้ารถ ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งและสมบุกสมบัน

4

7

8

9

11

INTERIOR

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ดีไซน์ดุดัน ประโยชน์ใช้สอยครบครัน ยกระดับทั้งดีไซน์และการใช้งาน โดยผสมผสานความสมบุกสมบัน เข้ากับการขับขี่ที่นุ่มสบาย ดีไซน์ประณีตและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ให้ผู้ขับขี่ใช้ชีวิตได้คุ้มค่ายิ่งขึ้น ทั้งในวันทำงานและวันพักผ่อนกับครอบครัว

14

 

 

 

 

 

 

– ห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ สไตล์โฉบเฉี่ยว มาพร้อมกับแผงหน้าปัด ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และรูปลักษณ์ที่ทั้งหรูหราและทันสมัย

15

– หน้าจอแสดงผล ทีเอฟพี แบบคู่ บนแผงหน้าปัดที่ช่วยแสดงข้อมูลครบครัน

16

– กล้องมองหลังและสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง

17

– 4×4 Shift-on-the-fly

– ปลั๊กไฟแบบ 230 โวลต์ พร้อมชาร์จไฟทุกอุปกรณ์ระหว่างเดินทาง

24

– ดีไซน์ที่เน้นเส้นสายในแนวขวาง ช่วยขับเน้นให้ห้องโดยสารดูกว้างขวาง และ โอ่อ่า

18

– ภายในใช้วัสดุที่ดูหรูหรา และทนทาน ให้ความรู้สึกสะดวกสบาย ไม่ต่างจากรถยนต์นั่ง และยังพร้อมลุยทุกงานในสไตล์รถกระบะ

21

22

23

12

– สร้างมาเพื่อศักยภาพที่เหนือระดับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ กับเครื่องยนต์ดีเซล TDCi 2.2 ลิตรที่แรงสุดกว่าที่เคย และเครื่องยนต์ดีเซล TDCi 3.2 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ผสานกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) จึงทำให้คุณมั่นใจได้ว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จะช่วยให้ทั้งการใช้งานและการเดินทางของคุณ สำเร็จตามเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

 

 

26

– เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ขนาด 2.2 ลิตร ที่มอบพละกำลังสูงสุด 125 แรงม้าและ แรงบิด 320 นิวตัน

– เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค VG Turbo ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ ให้ความประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังเดินเครื่องเรียบ นุ่มนวล แต่ยังทรงพลังด้วย พละกำลัง 160 แรงม้า พร้อมแรงบิด 385 นิวตันเมตร

011

– เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค VG Turbo ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ รุ่นล่าสุด ที่มีการติดตั้ง ระบบหมุนเวียนไอเสียแบบใหม่ ที่ช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น มอบพละกำลังสูงสุด 200 แรงม้าและแรงบิด 470 นิวตันเมตร สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะ และแรงบิดสูงสุดในการลากจูง

27

– พวงมาลัยเพาเวอร์ระบบไฟฟ้า (EPAS) ระบบไฟฟ้าช่วยให้พวงมาลัยของฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ มีน้ำหนักเบาช่วยให้การควบคุมง่ายในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ เช่นขณะเข้าจอดรถและเน้น ความแม่นยำในการขับขี่ที่ความเร็วสูง นอกจากนี้ ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์รุ่นนี้ยัง ไม่มีปั๊มน้ำมันเป็นส่วนประกอบ จึงทำงานได้เงียบและประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น 3%

28

– ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา เบรกจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อต้องการ เพื่อชะลอความเร็วของรถในขณะลงเขา และในสภาวะพื้นผิวถนนที่ท้าทาย ระดับความเร็วจะปรับได้โดยการเหยียบคันเร่งหรือการปรับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติบนพวงมาลัย

29

– ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน หมดกังวลกับการไหลของรถเมื่อออกตัวหรือถอยหลังขึ้นเนิน เพราะเบรกจะยังคงทำงานอยู่ถึงสองวินาทีหลังจากที่คุณคลายเท้าจากแป้นเบรกเพื่อเหยียบคันเร่ง

30

– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบจะตรวจสอบความเร็วและการยึดเกาะถนนของทุกล้อ และเบรกหรืออัตราการเร่งจะทำงานโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มอัตราแรงยึดการยึดเกาะพื้น ถนนให้สูงสุดและการป้องกันล้อหมุนฟรี

31

– ระบบควบคุมการบรรทุกสัมภาระ ระบบจะปรับการทรงตัวของรถ เพื่อให้สัมพันธ์กับน้ำหนักของสัมภาระที่บรรทุก

32

– ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง ระบบจะคอยตรวจสถานะของรถในขณะลากจูง และใช้เบรกด้านซ้ายหรือขวา รวมทั้งการผ่อนหรือเร่งแรงบิดของเครื่องยนต์ เพื่อรักษาการทรงตัวของรถในขณะลากจูง

33

– ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ระบบจะช่วยลดปัจจัยที่อาจทำให้เกิดการพลิกคว่ำของรถ

34

– ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบจะช่วยรักษาแรงเบรกในกรณีที่มีการหยุดรถอย่างฉุกเฉิน

35

– นวัตกรรมใหม่ทางเทคโนโลยี ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC™ 2 การทำอะไรได้หลายๆอย่างในเวลาเดียวกันเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน ด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC™2 ช่วยให้คุณสามารถทำงานไปด้วยในขณะขับรถ โดยที่คุณไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยและละสายตาจากถนน เพียงแค่ออกคำสั่งเสียงง่ายๆ คุณก็สามารถรับสาย โทรออก เปลี่ยนเพลงที่เล่น หรือปรับอุณหภูมิภายในรถ

00

36.0

– หน้าจอแสดงข้อมูล นอกเหนือจากจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว SYNC™2 ยังมีจอ LCD ขนาด 4.2 นิ้วอีกสองจอบนแผงหน้าปัด ซึ่งหน้าจอด้านขวาจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบ SYNC™2 เช่น การตั้งค่าโทรศัพท์และเพลงที่กำลังเล่น ในขณะที่จอด้านซ้ายจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ เช่น อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ทั้งนี้ คุณสามารถดูข้อมูลและเลือกทำรายการโดยการใช้ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย

36

– ศูนย์กลางความบันเทิง จอสัมผัสของ SYNC™2 มาพร้อมช่อง USB ถึง 2 ช่อง ทำให้คุณสามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือ และใช้งานช่อง USB อีกช่องเพื่อความบันเทิงในระหว่างที่คุณขับรถอยู่ได้ นอกจากนี้ ยังมีช่องเสียบการ์ด SD และช่องต่อสาย RCA เพื่อให้คุณตรวจสอบ ภาพถ่าย หรือแม้แต่วิดีโอได้ โดยคุณไม่จำเป็นจะต้องกลับเข้าไปที่ทำงานหรือกลับไปที่บ้าน

37

– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ การเดินทางระยะทางไกลเป็นสิ่งที่เหนื่อย ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จึงมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เพื่อให้คุณสามารถตั้งความเร็วตามที่คุณต้องการ และถอนเท้าออกจากคันเร่งเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ และถึงที่หมายแบบไม่เหนื่อยจนเกินไป

38

– ระบบจำกัดความเร็วแบบปรับได้ บนถนนที่มีการจำกัดความเร็ว การควบคุมความเร็วของรถให้คงที่อาจเป็นเรื่องยากเมื่อขับรถที่สมรรถนะสูงอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ระบบจำกัดความเร็วแบบปรับได้จะช่วยให้คุณรักษาระดับความเร็วที่จำกัดไว้ตามที่กฎหมายกำหนดได้ เพียงแค่คุณตั้งความเร็วสูงสุดไว้เท่านั้น และในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากคุณต้องการใช้ความเร็วเกินจากที่ได้ตั้งไว้ คุณสามารถยกเลิกการจำกัดความเร็วได้เพียงเหยียบคันเร่งให้สุดเท่านั้น

39

– กล้องมองหลังและสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง การจอดรถในเมืองที่จอแจจะง่ายยิ่งขึ้น ด้วยเบาะนั่งที่สูงและกล้องมองหลังในฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลังได้ดีขึ้น และสัญญาณเตือนระยะถอยหลังที่ด้านหน้าและหลังรถ จะคอยตรวจจับวัตถุทุกชนิดที่อยู่ในระยะถอย จึงช่วยให้คุณจอดรถได้อย่างมั่นใจ

40

– เปี่ยมด้วยสมรรถนะ พร้อมรับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะต้องลุยน้ำ บรรทุกสัมภาระหนัก หรือขึ้นลงทางลาดชันสุดวิบากบนพื้นผิวทราย ให้คุณมั่นใจทุกเส้นทางด้วยความสามารถในการลุยน้ำได้ถึง 800 มิลลิเมตร ศักยภาพการลากจูงและบรรทุกสัมภาระหนัก พร้อมด้วยระบบล็อคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้าที่จะช่วยให้งานหนักกลายเป็นเรื่องเบาๆ

41

42

– จะบรรทุกหรือลากจูงหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ ด้วยศักยภาพในการบรรทุกถึง 1,098 กิโลกรัมและการลากจูงได้ 3,500 กิโลกรัม จะงานหนักแค่ไหน ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ก็เอาอยู่ นอกจากนี้ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวยังช่วยผ่อนน้ำหนักรถยามบรรทุกหรือลากจูงสัมภาระ เพื่อการควบคุมรถที่ดียิ่งขึ้น

43

– ศักยภาพในการลุยน้ำลึก ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การพาคุณไปทุกที่บนบก แต่ยังสามารถพาคุณลุยน้ำลึกถึง 800 มิลลิเมตร ไม่มีงานไหนที่คุณทำไม่ได้อีกแล้ว

444

– โครงสร้างที่แกร่งและแข็งแรงกว่าเดิม

45

– 4×4 Shift-on-the-fly สะดวกสบายกับการปรับเปลี่ยนการขับเคลื่อน Shift-on-the-Fly จาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อ

46

– ระบบล็อคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า บอกลาการสูญเสียการควบคุมรถบนทางลาดชัน หรือพื้นผิวทราย เพราะระบบล็อคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้าจะช่วยควบคุมรถบนพื้นผิวที่ท้าทาย ที่ล้อหลังทั้งสองล้ออาจจะไม่สัมผัสพื้นผิวถนน

47

– ดีไซน์เพื่อทุกไลฟ์สไตล์ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ใหม่สุดล้ำทั้งด้านหน้าและห้องโดยสาร เพิ่มเติมด้วยลูกเล่นหลากหลายเพื่อประโยชน์ใช้สอยสูงสุด เช่น ช่องต่อกระแสไฟฟ้า 230 โวลต์ที่ให้คุณเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้ากับรถยนต์ ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือไปพักผ่อนสุดสัปดาห์

48

– สร้างมาเพื่อความแกร่ง และปลอดภัย ความแข็งแกร่งต้องมาพร้อมกับความปลอดภัย ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ให้คุณและคนที่คุณรักปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุด รวมไปถึงถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านนิรภัย ผสานกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ที่ช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด จึงทำให้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ปลอดภัยกว่าที่เคย

49

– พร้อมลุยงานหนักด้วยความนิ่มนวลอย่างมีระดับ ด้วยความนิ่มนวลในทุกการเดินทางกับฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ทำให้นิยามของการเดินทางด้วยรถกระบะเปลี่ยนไป กระจังหน้าโครเมี่ยมและดีไซน์ด้านหน้า ที่ดูแข็งแกร่งมากขึ้น ทำให้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ดูทรงพลังกว่าเคย

แต่ภายในก็ยังคงเน้นพื้นที่โดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย และตอบสนองการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกจัดวางให้เห็นอย่างเด่นชัดและสะดวกต่อการใช้งาน และยังเพิ่มพื้นที่เก็บของ พร้อมลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากภายนอก เพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังแท้ ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการใช้งานส่วนตัว

50

47

– ต่อไฟฟ้าได้ตลอดเวลา ไฟส่องสว่างที่กระบะท้ายให้คุณทำงานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน แต่บางทีงานของคุณอาจจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การขนถ่ายสัมภาระ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้เพิ่มช่องต่อกระแสไฟฟ้า 230 โวลต์ไว้ในห้องโดยสาร เพื่อให้คุณสามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต หรือเสียบปลั๊กเพื่อใช้ไฟไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

52

– พื้นที่ด้านหลังที่กว้างขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร ด้วยพื้นที่ที่กว้างขึ้นในรุ่น Double Cab ประตูที่ใหญ่ขึ้นและเสาประตูหลังที่ถูกขยับออก ทำให้การเข้าออกรถง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะสำหรับคนหรือสัมภาระ

53

– ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติและระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ในสภาพภูมิอากาศที่ย่ำแย่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ช่วยให้คุณใส่ใจกับการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น ด้วยระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ซึ่งจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อฝนตก ในขณะที่ไฟหน้าจะเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อแสงภายนอกไม่พอ ทำให้การขับขี่ของคุณ ปลอดภัยและง่ายกว่าที่คุณเคยสัมผัส

54

– สร้างมาเพื่อความแกร่ง และปลอดภัย ความแข็งแกร่งต้องมาพร้อมกับความปลอดภัย ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ให้คุณและคนที่คุณรักปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุด รวมไปถึงถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านนิรภัย

COLOR สี Ford Ranger มีทั้งหมด 8 สี ได้แก่

1. สีส้ม, 2.สีขาว, 3. สีดำ, 4. สี Aluminium Metallic, 5. สีเทา, 6. สีแดง, 7. สีน้ำเงิน, 8. สี Reflex Blue

สี 1

Ford Ranger สีส้ม

สี 2

Ford Ranger สีขาว

สี 3

Ford Ranger สีดำ

สี 4

Ford Ranger สี Aluminium Metallic

สี 5

Ford Ranger สีเทา

สี 6

Ford Ranger สีแดง

สี 7

Ford Ranger สีน้ำเงิน

สี 8

Ford Ranger สี Reflex Blue

————————

ALL NEW FORD RANGER 2014 ตัวเก่า

ราคา FORD RANGER

ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Standard Cab 2.5L XL เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ราคา 559,000 บาท

ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Open Cab 2.5L XL เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ราคา 609,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Open Cab 2.2L XLS เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 649,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Open Cab 2.2L XLT เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 679,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Open Cab 2.2L Hi-rider XLS เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 689,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Open Cab 2.2L Hi-rider XLT เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 719,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Open Cab 2.2L Hi-rider Wildtrak เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 809,000 บาท

ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Double Cab 2.2L XLT เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 759,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Double Cab 2.2L Hi-rider XLT เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 799,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Double Cab 2.2L Hi-rider XLT เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 839,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Double Cab 2.2L Hi-rider Wildtrak เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 889,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Double Cab 2.2L Hi-rider Wildtrak เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 929,000 บาท

ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Double Cab 2.2L 4×4 XLT เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 899,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Double Cab 2.2L 4×4 Wildtrak เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 1,029,000 บาท
ราคา Ford Ranger ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Double Cab 3.2L 4×4 Wildtrak เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 1,109,000 บาท

*ของแถม Ford Ranger จัดเต็ม ติดต่อ เซลล์ คุณข้าวตู 086-7548473 *พระราม 2

ราคา ฟอร์ด เรนเจอร์ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

ALL-NEW FORD RANGER SPECIFICATION

ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น XLS อุปกรณ์มาตรฐาน :
โอเพ่นแค็บ
– 2.2L Turbo 6 MT  649,000.
– 2.2L Turbo Hi-rider 6 MT  689,000.

เครื่องยนต์
– เครื่องยนต์ดีเซล TDCi ขนาด 2.2 ลิตรพร้อม Turbo กำลังสูงสุด 125 แรงม้า, แรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร

อุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบาย
– หน้าต่างปรับไฟฟ้าพร้อมระบบเปิด-ปิด แบบสัมผัสเดียวด้านคนขับ
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
– ระบบปรับอากาศ
– วิทยุพร้อมเครื่องเล่น CD, MP3, AUX-IN
– เบาะคนขับปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง
– กุญแจรีโมท

ขนาดล้อและยาง
– อัลลอย 16″ พร้อมยางขนาด 215/70 R16

อุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับรุ่นยกสูง
– อัลลอย 16″ พร้อยางขนาด 255/70 R16
– บันไดข้าง
– มือจับเสาหน้ารถ

ความปลอดภัย
– ระบบป้องกันล้อล็อคและกระจายกำลังในการเบรก
– ระบบกุญแจนิรภัย
– ไฟตัดหมอกหน้า
– ไฟเบรกดวงที่ 3

 

ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น XLT อุปกรณ์มาตรฐาน  เพิ่มเติมจากรุ่น XLS :
โอเพ่นแค็บ
– 2.2L VG Turbo 6 MT  679,000.
– 2.2L VG Turbo Hi-rider 6 MT  719,000.

ดับเบิ้ลแค็บ
– 2.2L VG Turbo 6 MT 759,000.
– 2.2L VG Turbo Hi-rider 6 MT 799,000.
– 2.2L VG Turbo Hi-rider 6 AT 829,000.
– 2.2L VG Turbo 4×4 6 MT 899,000.

เครื่องยนต์
– เครื่องยนต์ดีเซล TDCi ขนาด 2.2 ลิตร พร้อม VG Turbo กำลังสูงสุด 150 แรงม้า, แรงบิดสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร

อุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับรุ่นยกสูง และ 4×4
– อัลลอย 17″ พร้อมยางขนาด 265/65 R17
– เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (เฉพาะรุ่น 4×4)

อุปกรณ์เพิ่มเติมความสะดวกสบาย
– ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
– หน้าต่างด้านหลังปรับไฟฟ้า (สำหรับรุ่นดับเบิ้ลแค็บ)
– กระจกมองข้างพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
– ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
– พวงมาลัยหุ้มหนัง

ขนาดล้อและยาง
– อัลลอย 16″ พร้อมยางขนาด 215/70 R16

ความปลอดภัย
– ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า

 

 ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Wildtrak อุปกรณ์มาตรฐาน  เพิ่มเติมจากรุ่น XLT :
โอเพ่นแค็บ
– 2.2L VG Turbo Hi-rider 6 MT  809,000.

ดับเบิ้ลแค็บ
– 2.2L VG Turbo Hi-rider 6 MT 889,000.
– 2.2L VG Turbo Hi-rider 6 AT 919,000.
– 2.2L VG Turbo 4×4 6 AT 1,019,000.

Sport Package
– ราวหลังคา
– สปอร์ตบาร์
– บาร์เสริมขอบกระบะ
– แผ่นปูกระบะท้าย พร้อมช่องไฟ 12 โวลต์
– เบาะนั่ง พวงมาลัย แผงข้างประตูแบบสปอร์ต

อุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบาย
– ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
– ระบบสั่งด้วยเสียง
– ระบบบลูทูธ
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
– ช่องต่อ USB
– สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
– มือจับเสาหน้ารถ
– บันไดข้าง

ความปลอดภัย
– เฟืองท้ายแบบลิมิตเต็ลสลิป

ขนาดล้อและยาง
– อัลลอย 17″ พร้อมยางขนาด 265/65 R17

 

 ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น 3.2L Wildtrak อุปกรณ์มาตรฐาน  เพิ่มเติมจากรุ่น Wildtrak :
ดับเบิ้ลแค็บ
– 3.2L VG Turbo 4×4 6 AT 1,099,000.

เครื่องยนต์
– เครื่องยนต์ดีเซล TDCi ขนาด 3.2 ลิตร พร้อม VG Turbo กำลังสูงสุด 200 แรงม้า, แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร

อุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบาย
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
– คอนโซลทำความเย็น
– เบาะคนขับแบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
– กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ

ความปลอดภัย
– ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
– ม่านถุงลมนิรภัย
– สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย
– สัญญาณเตือนถอยหลัง
– กล้องมองหลัง
– สัญญาณกันขโมย
– ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว / ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน / ระบบควบคุมการลื่นไถล
– เฟืองท้ายแบบ Rear Lock Differential

ขนาดล้อและยาง
– อัลลอย 18″ พร้อมยางขนาด 265/60 R18

ขนาดล้อและยาง
– อัลลอย 17″ พร้อมยางขนาด 265/65 R17

FORD RANGER พลังแห่งดีไซน์ที่ตอบสนองทุกการใช้งาน

ก้าวข้ามทุกวิวัฒนาการ กับกระบะพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่!
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ถูกสร้างขึ้นโดยทีมวิศวกรฟอร์ดระดับแนวหน้าจากทั่วโลก ผู้ทำการทดสอบในสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศสุดหฤโหดใน 5 ทวีป เพื่อให้คุณมั่นใจในความแข็งแกร่ง ที่ไม่เป็นรองใคร พร้อมประสานเทคโนโลยีการขับขี่ที่เหนือกว่า ทำให้ ฟอณืด เรนเจอร์ ใหม่ กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในรถระดับเดียวกัน ที่ตอบสนองการขับขี่ พร้อมเสถียรภาพการทรงตัว และความสะดวกสบายเหนือชั้น

ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิ้ลแค็ป ใหม่ ได้รับการออกแบบตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน เพื่อมอบสมถรรถณะที่ดีที่สุดพร้อมพื้นที่กว้างขวางภายในห้องโดยสาร ซึ่งมีช่องเก็บของมากว่า 20 ช่อง มีพื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่วางของเบาะหลังมากกว่ารถในระดับเดียวกัน รวมถึงพื้นที่พนักพิง และช่องประตูที่กว้างขึ้นเพื่อการเข้า-ออกที่สะดวกเบาะที่นั่งด้านหลังปรับเอนมากขึ้น เพื่อความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารตอนหลัง

ฟอร์ด เรนเจอร์ โอเพ่นเค็ป ใหม่ เพิ่มมิติทั้งภายในห้องโดยสารและกระบะท้ายตอบสนองทุกการใช้งาน ทั้งยังคงความสะดวกสบายและความปลอดภัย

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ท้าทายทุกอุปสรรค

ฟอร์ด เรนเจอร์ โอเพ่นแค็บ ใหม่ มาพร้อมแค็บเปิดได้ที่ทำมุมถึง 90 องศา ให้คุณเข้า-ออก ห้องโดยสารที่หว้างขวางได้อย่างสะดวดสบาย ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่กว้างที่สุดในรถระดับเดียวกัน พร้อมช่องเก็บสัมภาระมากมาย จึงทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ สะดวกสบายเทียบเท่ากับรถยนต์อเนกประสงค์ทั่วไป ตอบสนองทุการใช้งานไม่ว่าเวลาทำงานหรือเวลาส่วนตัว

ช่องเก็บของด้านหน้าสำหรับโน๊ตบุ๊ค

ช่องเก็บของในตอนหลัง

เบาะคนขับปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง

 

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เหนือกว่าด้วยการออกแบบภายในใหม่ทั้งหมด ครบครันด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัยเพื่อการติดต่อสื่อสารและเทคโนโลยีด้านความบันเทิง อย่างระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control) และการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ทำให้ฟอร์ดเรนเจอร์ใหม่เป็นหนึ่งในรถกระบะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดีกว่ารถในระดับเดียวกัน
หมายเหตุ : ภาพภายในรุ่น 3.2L WILDTRAK

ระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control)

 

ระบบเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth

ช่องต่อ AUX และ USB

ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ

ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

พร้อมทุกคำท้าแบบมีสไตล์

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ด์แทรค ใหม่ พร้อมรับทุกคำท้าด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล TDCi ขนาด 3.2 ลิตร VG Turbo ให้พลังแรงสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร อวดรูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยว แฝงความดุดันทรหดบนล้ออัลลอย 18″ ภายในยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มีความปลอดภัยในทุกเส้นทางด้วยสัญญาณเตือนถอยหลัง และกล้องมองหลังที่แสดงภาพบนกระจกมองหลัง

ภายในตกแต่งพิเศษแบบสปอร์ต

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)

กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมจอแสดงผลของกล้องมองหลัง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา

คอนโซลกลางทำความเย็น

พลังงานกว่าและประหยัดมากกว่า

ขุมพลังที่เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน
นวัตกรรมเด่นของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ คือ เครื่องยนต์ดูราทอล์ค TDCi รุ่นใหม่ เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ทนทรหดและล้ำหน้าที่สุดในกลุ่มรถระดับเดียวกัน ซึ่งนอกจะทนทาน แต่ยังให้พลังแรงและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นด้วยพลังแรงม้าและแรงบิดที่เพิ่มขึ้น ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จึงมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น และความสามารถในการลากจูงสูงสุดถึง 3.350 กิโลกรัม สูงที่สุดในรถระดับเดียวกัน พร้อมบรรทุกสัมภาระได้กว่า 1,000 กิโลกรัม

ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบซีเควนเซียล จะเปลี่ยนนิยามการขับขี่ตลอดไป ด้วยอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดเทียบเท่ากับระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา เพิ่มสมถรรนะการขับขี่และความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ พร้อมพลังลากจูงที่ดียิ่งขึ้น ระบบส่งกำลังยังรวมโหมดสปอร์ต พร้อม Brake Shift Interlock และ Manual Override โหมดการขับขี่แบบเกียร์ธรรมดา โดยระบบส่งกำลังอัจฉริยะนี้ใช้โปรแกรมจดจำการขับขี่ (Driver Recognition) ปรับการทำงานให้ตอบสนองต่อสไตล์การขับขี่ของผู้ใช้งานได้ด้วย คุณสมบัติของซอฟแวร์ที่รวมถึง
การลดเกียร์อัตโนมัติ (Grade Control Logic) : ในระหว่างที่ขับลงเขา หากมีการเหยียบเบรกแรงมาก ระบบเกียร์จะลดเกียร์ลงเพื่อใช้เครื่องยนต์ในการช่วยเบรก
การสนับสนุนเบรก (Barke Support Downshift) : ระบบจะลดเกียร์ลงทันทีที่มีการเหยียบเบรกกะทันหันเพื่อใช้เครื่องยนต์ในการช่วยเบรก
หยุดการเปลี่ยนเกียร์ในขณะเข้าโค้ง (Gear Hold Around Corner) : ระบบป้องกันไม่ให้มีการเปลี่ยนเกียร์ในขณะเข้าโค้งกระทันหัน

ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เป็นครั้งแรกที่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ติดตั้งระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ช่วยเพิ่มแรงบิดของเครื่องยนต์ให้พลังลากจูงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 15% ในขณะขับเกียร์สูงสุด (เกียร์ 6) ลดเสียงรบกวนจากภายนอกและแรงสั่นสะเทือน

Advanced 4×4 Shift-on-the-Fly
เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ในทุกสภาพถนนด้วย Advanced 4×4 Shift-on-the-Fly ที่สามารถเปลี่ยนโหมดการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อด้วยระบบไฟฟ้าโดยไม่ต้องหยุดรถที่ระดับความเร็วสูงสุดถึง 120 กม./ชม.

กราฟแสดงกำลังและแรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร

– เครื่องยนต์ดีเซล TDCi 3.2L VG Turbo พร้อม Inter – Cooler กำลัง 200 แรงม้า / แรงบิด 470 นิวตันเมตร

– เครื่องยนต์ดีเซล TDCi 2.2L VG Turbo พร้อม Inter – Cooler กำลัง 150 แรงม้า / แรงบิด 375 นิวตันเมตร

ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เป็นครั้งแรกที่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ติดตั้งระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ช่วยเพิ่มแรงบิดของเครื่องยนต์ให้พลังลากจูงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 15% ในขณะขับเกียร์สูงสุด (เกียร์ 6) ลดเสียงรบกวนจากภายนอกและแรงสั่นสะเทือน

ปลอดภัยทุกการเดินทางกับเทคโนโลยีที่เหนือกว่า

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ไม่เพียงแต่เป็นยนตรกรรมที่เปี่ยมสมรรถนะและรูปลักษณ์ แต่ยังมอบความปลอดภัยสูงสุด และสร้างมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ในรถกระบะ ด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) ที่รวมถึง Traction Control, Trailer Sway Control, Hill Descent Control, Hill Launch Assist และ Roll Over Mitigation โดยจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และเบรก เพื่อช่วยเพิ่มการควบคุม และรักษาเสถียรภาพของรถ ไม่ว่าจะขับบนถนนหรือออฟโร๊ค
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เพิ่มการปกป้องผู้โดยสารที่อยู่ภายใน ด้วยถุงลมนิรภัยด้านหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย รวมถึงระบบเบรกป้องกันการล็อกล้อ (ABS) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (EBA)

ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย

ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง (Trailer Sway Control)

ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control)

ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Launch Assist)

ระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ (Roll Over Mitigation)

 COLORS สี ฟอร์ด เรนเจอร์

Ford Ranger มีทั้งหมด 10 สี ได้แก่  1.สีบรอนซ์ทอง SPARKLING GOLD  2.สี METROPOLITAN GREY  3.สีดำ BLACK MICA  4.สีบรอนซ์เงิน HIGHLIGHT SILVER  5.สีขาว COOL WHITE  6.สี GUNMETAL BLUE  7.สีแดง COPPER RED  8.สีน้ำเงิน AURORA BLUE  9.สีแดง TRUE RED  10.สีส้ม CHILLI ORANGE

ฟอร์ด เรนเจอร์ สีบรอนซ์ทอง SPARKLING GOLD

ฟอร์ด เรนเจอร์ สี METROPOLITAN GREY

ฟอร์ด เรนเจอร์ สีดำ BLACK MICA

ฟอร์ด เรนเจอร์ สีบรอนซ์เงิน HIGHLIGHT SILVER

ฟอร์ด เรนเจอร์ สีขาว COOL WHITE

ฟอร์ด เรนเจอร์ สี GUNMETAL BLUE

 

ฟอร์ด เรนเจอร์ สีแดง COPPER RED

ฟอร์ด เรนเจอร์ สีน้ำเงิน AURORA BLUE

ฟอร์ด เรนเจอร์ สีแดง TRUE RED

ฟอร์ด เรนเจอร์ สีส้ม CHILLI ORANGE

 ขนาดล้อและดีไซน์

– ล้ออัลลอยขนาด 16″  (สำหรับรุ่น XLT)
– ล้ออัลลอยขนาด 17″ (สำหรับรุ่น XLT แบบยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อ และรุ่น 2.2L WILDTRAK)
– ล้ออัลลอยขนาด 18″ (สำหรับรุ่น 3.2L WILDTRAK)

วัสดุและลายเบาะ

ชุดแต่ง ฟอร์ด เรนเจอร์

เพิ่มความสปอร์ต และบ่งบอกความเป็นคุณยิ่งขึ้นด้วยชุดอุปกรณืตกแต่งพิเศษจากฟอร์ด

ชุดแต่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ภายนอก

ชุดกันชนเสริมด้านหน้า เพิ่มความสปอร์ตและช่วยปกป้องกันชนหน้า ผ่านการทดสอบอาการชนโดยไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของถุงลมนิรภัยด้านหน้า

ชุดครอบกันกระแทกโคมไฟหน้า เพิ่มความสปอร์ต ช่วยปกป้องโคมไฟหน้าจากเศษหิน และไม่มีผลกระทบต่อการกระจายแสดงของไฟหน้า

กันแมลงฝากระโปรงหน้า ช่วยปกป้องฝากระโปรงหน้าจากเศษหินและแมลงผ่านการออกแบบและทดสอบเพื่อลดเสียงรบกวนจากลมปะทะระหว่างการขับขี่

ชุดกันสาดกระจกประตู ช่วยระบายอากาศ และป้องกันน้ำฝนระหว่างเปิดกระจกเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก

ชุดท่อไอดีอากาศเข้า ช่วยปรับเปลี่ยนตำแหน่งท่อดูดอากาศเข้าเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น เพิ่มความสามารถในการขับขี่ผ่านบริเวณที่มีระดับน้ำสูงกว่า 80 ซม.

ชุดราวแร็คหลังคา ออกแบบเพื่อรองรับกล่องหรือตะแกรงสัมภาระบนหลังคา ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในการเก็บสัมภาระ

ชุดสปอร์ตบาร์สแตนเลส ช่วยเพิ่มความสปอร์ตและเพิ่มความปลอดภัยในขณะขับขี่ด้วยโคมไฟเบรกดวงที่สาม

ชุดยานบังโคลนหน้า ฟอร์ด เรนเจอร์

ชุดสปอร์ตบาร์สเตนเลส

ชุดพื้นปูกระบะแบบมีขอบ

ชุดพื้นปูกระบะแบบไม่มีขอบ

ชุดครอบกันกระแทกขอบกระบะ

ชุดตะขอลากท้ายรถ ฟอร์ด เรนเจอร์

ล้ออัลลอยขนาด 18″ ช่วยเพิ่มความสปอร์ต ผ่านการทดสอบความแข็งแรงตามมาตรฐานฟอร์ด แนะนำให้ใช้คู่กับยางขนาด 265/60R18

ชุดพรมปูพื้นห้องโดยสาร ช่วยปกป้องพื้นห้องโดยสารจากสิ่งสกปรกและฝุ่นโคลนออกแบบให้เข้ารูปกับพื้นรถ

ชุดแต่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ภายใน

ชุดล็อคกันขโมยล้ออะไหล่

 

ชุดพรมปูพื้นห้องโดยสาร

หัวคันเกียร์หุ้มหนัง

ชุดสายเชื่อมต่อสัญญาณ AUX

ชุดสายเชื่อมต่อสัญญาณ iPod

ป้ายสัญญาณไฟฉุกเฉิน

Ford Ranger ใหม่ ชนะทุกอุปสรรค

 Ford Ranger goes Off Road


ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ราคารถ Ford, Ford EcoSport, Ford Escape, Ford Everest, Ford Fiesta, Ford Focus, Ford Ranger, Ford Territory

ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ ^__^

10 เคล็ดลับขับปลอดภัยเมื่อน้ำท่วม

$
0
0

10 เคล็ดลับขับปลอดภัยเมื่อน้ำท่วม

เชฟโรเลต

กรุงเทพฯ – ถึงแม้หลายภาคของประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยแล้ง แต่พายุฝนรุนแรงก็มักเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงมรสุม ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขัง

ความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เพิ่มสูงขึ้น สภาปฏิรูปแห่งชาติระบุว่าแผ่นดินในกรุงเทพฯ มีอัตราการทรุดตัวเฉลี่ย 10 มม. ต่อปี ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงน้ำท่วมขังเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูฝน

CHEVROLET แนะนำ 10 เคล็ดลับการขับขี่ผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง

  • ถ้าเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่บนถนนที่มีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะเมื่อระดับน้ำสูงเกินกว่าขอบทาง
  • ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรปิดแอร์และเปิดหน้าต่าง การขับขี่บนถนนที่มีน้ำท่วมขังขณะเปิดแอร์อาจทำให้เครื่องยนต์ดับ เนื่องจากพัดลมจะทำงานและทำให้น้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ ถ้าเครื่องยนต์ไม่ดับ พัดลมก็จะหมุนรับเศษขยะที่ลอยมาตามน้ำซึ่งจะทำให้พัดลมเสียหายได้ นำไปสู่ปัญหาความร้อนของเครื่องยนต์ที่สูงเกินไป
  • ควรหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังสูงกว่ากึ่งกลางของล้อรถ สำหรับรถเอสยูวีและรถกระบะขนาดใหญ่อย่างเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์และโคโลราโดสามารถแล่นผ่านถนนที่มีน้ำท่วมสูงได้ แต่ควรตรวจสอบว่ารถของคุณสามารถขับขี่ผ่านระดับน้ำได้สูงเท่าใด
  • ขอให้แน่ใจว่าคุณขับอยู่บนถนนและถนนไม่มีความเสียหายใดๆ หรือถนนขาด ขณะเดียวกันควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่คุ้นเคยเนื่องจาก อาจมีหลุมที่ลึกเกินกว่าที่รถจะผ่านไปได้ ผู้ขับขี่สามารถจอดรถก่อนถึงบริเวณที่มีน้ำท่วมขังและสังเกตรถคันอื่นว่า สามารถขับผ่านไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
  • ควรขับรถบนกึ่งกลางหรือใกล้กับกึ่งกลางของถนน เนื่องจากระดับน้ำจะต่ำที่สุด ใช้เกียร์ต่ำและรอบเครื่องยนต์สูง ใช้เกียร์หนึ่งหรือเกียร์ “L” ขึ้นอยู่กับประเภทของเกียร์ ควรรักษาความเร็วให้คงที่และไม่เร่งอย่างรุนแรงเกินไป เนื่องจากอาจทำให้น้ำทะลักเข้าสู่เครื่องยนต์และชิ้นส่วน อิเลกทรอนิก ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับ ขณะเดียวกัน ไม่ควรถอนคันเร่งและหลีกเลี่ยงการหยุดรถบนถนนที่มีน้ำท่วมขัง
  • ควรขับรถเข้าสู่บริเวณน้ำท่วมด้วยความเร็วไม่เกิน 3 กม./ชม. และเพิ่มความเร็วเป็น 6 กม./ชม. เมื่อต้องขับผ่านน้ำท่วม ซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นน้ำด้านหน้าและลดระดับน้ำโดยรอบห้องเครื่องยนต์ลง ช่วยลดความเสี่ยงที่น้ำจะไหลเข้าสู่ที่กรองอากาศและสร้างความเสียหายต่อระบบ ไฟฟ้าและชิ้นส่วนต่างๆ หากใช้ความเร็วมากกว่านี้จะทำให้น้ำไหลผ่านกระจังหน้าเข้าสู่ห้องเครื่อง ยนต์ได้
  • ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าพอสมควรหรือขับรถผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ทีละคันเพื่อป้องกันการหยุดรถกลางทาง หากรถคันหน้าชะลอความเร็ว ควรระมัดระวังว่าไม่มีรถที่ขับมาจากเส้นทางอื่นเนื่องจากคลื่นของน้ำอาจท่วม รถได้โดยเฉพาะถ้ารถคันอื่นใช้ความเร็วสูงเกินไป
  • เมื่อขับรถออกจากบริเวณที่มีน้ำท่วม ควรย้ำเบรกอย่างนุ่มนวลเป็นระยะ หากผู้ขับขี่มีทักษะสามารถใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกได้ เมื่อรู้สึกว่าเบรกจับตัวแล้วให้กลับมาขับตามปกติ
  • หลังจากขับผ่านน้ำท่วมขังมาแล้ว ควรล้างทำความสะอาดรถโดยเฉพาะใต้ท้องรถและล้อ ล้างเศษหญ้า ใบไม้และสิ่งสกปรกออกให้หมดเนื่องจากอาจติดไฟได้ นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเนื่องจากน้ำอาจรั่วซึมเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์ ควรล้างทำความสะอาดพรมปูพื้นเพื่อป้องกันเชื้อรา ตรวจสอบลูกปืนและทุกระบบของตัวรถ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ช่างเทคนิคตรวจสอบตัวรถโดยละเอียด
  • ถ้าต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขังบ่อยครั้ง ควรใช้รถกระบะหรือรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่มีความสูงมากกว่ารถยนต์ทั่วไป นอกจากนี้ ท่อไอดีและท่อไอเสียของรถกระบะและรถเอสยูวียังสามารถปรับเพิ่มความสูงได้ถ้า จำเป็นต้องขับผ่านน้ำท่วมขังที่สูง 1 เมตร ท่อไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซลสามารถทำงานขณะอยู่ใต้น้ำได้ แต่ท่อไอเสียของเครื่องยนต์เบนซินไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากมีแรงดันน้อย กว่า

เมื่อพลังการควบคุมอยู่ที่คุณ! เปิดตัว “NEW MG6” ประสบการณ์ใหม่ของการขับขี่

$
0
0

เมื่อพลังการควบคุมอยู่ที่คุณ! เปิดตัว “NEW MG6” ประสบการณ์ใหม่ของการขับขี่

MG6 1

เปิดรับเทคโลโลยีใหม่ “inkaNet” ไปได้ไม่นาน วงการรถยนต์ไทยก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ “เอ็มจี” แบรนด์รถยนต์ชั้นนำสัญชาติอังกฤษ บุกตลาดครึ่งปีหลัง ส่ง NEW MG6 โฉมใหม่ล่าสุด ขุมพลังเทอร์โบ 1.8 ลิตร ดีไซน์สปอร์ตเฉียบคมสไตล์อังกฤษ พร้อมสุดยอดแนวคิด Brit Dynamic ที่มอบพลังการควบคุมอย่างสูงสุดให้ผู้ขับขี่ พร้อมติดตั้ง “inkaNet” เทคโนโลยีอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ไว้ในรถยนต์ NEW MG6 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 58 MG ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว NEW MG6 ณ บีซีซี ฮอลล์ เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว โดยประกาศสร้างความแตกต่างและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย พร้อมชูจุดเด่นที่มากกว่า ทั้งรูปลักษณ์ สมรรถนะ ความปลอดภัย และพลังในการควบคุม โดย NEW MG6 ตัวใหม่ล่าสุดนี้ จะมีสองรุ่น ได้แก่ Fastback และ Sedan

มาดูกันว่ามีอะไรใหม่ใน NEW MG6 ที่จะกระแทกใจคนรักรถบ้าง ด้านดีไซน์ นี่คือรถยนต์สปอร์ตพรีเมี่ยมที่ออกแบบมาให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสทุกพลังการควบคุม ทั้งรุ่นฟาสต์แบ็ค (Fastback) และซีดาน (Sedan) รูปลักษณ์ปราดเปรียวสปอร์ตเฉียบคมในทุกรายละเอียด ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon HID ทันสมัยและให้ความสว่างที่มากกว่า พร้อมระบบไฟส่องสว่างด้านข้างขณะเลี้ยว (Cornering Lights) ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto-Leveling Headlights) และระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า (Headlight Washer) ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Light) ที่เพิ่มความโดดเด่นและความปลอดภัย สปอร์ตกว่าเดิมด้วยเส้นโครงหลังคาที่ลาดลงโฉบเฉี่ยว กันชนหลังพร้อมไฟท้ายดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอยด์ลายใหม่สุดเท่

MG 6 2

ในด้านสมรรถนะนั้น NEW MG6 แรงเร้าใจด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 161 แรงม้า (118 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 215 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด DCT (Dual Clutch Transmission) ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็ว นุ่มนวลในทุกการขับขี่ด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ MacPherson strut และด้านหลังแบบ Z-Type Multi-link ส่วนด้านความปลอดภัย NEW MG6 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือระดับขึ้น ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก 5 ฟังก์ชัน ได้แก่

  1. ระบบออโต้โฮลด์ ให้คุณไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ในช่วงการจราจรติดขัด (Auto Hold)
  2. ระบบแจ้งเตือนทิศทางของพวงมาลัยหลังการสตาร์ทเครื่องยนต์ หากถูกหมุนไปจากทิศทางตรงเกินกว่า 90 องศา (Steering Wheel Reminder)
  3. ระบบควบคุมแรงบิดของล้อในขณะเข้าโค้ง DWTC (Dynamic Wheel Torque Control)
  4. ไฟส่องสวางด้านข้างขณะเลี้ยว เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น (Cornering Lights)
  5. ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้แสงจากไฟหน้ารบกวนผู้ขับขี่คันหน้าหรือผู้ขับขี่ที่สวนทางมา (Auto-Leveling Headlights)

MG 6 3

นอกจากนี้ ยังมั่นใจสูงสุดกับโครงสร้างนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design) พร้อมคานเหล็กนิรภัยที่ช่วยรับแรงกระแทกจากด้านข้าง และถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบทิศ ส่วนภายในห้องโดยสารจะมีดีไซน์ใหม่ 2 บุคลิก 2 โทนสี ทั้งสีดำและสีเบจ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยคอนโซลหน้าสีเทาเข้มพร้อมจอมาตรวัดดีไซน์ใหม่ ครบทุกฟังก์ชันความบันเทิงทั้งเครื่องเล่น CD และ MP3 หน้าจอแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง บลูทูธ กล้องมองหลัง และลำโพงคุณภาพสูง 8 จุด รองรับ USB และ AUX เพิ่มความบันเทิงและความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

ที่ลืมไม่ได้เลย คือ “inkaNet” ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นาน นี่คือเทคโนโลยีอัจฉริยะระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ NEW MG6 ระบบแรกในตลาดที่ทำงานบนเครือข่าย 3G และ 4G และใช้งานสะดวกถึง 3 ช่องทาง ได้แก่ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และ MG Call Centre ประกอบด้วย 5 ฟังก์ชันหลัก ได้แก่
1. การตรวจสอบสถานะของรถยนต์ (Vehicle Status Update)
2. การควบคุมการทำงานของรถยนต์ (Remote Vehicle Control)
3. การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ (Remote Vehicle Diagnosis)
4. การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ (Vehicle Alarm)
5. ระบบนำทางรถยนต์ (Navigation)

MG 6 4

มร. หวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ซีพี จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เปิดเผยว่า “NEW MG6 จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์คอมแพคสไตล์สปอร์ต โดยรถยนต์ NEW MG6 นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความสปอร์ตแบบพรีเมี่ยม พัฒนาขึ้นภายใต้มาตรฐาน Brit Dynamic จึงมีเอกลักษณ์โดดเด่น สะท้อนความเป็นเอ็มจีอย่างชัดเจน ทั้งด้านการออกแบบ สมรรถนะ การบังคับควบคุม และความปลอดภัย สามารถตอบสนองผู้ขับขี่ให้รับรู้ถึงพลังการควบคุมที่เหนือระดับ สอดคล้องกับสโลแกน “POWER TO CONTROL” นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสแรกที่นำเสนอ “inkaNet” เทคโนโลยีสื่อสารอัจฉริยะระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์ NEW MG6 ที่จะสร้างแรงบันดาลใจและเปิดประสบการณ์ใหม่ของการขับขี่”

NEW MG6 จะเปิดตัวให้รับชมเป็นครั้งแรกในงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2015 ระหว่างวันที่ 1-9 สิงหาคม 2558 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา และโชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ งานนี้แฟนๆ MG ต้องห้ามพลาด มาสัมผัสพลังแห่งการควบคุม พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการขับขี่กับ NEW MG6 ได้แล้ววันนี้

Viewing all 534 articles
Browse latest View live