All-New Toyota Innova 2.0 Hybrid เตรียมเปิดตัวที่ไทย 19 กรกฎาคม 2023 นี้

All-New Toyota Innova 2.0 Hybrid เตรียมเปิดตัวที่ไทย 19 กรกฎาคม 2023 นี้

All-New Toyota Innova 2023 รถยนต์ MPV บนแพลตฟอร์ม TNGA ใหม่ ที่เปิดตัวในอินโดนีเซียไปเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนปีที่แล้ว

ล่าสุดมีรายงานว่าโมเดลดังกล่าวกำลังเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยจะมีการเปิดตัววันที่ 19 กรกฎาคม 2023 นี้

แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น 9CARTHAI จะพาเพื่อน ๆ ไปส่องสเปค All-New Toyota Innova เวอร์ชันอินโดนีเซียกันก่อน

All-New Toyota Innova เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยจะจำหน่ายในชื่อ Kijang Innova Zenix ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 419,000,000 – 601,150,000 รูเปียอินโดนีเซีย (หรือประมาณ 955,000 – 1,370,000 บาท)

สำหรับดีไซน์ภายนอก จะมาพร้อมกับกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL และไฟตัดหมอก กันชนดีไซน์ใหม่ ล้อขนาด 18 นิ้ว และไฟท้ายดีไซน์ใหม่

ภายในห้องโดยสารรองรับ 7 ที่นั่ง แบบ 2+2+3 การออกแบบโดยรวมคล้ายกับ Toyota Voxy แผงหน้าปั TFT ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอแสดงผลแบบลอยตัวขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto จุดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย เบาะนั่งหุ้มหนัง ไฟสร้างบรรยากาศรอบข้าง หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา และหน้าจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหลังรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

มิติตัวรถ
– ความยาว 4,755 มม.
– ความกว้าง 1,850 มม.
– ความสูง 1,795 มม.
– ระยะฐานล้อ 2,850 มม.

โดยในแต่ละเกรดจะได้รับอุปกรณ์และการตกแต่งที่แตกต่างกัน

ในแง่ของระบบส่งกำลังเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Toyota Innova รุ่นใหม่ จะมาพร้อมกับขุมพลังแบบไฮบริด

ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Dynamic Force แบบ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 152 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 187 นิวตัน-เมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ส่งผลให้มีกำลังสูงสุดรวม 186 แรงม้า และแบตเตอรี่แบบ NI-MH

นอกจากนั้นยังมีรุ่นเครื่องยนต์ M20A-FKS ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร และจับคู่กับเกียร์ CVT

ส่วนในด้านความปลอดภัยคุณสมบัติเด่น ๆ ก็จะมี ระบบเตือนก่อนการชน (PCS), ระบบแจ้งเตือนการออกนอกช่องทาง (LDA) และระบบช่วยให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (LTA), ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ (DRCC), ระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (AHB), ถุงลมนิรภัย SRS 6 ตำแหน่ง และระบบควบคุมการทรงตัวของรถ